ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1100 หยินหยางไท่จี๋ จักรพรรดิแพรขาวดำ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จักรพรรดิแพรถูกโจมตีอย่างกะทันหัน รับมือไม่ทัน

เฉินเฉียนหัวที่ได้ถูกวังวนมิติกลืนกินไปแล้วเห็นดังนั้นก็เบิกตาโพลง แม้แต่เมิ่งหว่านที่ได้รับการปกป้องจากเยี่ยนจ้าวเกอพลันงงงันอยู่กับที่

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะต่อสู้กับจักรพรรดิแพร แต่ตอนนี้จักรพรรดิแพรกับเฉินเฉียนหัวเป็นศัตรู นับว่าเป็นการช่วยเหลือ

เพราะเป็นห่วงว่าจักรพรรดิแพรกับเฉินเฉียนหัวจะเปลี่ยนความคิด ดังนั้นจึงนับว่าเป็นเรื่องปกติที่เยี่ยนจ้าวเกอจะคอยดูอยู่ด้านข้าง เฝ้าสังเกตอย่างเงียบงัน

การโจมตีเฉินเฉียนหัวไม่ถือว่าน่าแปลก

เทียบกับจักรพรรดิแพรที่ได้แสดงข้อบกพร่องออกมาอย่างชัดเจนเพราะถูกธาตุไฟเข้าแทรกแล้ว การคุกคามของเฉินเฉียนหัวอันตรายยิ่งกว่า

ทว่าในตอนที่โจมตีเฉินเฉียนหัว และจู่โจมใส่จักรพรรดิแพรอีกครั้ง ก็ไม่อาจไม่ทำให้เมิ่งหว่านตกใจ

ถึงแม้ว่าเรื่องของการพลิกหน้าไร้น้ำใจเช่นวินาทีก่อนหน้าเป็นมิตร วินาทีต่อมาเป็นศัตรูก็มีให้เห็นไม่น้อย กระนั้นแม้เฉินเฉียนหัวจะกำลังถูกกลืนกินไปในวังวนมิติ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการพลิกกระดาน

ผู้ใดจะทราบว่าประมุขทิศบนผู้ลึกลับคนนี้จะยังมีไพ่ตายอะไรอีก แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับลงมืออย่างไม่ลังเลแล้ว

หลังจากช่วยจักรพรรดิแพรทำลายการป้องกันของเฉินเฉียนหัวแล้ว เขาก็หันหัวหอก ฉวยโอกาสตอนที่ธงจตุกำหนดถูกใช้โจมตีเฉินเฉียนหัว ส่งสายฟ้าทันใจไปให้จักรพรรดิแพรอย่างไม่เกรงใจ

การคว้าโอกาสไว้ให้มั่น ย่อมเหมาะสมและประเสริฐที่สุด

แต่ก็คงพูดได้ว่า พลิกหน้ายังเร็วกว่าพลิกหนังสือ

เรื่องเช่นนี้เฉินเฉียนหัวย่อมทำได้อย่างแน่วแน่ หากจักรพรรดิแพรที่ตอนนี้บุคลิกแบ่งแยกทำ ก็ไม่น่าประหลาดใจนัก แต่พอเยี่ยนจ้าวเกอที่แม้ดูไม่ค่อยมียางอายอะไรมาก ยังพอมีขีดจำกัดล่างอยู่บ้างทำกลับคล่องยิ่งกว่าหนึ่งประมุขและหนึ่งจักรพรรดิเสียอีก

เป้าหมายของเขาคล้ายจะเล็งที่จักรพรรดิแพรและเฉินเฉียนหัวพร้อมกันตั้งแต่แรก

นี่กลับยโสยิ่งกว่าเฉินเฉียนหัวที่กล้าท้าทายจักรพรรดิแพรเสียอีก

เฉินเฉียนหัวตาเป็นประกายขณะมองเหตุการณ์นี้ รู้สึกฮึกเหิมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาอยากจะเห็นว่าต่อจากนี้เยี่ยนจ้าวเกอจะทำอย่างไรต่อ

ทว่าวังวนมิติที่เกิดจากการระเบิดของสายฟ้าอนัตตากลับได้กลืนกินเขาไปแล้ว

กระแสปั่นป่วนที่เกิดจากการระเบิดโดยสมบูรณ์ของเมฆสายฟ้าอนัตตาที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แม้แต่จักรพรรดิเซียนจริงแท้ก็ยากจะควบคุม

เขาได้แต่มองเยี่ยนจ้าวเกอกับจักรพรรดิแพรหายไปจากตรงหน้าตาปริบๆ

“เหอะ!” ไม่ว่าจะเป็นเพราะถูกเยี่ยนจ้าวเกอทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บหนักตอนอยู่บนโลกแปดพิภพ หรือเมื่อครู่ที่เพิ่งถูกจักรพรรดิแพรใช้ธงจตุกำเนิดเล่นงาน เฉินเฉียนหัวกลับไม่มีความรู้สึกพ่ายแพ้หรือไม่พอใจแม้แต่น้อย มีแต่จะคึกคักกระปรี้กระเปร่าด้วยซ้ำไป

ทว่าในตอนนี้เขากลับเกิดความไม่พอใจอันน่าประหลาด

กระนั้นไม่ว่าเฉินเฉียนหัวจะคิดอย่างไร เขาก็ได้แต่ถูกกระแสปั่นป่วนของมิติเวลากลืนกิน หายตัวไปในชั่วพริบตา

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอแน่ใจแล้วว่าปัจจัยที่ไม่มั่นคงนี้หายไปแล้ว เขาก็ไม่สนใจอีก เพ่งสมาธิที่ตัวจักรพรรดิแพรที่อยู่ตรงหน้า

เมื่อมีธงจตุกำเนิดคอยคุ้มครอง ต่อให้เขากระตุ้นสายฟ้าทันใจก็ส่งผลเพียงแค่ครึ่ง ไม่เป็นไปดั่งที่คาดหวัง

ขณะนี้ฉวยโอกาสที่จักรพรรดิแพรใช้ธงจตุกำเนิดโจมตีเฉินเฉียนหัว ลงมืออย่างฉับพลัน จึงประสบความสำเร็จ

เมื่อนับสายฟ้าทันใจในตอนแรกของตัวเอง ตอนนี้เป็นการโจมตีที่สอง

เยี่ยนจ้าวเกอกับเฉินเฉียนหัวต่างเล็งไปที่ช่องโหว่ในจิตใจของจักรพรรดิแพรเพื่อลงมือ เหมือนกับรับช่วงต่อจากกัน

การโจมตีของเฉินเฉียนหัวกลายเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาย่อมมองข้ามเรื่องเสร็จงานฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล

เขาในตอนนี้กระตุ้นสายฟ้าทันใจอย่างเต็มที่

ในเสียงครางหนักๆ ของจักรพรรดิแพร ม่านตาสองข้างปรากฏรูปไท่จี๋ หมุนวนอย่างรวดเร็ว

ทว่าปลาหยินหยางสีขาวดำที่กอปรกันเป็นรูปไท่จี๋และโอบกอดกัน กลับกำลังแหลกสลายในการหมุนด้วยความเร็วสูงนี้!

เส้นแบ่งสุดท้ายพังทลาย จักรพรรดิแพรเงยหน้ากู่ร้อง จากนั้นคนถึงกับหลุดจากสภาพมนุษย์ กลายเป็นรูปไท่จี๋ขนาดยักษ์ครอบคลุมฟ้าดิน

เมิ่งหว่านเงยหน้ามองรูปไท่จี๋นั้นด้วยความตกตะลึง พูดอะไรไม่ออก

“ผลักเปิดประตูเซียน ไม่อาจกลับคืนเป็นคนอีก” เยี่ยนจ้าวเกอมองรูปไท่จี๋นั่นอยู่เช่นกัน “กฎเกณฑ์มากมายในโลกมนุษย์อาจจะยังเหมาะกับเซียนจริงแท้ และอาจจะไม่เหมาะ สิ่งที่ตัดสินทั้งหมดคือตัวเซียนจริงแท้เอง ไม่ใช่กฎเกณฑ์ ดังนั้นเซียนจริงแท้ก็อาจมีกายเนื้อหนังมังสา แต่ก็อาจจะไม่มีกายเนื้อของมนุษย์ ไม่มีลักษณะพิเศษของชีวิต มีหรือไม่มีขึ้นอยู่กับใจ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงก็ไม่แปลกนัก”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอีกว่า “ภัยพิบัติเซียนมนุษย์ หากผ่านไม่ได้ร่างจะตาย มรรคาจะสลาย หากผ่านได้ก็จะเป็นโลกใบใหม่ ไหนเลยจะง่ายเหมือนกับที่พูด”

ตอนนี้เขาพอจะทราบคร่าวๆ แล้วว่า ต่อจากนี้จักรพรรดิแพรจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

รูปไท่จี๋หยินหยางขนาดมหึมานั้นหมุนอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็เริ่มฉีกออกไปสองด้าน ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงรูปร่าง

มาถึงตอนท้าย ปลาหยินหยางสีขาวดำแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง หนึ่งดำหนึ่งขาวพุ่งไปคนละทาง ก่อนจะพังทลายเหลือเพียงตัวเอง!

กลิ่นอายมารที่อยู่ในเขตมารแห่งนพยมโลกซึ่งอยู่ใกล้ๆ เริ่มรวมตัวกันที่ปลาหยินหยางสีขาวดำซึ่งแยกจากกันด้วยความคลุ้มคลั่ง กอปรกันเป็นกลุ่มปราณขนาดมหึมาสองกลุ่มกลางฟ้าดิน

ความเร็วที่ปราณมารถูกดูดมารวมกัน ยังสูงยิ่งกว่าตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอและเฉินเฉียนหัวใช้วิชามารผนึกรวมเพื่อแปลงร่างเสียอีก

เมิ่งหว่านคล้ายนึกถึงอันใด พลันหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอจ้องกลุ่มปราณสีขาวและสีดำสองกลุ่มนั้นเขม็ง ไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย แต่เขาสัมผัสได้ถึงความสับสนในใจของเมิ่งหว่าน จึงพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อยืนยันการคาดเดาของอีกฝ่าย

เมิ่งหว่านเห็นชายหนุ่มพยักหน้า ก็หันไปมองกลุ่มเมฆขนาดยักษ์สองกลุ่มนั้นอย่างเหลือเชื่อ

กลุ่มเมฆสองกลุ่มหนึ่งขาวหนึ่งดำนั้นใช้จุดหนึ่งในมิติเป็นศูนย์กลาง และวนรอบจุดนั้น

แสงสว่างหลายสายปรากฏขึ้นในกลุ่มเมฆสองกลุ่มพร้อมกัน ธงจตุกำเนิดอาวุธเซียนในท้องฟ้าด้านบนก็สั่นสะเทือนเช่นกัน

พร้อมกับที่ประกายแสงยิ่งมายิ่งเจิดจ้า การสั่นสะเทือนของธงจตุกำเนิดก็ยิ่งมายิ่งชัดเจน

ในตอนที่แสงสว่างเจิดจ้าถึงขีดสุด กลุ่มเมฆสีขาวสีดำก็เริ่มแผ่ออก ด้านในกลุ่มเมฆสองกลุ่มต่างมีปราณสีม่วงยิ่งใหญ่เคลื่อนไหว และแผ่พุ่งออกมาหลายลี้ในชั่วพริบตาเดียว

ทะเลเมฆสีม่วงสองผืนเหยียดยื่นออกไปไกลไม่หยุดยั้ง ระหว่างพวกมันกลับกลายเป็นที่ว่างบริเวณหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายตั้งอยู่ตรงข้ามกัน แยกกันอย่างชัดเจน

ธงจตุกำเนิดที่อยู่ด้านบนกลับสั่นอย่างรุนแรงและเห็นได้ชัดกว่าเดิม

เยี่ยนจ้าวเกอกับเมิ่งหว่านมองอย่างตั้งใจ เห็นใจกลางทะเลเมฆสีม่วงสองด้านมีเงาคนแยกกันปรากฏด้านละคน

หนึ่งสวมอาภรณ์ขาว หนึ่งสวมอาภรณ์ดำ รูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกอย่าง ไม่มีความแตกต่างแม้แต่น้อย

องอาจสง่างาม หล่อเหลาไม่ธรรมดา เป็นรูปร่างหน้าตาของจักรพรรดิแพร

จักรพรรดิแพรสองคน หนึ่งสวมอาภรณ์ดำ หนึ่งสวมอาภรณ์ขาว โผล่ขึ้นตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอกับเมิ่งหว่าน

จักรพรรดิแพรสองคนหลับตายืนอยู่กับที่ ไม่เอ่ยวาจาและไม่เคลื่อนไหว

เมิ่งหว่านพูดไม่ออกขณะมองภาพนี้

นางมองเยี่ยนจ้าวเกอ อีกฝ่ายส่ายหน้า “อย่าเพิ่งเข้าใกล้”

การต่อสู้เมื่อก่อนหน้าได้กวนคนเป็นเมฆลมในนพยมโลก ดึงดูดมารร้ายทั้งหลายในนพยมโลกให้เข้าใกล้ที่นี่ ในจำนวนนั้นมีมารร้ายที่บ้าคลั่ง และไม่มีสติสัมปชัญญะพุ่งมาด้วย

จักรพรรดิแพรสองคนในทะเลเมฆสีม่วงยังคงหลับสองตา แต่ว่ากลับเคลื่อนไหวพร้อมกัน

การเคลื่อนไหวเดียวกัน มือขวาหวดออกไปอย่างพร้อมเพรียง

ทันใดนั้นก็เหมือนมีคมดาบไร้รูปร่างวาดผ่านฟ้าดิน ฟันเหล่ามารในนพยมโลกที่เข้ามาใกล้ออกเป็นสองส่วน!

เมื่อไม่มีจอมมารที่เทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับเซียนอยู่ด้วย มารที่เหลือเห็นดังนั้นก็รีบร้อนล่าถอย

ตอนนั้นเอง จักรพรรดิแพรสองคนลืมตาขึ้นพร้อมกัน

………………..