ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1091 จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จักรพรรดิแพร จักรพรรดิไร้จำกัด และเมิ่งหว่านหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพเหมือนเงาแสงที่เป็นมายาตรงหน้าอย่างเหม่อลอย ไม่กล่าววาจา

ในเงาเหมือน เฟิงอวิ๋นเซิงกำหมัดคำนับ จากนั้นก็หมุนตัวไปอย่างสง่างาม ร่างกายข้ามเปลวเพลิงหลายชั้น หายไปในตำหนักมารเปลวเพลิง ไม่เห็นเงาอีก

แสงสีขาวไหลเวียน เงาแสงตรงหน้าค่อยๆ หายไป เวลาที่ย้อนทวนกลับคืนสู่ลักษณะในปัจจุบันอีกครั้ง

เยี่ยนจ้าวเกอมองตำหนักที่ว่างเปล่า เงียบงันอยู่เนิ่นนาน

“สหายน้อยเยี่ยน เรื่องราวเกี่ยวพันถึงการคืนชีพของราชันพระราหู ข้ากับคนอื่นๆ บนโลกซ้อนโลกเกรงว่าไม่อาจไม่ไถ่ถาม อย่างน้อยก็ต้องแจ้งสามกษัตริย์”

ผ่านไปสักพัก จักรพรรดิไร้จำกัดก็กระแอมเสียงเบา เอ่ยอย่างแช่มช้าว่า “ในนี้ยังมีจอมมารระดับสุดยอดตนหนึ่งมาเกี่ยวข้องด้วย ถูกราชันพระราหูที่ทะนงตนหมายตาได้ จอมมารตนนั้นจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ถึงแม้จะยากสืบเสาะเบาะแสต่อเหมือนกับที่สหายน้อยเฟิงกล่าว แต่ว่าถ้าหากมีโอกาส พวกเราจะลองเข้าไปหาในนพยมโลก หวังว่าจะเจอสหายน้อยเฟิงโดยเร็วที่สุด”

เยี่ยนจ้าวเกอสายตาสั่นไหว หันไปมองจักรพรรดิไร้จำกัด

ชายชราผมขาวหน้าเด็กสายตาสงบนิ่ง ไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ

“รบกวนทุกท่านมาไถ่ถาม โอกาสที่จะสำเร็จย่อมมากขึ้น” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ข้าผู้แซ่เยี่ยนย่อมอยากตามภรรยากลับมาโดยเร็ว ทำให้ทุกท่านหัวเราะเยาะเสียแล้ว ข้ายังคอยคืนส่งตัวเข้าหอมาโดยตลอด”

จักรพรรดิไร้จำกัดแววตาวูบไหวเล็กน้อย ไม่ได้กล่าวอะไร

ถึงแม้จะชื่นชมคนหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ แต่ว่าเรื่องของราชันพระราหูในครั้งนี้เกี่ยวโยงกันมากเกินไป จักรพรรดิไร้จำกัดจำต้องวางแผนอย่างระมัดระวัง

ผลลัพธ์เลวร้ายที่สุดคือ เฟิงอวิ๋นเซิงพ่ายให้แก่เจี่ยนซุ่นหัว แต่เจี่ยนซุ่นหัวก็ไม่ชนะ

ผู้ที่ได้ผลประโยชน์ ก็คือจอมมารที่ถูกเจี่ยนซุ่นหัวหมายตา!

ไม่ว่าจะเป็นเจี่ยนซุ่นหัวกลายเป็นมารหรือเฟิงอวิ๋นเซิงกลายเป็นมาร ผลลัพธ์ล้วนเลวร้ายถึงขีดสุด

จักรพรรดิไร้จำกัดย่อมต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้นี้ ทว่าเขาก็จำเป็นต้องคิดถึงเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิงด้วย

คนหนุ่มตรงหน้านี้เกี่ยวพันกับคนหลายคนมากเกินไป นอกจากษัตริย์กระบี่แห่งเขานครหยกบนยอดเขาเป่ยเกาในเขาคุนหลุนแล้ว ที่จริงเขายังมีความเกี่ยวข้องที่ซับซ้อนกับมรกตท่องฟ้าด้วย

ด้วยจิตใจที่ผ่านลมฝนมามากมายของจักรพรรดิแพร ในตอนนี้ต้องสงบสติอารมณ์ ระวังตัวมากขึ้น

“หว่านเอ๋อร์ ดูเหมือนได้แต่ต้องหยุดเท่านี้แล้ว” จักรพรรดิแพรคล้ายกับไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เพียงมองเมิ่งหว่านอย่างเสียดายอยู่บ้าง “หวังว่าฟ้าจะช่วยคุ้มครองสหายของเจ้า เปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี”

เมิ่งหว่านกำลังมองตำหนักที่ว่างเปล่าด้วยความผิดหวัง

ตอนนี้ได้ยินคำกล่าวของจักรพรรดิแพร นางก็พยักหน้ากล่าวว่า “ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเข้าใจดี ตอนนี้ได้แต่หวังให้ศิษย์พี่เฟิงกลับมาอย่างปลอดภัย”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “หากนางกลับมาเจอเจ้า จะต้องรู้สึกยินดีอย่างไม่ต้องสงสัย คงจะดีใจยิ่ง”

เขาพูดจบก็ประสานมือให้แก่จักรพรรดิแพรกับจักรพรรดิไร้จำกัด “ขอทั้งสองท่านรอสักครู่”

จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปถึงตรงหน้าความมืดที่สะกดดวงเพลิงสีดำ แล้วยื่นมือออกไป

ภายใต้การโคจรคัมภีร์มารไร้รูป เยี่ยนจ้าวเกอคนเปลี่ยนเป็นภาพมายา พระพุทธรูปสีเขียวองค์หนึ่งปรากฏขึ้นบนศีรษะของเขา มีสี่หน้าสิบสองกร ทุกๆ ใบหน้า ล้วนว่างเปล่า ไม่มีหน้าตา

จักรพรรดิไร้จำกัดกับจักรพรรดิแพรล้วนตาเป็นประกาย ‘คนหนุ่มผู้นี้โดดเด่นนัก พรสวรรค์ล้ำเลิศจริงๆ’

ด้วยความรู้ของพวกเขา ถึงจะไม่บรรลุคัมภีร์มารไร้รูป แต่ย่อมทราบว่าอู๋เซียงเทียนหมัวในตำนานถือครองจิตจริงแท้ของการไร้ตัวตนไร้รูป ไม่มีรูปลักษณ์ภายนอก

การฝึกฝนร่างอู๋เซียนเทียนหมัวที่มีรูปลักษณ์ให้สำเร็จ แค่การบำเพ็ญอย่างเดียวยังไม่พอ หรือไม่อย่างนั้น ผู้ฝึกฝนก็ต้องหากต้องการทำให้ได้ จำเป็นต้องหลอมจิตแห่งหลักการอย่างอื่นเข้าไป

วิธีการของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้เป็นเช่นนี้เอง ถึงแม้ว่าเขาจะแสดงความลี้ลับของคัมภีร์มารไร้รูป แต่ไม่คิดจะร่วงหล่นกลายเป็นมาร

พระพุทธรูปสีเขียวยื่นแขนทั้งสิบสองข้างออกมาประสานกันตรงกลาง สะกดและเก็บดวงเพลิงและความมืดนั้นพร้อมกัน

จากนั้นพระพุทธรูปก็ค่อยๆ ลอยลงด้านล่าง เข้าไปในศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ

“สหายน้อยเยี่ยนจำเป็นต้องระวัง ดวงเพลิงนั้นถึงอย่างไรก็เป็นที่มาการคืนชีพหลังความตายของจักรพรรดิในหมู่มาร” จักรพรรดิไร้จำกัดแม้นว่าจะไม่ได้ขัดขวางการกระทำของเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ก็ยังออกปากเตือน

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ทำให้จักรพรรดิไร้จำกัดเป็นห่วงเสียแล้ว แต่ว่าหาเป็นไรไม่”

เขาหลับตา จุดลมปราณทั่วร่างพลันสั่นไหว

จักรพรรดิแพรและจักรพรรดิไร้จำกัดเห็นดังนั้น ต่างก็ตาลุกวาว “หือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งตัวตรงอยู่ที่ใจกลางตำหนักหลังของตำหนักมารเปลวเพลิง ทั่วทั้งร่างพลันสาดแสงสี แสงว่างที่พร่างพราวราวกับแสงดาวหลายสายส่องแสงออกไปรอบๆ โดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง ถึงขั้นที่ทะลุผ่านกำแพงของตำหนักที่เกิดจากเปลวเพลิง

ในวินาทีต่อมา ตรงกลางแผ่นดินไหม้เกรียมซึ่งลุกไหม้ด้านในเขตมารนพยมโลกอันดำสนิทพลันมีแสงสว่างขึ้น เหมือนกับดวงประกายพรึกกลางฟ้ายามราตรี

จุดลมปราณทุกจุดบนร่างของเยี่ยนจ้าวเกอเปล่งแสง ยามนี้มีจุดหนึ่งที่พลันดับแสง

ต่อจากนั้น จุดที่สอง จุดที่สาม…

ถึงแม้ว่าบนร่างจะมีจุดลมปราณที่แสงไม่ดับลง แต่ว่าแสงที่ปรากฏด้านในจุดลมปราณที่เหลือซึ่งยังคงส่องสว่างกลับละลานตากว่างเดิม ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านคุณสมบัติ

แสงกะพริบคล้ายกับหมู่ดาวโคจรในจักรวาลที่แท้จริง

สภาวะของเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มขึ้นตาม!

“ถึงกับเลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลางเช่นนี้” จักรพรรดิไร้จำกัดมองเหตุการณ์ตรงหน้าพร้อมกับถอนใจเสียงเบา “ตามข้อมูลที่ข้าได้ยินมา เขาเพิ่งจะปีนขึ้นสู่สะพานเซียนก่อนพิธีเปิดสำนักของสำนักเขาไม่นานกระมัง”

สายตาที่มองเยี่ยนจ้าวเกอของจักรพรรดิไร้จำกัด นอกจากความชมเชยแล้วก็ยังมีความเสียดาย

นี่ย่อมเป็นเพราะว่าเยี่ยนจ้าวเกอได้ยินชื่อของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณบนทะเลสาบสะท้อนดารา

จักรพรรดิไร้จำกัดมองจักพรรดริแพรแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย ความไม่พอใจหลายส่วนปรากฏขึ้นในดวงตาอย่างหาได้ยาก

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะเรื่องของเฟิงอวิ๋นเซิง ท่าทีของเยี่ยนจ้าวเกอยังทำให้เขาหนักใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางไม่ให้เขาชมเชยความเก่งกาจของชาหนุ่ม

การกระทำที่ไร้ความคิดในตอนแรกของจักรพรรดิแพร ได้ทำลายบุคคลอัจฉริยะหายากของสำนักเต๋าเช่นนี้

ใบหน้าของจักรพรรดิแพรประดับด้วยรอยยิ้ม เหมือนกับลืมเรื่องบนทะเลสาบสะท้อนดารา เพียงมองเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมจุ๊ปากชมเชย “เด็ดเดี่ยวน่ายกย่อง”

“ถูกต้อง…” จักรพรรดิไร้จำกัดส่ายหน้า แล้วมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง

ถึงแม้ว่าใบหน้าจะไม่แสดงอารมณ์ใด แต่ว่าสภาวะอันเด็ดขาดบนร่างของเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้บอกถึงทุกสิ่ง

ความไม่พอใจและความอัดอั้นที่อยู่ในใจ ไม่ได้กลายเป็นความขุ่นเคือง ความกังวล ความสิ้นหวัง และความซังกะตาย แต่กลับกลายเป็นความเด็ดเดี่ยวและทะเยอทะยานที่จะก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เหมือนกับภูเขาไฟที่ระเบิด

การสั่งสมของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ นอกจากอุปสรรคใหญ่แล้ว ความก้าวหน้าก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร

แต่เพื่อความมั่นคงในการเดินบนเส้นทางที่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีอยู่น้อยนิดนี้ เขาไม่เคยรีบร้อน ประทับรอยเท้าอย่างมั่นคง เหยียบย่ำไปด้านหน้าอย่างมั่นใจ

แต่ว่าในตอนนี้เขาไม่จำกัดตัวเองไว้อีกต่อไป หลอมเปลี่ยนภัยร้ายจากเพลิงมาร พลันรุดหน้าขึ้นอีกก้าว

จักรพรรดิไร้จำกัดมองคนหนุ่มที่สีหน้าสงบนิ่งตรงหน้า รู้สึกหนักใจจริงๆ แล้ว

“ข้าตอนนี้ชื่นชมเขากว่าเดิมแล้ว” จักรพรรดิแพรกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างเหม่อลอย

จักรพรรดิไร้จำกัดมองเขาแวบหนึ่ง “เขาไม่เหมือนกับท่าน”

จักรพรรดิแพรหัวเราะ “ไม่เหมือนกับข้ายิ่งดี หงเหลียนเอ๋อร์มีความประทับใจต่อเขายอดเยี่ยมยิ่ง ข้าเคยคิดให้เขามาเป็นลูกเขย วันนี้ดูแล้วสายตาของข้าไม่ผิด เด็กน้อยผู้นี้ไม่ใช่แค่เต็มไปด้วยความสามารถเท่านั้น”

………………..