ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1385 ตามใจ

หลังจากนั้น เมื่อเรือลำนี้ไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ทุกคนต่างก็ลงจากเรือกันหมด แต่ห้องโดยสารนี้กลับไม่ได้เปิดออก “ไอ้คนนี้มันป่วย น่าจะวอนโดนตบ!” แสงดาวผู้ซึ่งใจร้อน หลังจากที่เห็นฉากนี้ จึงคุยโวว่าจะเข้าไปตบเขา โชคดีที่ม็อกโกห้ามเอาไว้ “เอาน่า พวกเราลงไปก่อนเถอะ ให้เขาอยู่คนเดียวบนเรือสงบสติอารมณ์ เดี๋ยวเขาคิดได้ ก็ลงมาเองแหละ” เขาแนะนำให้ทุกคนไม่ต้องไปยุ่งกับคนผู้นี้ชั่วคราว ดังนั้นทุกคนจึงลงจากเรือไป แม้แต่เชียนหยวนล๋ายเย่คราวนี้ยังถูกพาลงไปด้วย

เมื่อถึงที่เกาะ เนื่องจากที่นี่ไม่มีที่พักใดๆเลย ทั้งยังไม่มีอาหารอีกด้วย ดังนั้น หลังจากที่ทุกคนลงมาจากเรือแล้ว ก็ต้องมากางเต็นท์ก่อน แล้วค่อยทำอาหาร

ม็อกโก : “รัก เรามากางเต็นท์กัน ส่วนพวกผู้หญิงก็ไปทำอาหาร”

แสนรัก : “อือ……”

หลังจากนั้นชายทั้งสองก็เริ่มกางเต็นท์ ส่วนเส้นหมี่และแสงดาวก็ลากเชียนหยวนล๋ายเย่ไปก่อเตาไฟ ขนย้ายอุปกรณ์เครื่องครัว และรับผิดชอบล้างผัก แม้แต่เด็กๆทั้งสามยังกระตือรือร้นเข้ามาช่วย เพียงแต่ไม่นานรินจังก็พบว่า อาหญิงที่เธอต้องดูแล ดูเหมือนไม่ค่อยร่าเริงสักเท่าไหร่ “อาหญิงคะ อาหญิงยังคิดถึงคุณอาไหมคะ? ให้หนูไปดูเขาหน่อยไหมคะ?” “ไม่ต้องจ๊ะ ไม่ต้อง” ใบหน้าของเชียนหยวนล๋ายเย่แดงเล็กน้อย รีบปฏิเสธทันที รินจังจึงได้แต่เอียงคอแล้วก็วิ่งไปเล่นกับพี่ชายทางนั้น เส้นหมี่ก็เห็นเช่นกัน แต่เวลานี้ ยังไม่ใช่เวลาที่เธอจะไปแนะนำอะไร เรื่องนี้ แม้เธอไม่ใช่คนผิด แต่เรื่องก็เกิดขึ้นเพราะเธอเป็นต้นเหตุ ดังนั้นไม่เอ่ยอะไรเลยน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ผ่านไปสักสองชั่วโมงได้ ในที่สุด เต็นท์ก็กางเสร็จแล้ว ทั้งทางผู้หญิงตรงนี้ อาหารก็เตรียมเสร็จเรียบร้อย “เสร็จหมดแล้ว งั้นทุกคนมาทานข้าวกันเถอะ ทานเสร็จ พวกเรายังต้องแบ่งงานกันอีก” เส้นหมี่เป็นผู้นำ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเรียกทุกคนมาทานข้าว ทั้งยังถือวิสาสะบอกกล่าวเรื่องงานที่ต้องทำในช่วงบ่าย เมื่อแสงดาวได้ยิน ก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “งานอะไรหรือ? ไม่ใช่มาดูออโรร่าหรอกเหรอ?”

เส้นหมี่ : “ตอนเย็นเรายังต้องทานข้าวนี่นา นอกจากนี้ ที่นี่หนาวมาก ตกดึก ยังต้องทำฟืนอีก แบบนี้ทุกคนถึงจะไม่หนาวไง ทั้งยังได้ชมวิวทิวทัศน์อีกด้วยนะ” ฟังดูแล้วก็มีเหตุผล แสงดาวรีบกางเบาะบนพื้นแล้วนั่งลง แล้วกางลิสต์ต่างๆที่เส้นหมี่วางแผนเอาไว้ตอนออกเดินทางออกมา “ว้าว ตกปลา เก็บฟืน เก็บผลไม้และขุดสมุนไพร เยอะขนาดนี้ จะแบ่งกันยังไงล่ะ?” เมื่อเห็นภาระหน้าที่ที่ต้องทำ ทั้งก่อนหน้ายังยุ่งอยู่สองชั่วโมง เธอจึงแทบจะลมจับ ม็อกโกเดินมาพอดี ได้ยินเธอบ่นพึมพำ จึงนั่งลงข้างๆเธอ “พวกเราไปเก็บฟืนให้ได้” “หา?”แสงดาวรีบมองที่เขา “ฉันไม่เอาหรอก เหนื่อยขนาดนั้น ฉันจะไปจับปลา หรือขุดสมุนไพรก็ได้!!” เธอต่อต้านอย่างเด็ดขาด เมื่อเส้นหมี่เห็น ก็ยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรจ๊ะ เดี๋ยวฉันกับรักไปเก็บฟืนก็ได้”

แสนรัก : “ไม่ได้ คุณร่างกายอ่อนแอ พวกเราเหมาะกับไปตกปลาแค่นั้น” ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกผู้ชายมากันตอนไหน เขาทำหน้าตึง ในมือยังถือเบ็ดตกปลาที่เพิ่งทำเสร็จ โดยที่ยังไม่ได้ปรึกษาหารือกันก่อน

เส้นหมี่ : “………..”

แสงดาว : “……….”

ม็อกโก : “…………”

แม้แต่เชียนหยวนล๋ายเย่ที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการนำอาหารใส่กล่องข้าวยังต้องเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชายที่ทำตามอำเภอใจคนนี้ พลางย่นคอ เขานี่แค่มองก็น่ากลัวจริงๆ เชียนหยวนล๋ายเย่ถือกล่องข้าวแล้วจึงยืนขึ้น “นั่นจะไปไหน?” สายตาของชายผู้นี้มองมาที่เธอ เชียนหยวนล๋ายเย่ตัวสั่นพลางกล่าว “ฉัน…..ฉันจะเอาข้าวไปให้เขาค่ะ เขายังอยู่บนเรือ” “จะส่งอะไรกันนักหนา? ยังเป็นเด็กอยู่หรือไง? โตจนป่านนี้ละ อาละวาดจนข้าวยังต้องให้ส่งไปให้ เก่งนักก็อย่าลงจากเรือละกัน!” ช่างเป็นเสียงตำหนิที่รุนแรงจนทำให้เชียนหยวนล๋ายเย่แทบจะร้องไห้

แต่อันที่จริงแล้ว คำพูดที่ออกจากปากของชายผู้นี้นั้นไม่มีผิดเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังไม่ง่ายเลยจริงๆ เป็นอันรู้กันว่า เมื่อวานตอนพลบค่ำที่อยู่บนเรือ คนที่อับอายจริงๆก็คือเขา ม็อกโกเป็นคนที่เข้าใจเขาที่สุด เมื่อเห็นฉากนี้ เขาจึงยิ้มออกมา “หนูเย่ครับ รักเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เขาก็แค่อยากให้ธิปลงมาทานข้าวเอง เอาอย่างนี้แล้วกัน คุณวางอาหารไว้ตรงนี้แหละ แล้วไปบอกเขาว่าช่วงบ่ายหน้าที่ของพวกคุณคือไปเก็บฟืน หากทำไม่เสร็จ ตกกลางคืนทุกคนก็จะหนาวจนแข็งกันหมด “หา?” ดวงตาเมล็ดซิ่งที่ชุ่มชื้นและเปล่งประกายของเด็กสาวเบิกกว้าง ทำไม…..เรื่องเก็บฟืน ถึงตกมาอยู่ที่พวกเขาสองคนได้ล่ะ? นี่ไม่ใช่…..หน้าที่ที่ทุกคนไม่อยากได้หรือ?” สาวน้อยเกิดความรู้สึกว่าถูกผู้ใหญ่รังแก

แต่ท้ายที่สุด เธอก็ขึ้นไปบนเรือลำนั้น และมาถึงห้องโดยสารห้องนั้นอย่างระมัดระวัง “ที่รักคะ ทานข้าวได้แล้วค่ะ คุณเปิดประตูหน่อยค่ะ” “…………” ไม่มีเสียงตอบ ในห้องโดยสารนี้เงียบกริบ เชียนหยวนล๋ายเย่จึงได้แต่จำใจจับไปที่ลูกบิดประตู “แกร๊ก—-” ประตูห้องโดยสารเปิดออก แต่เมื่อเธอมองเข้าไป กลับพบว่าในห้องนี้ไม่มีคน คนล่ะ? ครั้นเมื่อเธอมองเห็นแล้วก็ตื่นตระหนกทันที