ตอนที่ 1943 เผชิญหน้า

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1943 เผชิญหน้า

 

จูจื่อจวินยิ้มและพยักหน้า “ศิษย์พี่หรั่น ศิษย์พี่สือ”

 

“นายน้อยจู มีใครบางคนบังอาจกล้าปลอมตัวเป็นศิษย์น้องของอาจารย์ปู่จู!” สือหย่งคํารามและดวงตาส่องประกายโหดเหี้ยม

 

จูจื่อจวินชะงัก ก่อนจะมีท่าทีโมโหเช่นกัน

 

ถึงว่าทําไมถึงได้มีคนมาถามว่าปรมาจารย์จูเฟิงมีศิษย์น้องรึเปล่า ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง

 

“คนผู้นั้นคือใครกัน?” จูจื่อจวินกวาดสายตามองทุกคน ตอนนี้เขารู้สึกเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก

 

“พรึบ” สายตาทุกคู่จดจ้องไปหาโม่ซวงในทันที

 

“โม่เจ็ด ข้าต้องการคําอธิบาย” จูจื่อจวินกล่าว ถึงแม้น้ำเสียงของเขาจะไม่ดังลั่น แต่ทุกคนก็สามารถสัมผัสถึงความเกรี้ยวกราดที่อยู่ในน้ำเสียงได้

 

โม่ซวงรู้สึกกดดันราวกับถูกขุนเขาขนาดใหญ่หล่นใส่

 

ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่!

 

เผิงฮวาเหนียนเป็นคนยอมรับด้วยตัวเองแท้ๆ ว่าหลิงฮันคืออาจารย์ลุงของตน แต่ใครต่อใครกับไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าอาจารย์ลุงผู้นี้โผล่มาจากไหน

 

ใต้ดวงตะวันนี้มีเรื่องประหลาดเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?

 

โม่ทําได้เพียงนิ่งเฉย เขาจะไปให้คําตอบได้อย่างไรกัน? ให้ตายเถอะ เจ้านั่นแหละเหตุใดถึงไม่รู้เรื่องราวของฝั่งตนเองกัน

 

“ใช่แล้ว จงอธิบายมา!” หรั่นเฟยและสือหยังกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ เนื่องจากเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาโดยตรง

 

ถ้าหากพวกเขาไม่คัดค้าน ก็หมายความว่าพวกเขาต้องเรียกอีกฝ่ายว่าอาจารย์ปู่น้อยไม่ใช่รึไง?

 

“เป็นคนผู้นั้นงั้นรึ?” จูจื่อจวินเข้าใจสถานการณ์ และใช้สายตาเย็นชามองไปยังห้องบ่มเพาะกาลเวลาของหลิ่งชัน

 

ไม่ว่าเขาจะเกรี้ยวกราดขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถลงมือกับโม่ซวงได้ เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนของขุมอํานาจระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ เพียงแต่หลิงฮันนั้นแตกต่างออกไป รอให้อีกฝ่ายออกมาก่อน เขาจะตบหน้าอีกฝ่ายให้ร่วง!

 

เขายืนนิ่งด้วยใบหน้ามืดมน ใครก็ตามที่มองมา ย่อมรับรู้ได้ไม่ว่าว่าเขาในตอนนี้กําลังเกรี้ยวกราดขนาดไหน

 

ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ และสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาในทันที มีใครบางคนแสร้งปลอมตัวเป็นศิษย์น้องของปรมาจารย์จูเฟิงงั้นรึ? ช่างเป็นคนที่บ้าบอยิ่งนัก

 

ถ้างั้นก็มารอดูการแสดงกันดีกว่า

 

หยางเจียเผยสีหน้าหยิ่งทะนงและอึกเหิม เขารอซ้ำเติมโม่ซวงแทบไม่ไหวแล้ว หลังจากนี้อีกฝ่ายจะได้ไม่กล้าโงหัวขึ้นอีกต่อไปเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา

 

หลังจากเวลาผ่านไปอีกไม่กี่ชั่วโมง เยี่ยนเว่ยก็เป็นคนแรกที่ผลักประตูเดินออกมา ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

 

เขาหลอมเม็ดยานิรันดร์สองดาวสําเร็จ แถมยังเสริมการปรับแต่งได้หนึ่งขั้นอีกด้วย ถึงแม้เขาจะมั่นใจในอัตราการหลอมเม็ดยาสําเร็จของตนเอง แต่เขาก็เป็นกังวลเล็กร้อนในส่วนของการปรับแต่ง

 

เพราะงั้นเขาจึงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากที่ครั้งนี้ เขาทําการปรับแต่งหนึ่งขั้นได้สําเร็จอย่างไม่มีปัญหา

 

แล้วหลิงฮันล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?

 

เขามองไปยังห้องบ่มเพาะกาลเวลาอีกห้องหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลิงฮันยังคงหลอมเม็ดยาไม่เสร็จ ใบหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความเหยียดหยามในทันที

 

ช่างช้านัก!

 

เวลาผ่านไปอีกพักหนึ่ง หลิงฮันถึงจะผลักประตูออกมาจากห้องบ่มเพาะกาลเวลา

 

เยี่ยนเว่ยเค้นเสียงกล่าว “ทางที่ดีเจ้ายอมแพ้ไปด้วยตนเองจะดีกว่า อย่างน้อยเจ้าจะได้เสียหน้าน้อยลง”

 

“พอดีว่าข้าไม่มีนิสัยเช่นนั้น” หลิงฮันส่ายหัว ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์วรยุทธหรือปรุงยา เขาก็ไม่คิดจะยอมใคร

 

“ดูเหมือนถ้าไม่เห็นโลงศพ คงไม่หลั่งน้ำตาสินะ” เยี่ยนเว่ยกล่าวอย่างหยิ่งยโส พร้อมกับยกมือขวาขึ้น “เม็ดยาที่ข้าหลอมคือเม็ดยาแก่นฟ้าคราม ที่เป็นเม็ดยาระดับสอง และเสริมการปรับแต่งเข้าไปหนึ่งขั้น!”

 

เสริมการปรับแต่ง!

 

แม้แต่นักปรุงยาในอาณัติของปรมาจารย์จู เมื่อได้ยินคํานั้นก็ยังจิตใจสั่นสะท้าน การที่สามารถใช้ห้วงจิตปรับแต่งได้นั้น หมายความว่าอนาคตในศาสตร์ปรุงยาของคนผู้นั้นย่อมสว่างไสว

 

แถมเยี่ยนเว่ยก็ยังเยาว์วัยอีกด้วย การที่เขาใช้ทักษะห้วงจิตปรับแต่งได้ แสดงให้เห็นว่าเขามีพรสวรรค์อย่างมาก

 

จูจื่อจวินพยักหน้าและกล่าว “คนผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ไม่รู้ว่าอาจารย์ของเขาคือใครกัน ถึงได้ฝึกฝนศิษย์มากพรสวรรค์เช่นนี้ออกมาได้”

 

“ในที่แห่งนี้มีนักปรุงยาสองดาวอยู่หรือไม่?” เยี่ยนเว่ยกล่าวเสียงดัง

 

“ข้าเอง” หรั่นเฟยกล่าว

 

“เจ้าช่วยตรวจสอบเม็ดยาแก่นฟ้าครามเม็ดนี้ได้หรือไม่?” เยี่ยนเว่ยกล่าว

 

“แน่นอน”

 

หรั่นเฟยรีบเม็ดยามา หลังจากตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้วเขาก็แสดงความเห็น “คุณภาพของเม็ดยาคือระดับกลาง แต่หลังจากเสริมการปรับแต่งไปแล้ว คุณภาพของมันได้ถูกยกระดับเป็นระดับสูง”

 

ทุกคนรอบด้านพยักหน้า ถึงแม้พวกเขาจะหลอมเม็ดยาไม่ได้ แต่พวกเขาก็เคยกินเม็ดยานิรันดร์มาแล้วมากมาย จึงได้รู้ว่าเม็ดยานิรันดร์สองดาวระดับสูงนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน ราคาของมันจะสูงกว่าเม็ดยาเดียวกันระดับกลางอย่างน้อยสามเท่า

 

นี่คือความพิเศาของทักษะห้วงจิตปรับแต่ง

 

“ทีนี้เจ้ายังจะกล่าวอะไรอีกรึเปล่า?” เยี่ยนเว่ยมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

 

เขาคือลูกศิษย์ของนักปรุงยาสามดาว ที่ครั้งนี้ได้เป็นตัวแทนมาแสดงความยินดีต่อปรมาจารย์จูเฟิง เขามีความคิดอยู่ว่า หากตนเองโชคดีถูกปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาวรับเป็นศิษย์ล่ะก็ บางทีความสําเร็จในศาสตร์ปรุงยาของเขาอาจจะสูงยิ่งขึ้นก็เป็นได้

 

หลิงฮันยิ้มมุมปากและโยนเม็ดยาไปให้หรั่นเฟย “ช่วยตรวจสอบให้ข้าด้วย”

 

โอ้ ดูมั่นใจเหลือเกินนะ

 

หรั่นเฟยรับเม็ดยามา ก่อนจะมองไปยังหลิงฮันและกล่าว “เจ้าคือคนแสร้งเป็นอาจารย์ลุงของอาจารย์ของข้า?”

 

หลิงฮันหัวเราะ “ข้าไม่มีความจําเป็นใดๆ ที่จะต้องแสร้งปลอมตัว พูดก็พูดแล้ว หากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์กับศิษย์พี่สามล่ะก็ ข้าไม่ได้อยากมีศิษย์หลานเช่นนั้นแม้แต่น้อย”

 

“โอหัง!” จูจื่อจวิน หรั่นเฟยและสื่อหย่งคํารามพร้อมกัน ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด

 

หลิงฮันสะบัดมือ “ข้าจะแสร้งปลอมตัวหรือไม่ค่อยว่ากัน รีบๆ ตรวจสอบเม็ดยาได้แล้ว” หลังจากนี้ยังมีผลกอบโกยมากมายรอเขาอยู่

 

ทั้งสามคนเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิม เจ้าแสร้งปลอมเป็นศิษย์น้องของปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาวแล้ว ยังทําเหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสําคัญอีกงั้นรึ?

 

“ตกลง ตรวจสอบ!” จูจื่อจวินกล่าว

 

หรั่นเฟยพยักหน้าและเริ่มการตรวจสอบ เขาเปิดฝาขวดเม็ดยาออก ซึ่งทันที่ที่ดมกลิ่น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

 

เม็ดยาเม็ดยาน ยอดเยี่ยมอย่างน่าเหลือเชื่อ!

 

หรั่นเฟยเทเม็ดยาออกมา และเพ่งตามองจนตาแทบถลน

 

บนตัวเม็ดยา มีลวดลายสีทองอยู่ถึงสามเส้น

 

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

 

เขาแหงนหน้ามองไปยังสือหย่ง และจูจื่อจวิน ที่ตอนนี้ใบหน้าเปลี่ยนสีอยู่เช่นกัน

 

ห้วงจิตปรับแต่งสามขั้น!

 

เพียงแค่สิ่งนี้ ต่อให้เม็ดยาที่หลิงฮันหลอมขึ้นมาคือเม็ดยานิรันดร์หนึ่งดาว ก็เพียงพอแล้วที่หลิงฮันจะเป็นฝ่ายชนะ

 

ไม่… จะให้หลิงฮันชนะไม่ได้

 

จูจื่อจวินหันมองหรั่นเฟยและส่ายหัว