บทที่ 1386 โชควาสนา

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1386 โชควาสนา

“ที่รัก? ที่รักคุณอยู่ไหน? ที่รัก?”

เธอลนลานรีบค้นหาไปทั่วทั้งเรือทันที ถ้าไม่ใช่เพราะห่างกันไกล คนบนเกาะได้ยินแล้วคงคิดว่าสามีของเธอจะกระโดดทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย

คณาธิป: “…….”

ที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ มองดูยัยซื่อบื้อคนนี้ที่กำลังก้มหน้าก้มตาหาใต้ท้องเรือ คือไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี

“หา ที่รัก ที่แท้คุณอยู่นี่เอง ฉันตกใจแทบแย่ ฉันคิดว่า………”

ทันใดนั้นเธอก็เห็นเขา แน่นอนว่าหลังจากที่ความดีใจพรั่งพรูออกมาแล้ว ก็วิ่งเข้ามาหาอย่างมีความสุข ประโยคหลังนั้นก็โพล่งออกมาจากปากเธอเช่นกัน

ดวงตาของคณาธิปดูเย็นยะเยือกลงไป: “คิดว่าผมฆ่าตัวตาย?”

เชียนหยวนล๋ายเย่หุบปากทันที!

“เปล่า…..เปล่าค่ะ…..”

“คุณมาทำอะไร?”

คณาธิปไม่มองเธออีก เขายังคงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือต่อและมองไปที่คันเบ็ดไกลๆ ที่เขาวางไว้

เชียนหยวนล๋ายเย่อึ้งเล็กน้อย

ที่แท้สามีกำลังตกปลาอยู่นี่เอง เธอคิดว่า…….

เธอก้าวเท้าเล็กๆ เข้ามาใกล้เขาเหมือนกับเด็กน้อยขี้อายคนหนึ่ง พร้อมแอบมองเขาเป็นระยะๆ แต่ในดวงตาของเธอหลังจากที่เห็นสีหน้าอารมณ์ของเขาสงบลงเรียบร้อยแล้ว

อันที่จริงนั่นคือความดีใจ

และยังเป็นความสว่างสดใสเมื่อเมฆหมอกเปิดออก

“งั้น….ที่รัก เมื่อสักครู่พวกพี่เขยเขาบอกว่า ตอนบ่ายพวกเรายังมีหน้าที่ก็คือตกปลา หาฟืน และเก็บผลไม้ป่าขุดหาผักในป่า จากนั้น…….จากนั้นพวกเราจับได้ก็คือหาฟืน”

สาวน้อยคนนี้ฉลาดมาก รู้ว่าเวลานี้ไม่สามารถพูดตรงๆ ว่าพวกเขาถูกรังแก ถูกส่งให้ไปเก็บหาไม้ฟืน

แต่หาข้ออ้างหนึ่งบอกว่าพวกเขาจับฉลากได้

คณาธิปรีบหันหน้ามามองเธอทันที

วินาทีนี้ ดวงตาของเขาพลุ่งพล่านออกมาก็คือความแปลกประหลาดใจ

เนื่องจากเขาคิดว่าหลังจากที่เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้น โดยพื้นฐานแล้ว เขาก็ต้องถูกกักตัว เหมือนกับตัวตลกที่ถูกถอดหน้ากากเจ้าเล่ห์นั้นออกมาในที่สุด

เขาถูกทุบตีกลับไปเป็นคณาธิปคนก่อนหน้านี้

คณาธิปคนที่โหดเหี้ยม อัปลักษณ์ ซึ่งไม่คู่ควรต่อการให้อภัยใดๆ ทั้งสิ้น

แต่ตอนนี้……..

“ที่รัก คุณ……ก็ไม่อยากไปใช่ไหม? งั้น ถ้าคุณไม่อยากไป เดี๋ยวฉันไปเอง คุณพักผ่อนอยู่ที่นี่เถอะ”

เชียนหยวนล๋ายเย่เห็นว่าเขาไม่พูดอะไรเลย เพียงแค่ดวงตาคู่นั้นมองดูเธอด้วยสายตาที่ยากจะแยกออกว่าคิดยังไง

ในท้ายที่สุด เธอก็ทนไม่ไหวเล็กน้อย เธอก้มศีรษะเล็กๆ ลงด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เธอรู้อยู่แล้วว่าสามีไม่ยอมตกลง

เธอจึงลุกขึ้นยืนข้างๆ

“ทำไมคุณถึงจับได้ของแบบนี้? ตกปลาไม่ได้เหรอ? ไม่เห็นเหรอว่าผมกำลังตกปลาอยู่?”

“หา?”

สาวน้อยรีบหันหลังกลับมาในทันที

เธอมองดูผู้ชายที่ในที่สุดก็ยอมพูดกับเธออย่างประหลาดใจมาก ศีรษะน้อยๆ คิดอยู่นานมากถึงได้ยินเสียงตัวเองพูดหนึ่งประโยคอย่างติดๆขัดๆ ว่า: “ไม่….ไม่ได้ ตกปลาถูกพี่เขยเอาไปแล้ว”

“พี่เขยคนไหน?”

“ก็….คือแด๊ดดี้ของหนูรินจัง เขาบอกแล้วว่าพี่หมี่ร่างกายไม่ดี เขาจึงตกปลาได้อย่างเดียว”

“……”

ไร้ซึ่งเสียงใดๆ อีก

อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดทุกคนก็ออกเดินทางไปทำหน้าที่ของแต่ละคนให้สำเร็จ

เนื่องจากเส้นหมี่พวกเธอคือตกปลา จึงไม่จำเป็นต้องเข้าป่า ฉะนั้น เมื่อม็อกโกสองสามีภรรยากำลังจะออกไป เธอจึงแอบหยิบข้าวปั้นและแอปเปิลออกมาจำนวนหนึ่ง

“พี่สาว หนูเย่พวกเขาสองคนยังไม่กินข้าว ถ้าพี่เห็นก็เอาให้พวกเขาหน่อยนะ”

แสงดาวขมวดคิ้ว: “………”

สุดท้ายก็พาสิ่งของเหล่านี้ไปด้วย

จากนั้น ในตอนที่เข้าป่า สองสามีภรรยาจึงหารือเรื่องนี้กันตรงนั้น

แสงดาว: “คุณว่าเรื่องนี้มันวุ่นวายจริงๆ ถ้าหากหนูเย่พวกเขาไม่มาเสียก็ดี คุณดูสิเส้นหมี่ทำเรื่องแย่ด้วยเจตนาดี ตอนนี้ทำจนเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนี้”

“นี่มันเป็นเรื่องที่ใครก็ไม่คาดคิด จากในมุมมองของผมนะ กลับถือว่าเป็นเรื่องดีเลยแหละ”

“เรื่องดี?”

แสงดาวมองไปยังผู้ชายของตัวเอง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

ม็อกโกพยักหน้า: “ใช่ เพราะคุณลองคิดดูสิ ถ้าหากในใจธิปมีพฤติกรรมผิดปกติคล้ายโรคจิตนี้มาโดยตลอด สักวันคงจะระเบิดออกมาแล้ว และตอนนี้บนเกาะนี้ก็มีเพียงพวกเราไม่กี่คนกลับดีขึ้นมาบ้าง”

“งั้นเหรอ?”

“แน่นอน เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง หากความลับในใจเหล่านั้นถูกคนมากกว่านี้ได้รับรู้ ก็จะก่อให้เกิดอุปสรรคแก่เขามากยิ่งขึ้น บางทีเขาอาจจะเดินออกมาจากมันไม่ได้เลย”

ม็อกโกวิเคราะห์ให้หญิงสาวด้านข้างฟังอย่างละเอียด

แต่ในความเป็นจริง เขาก็พูดถูกต้อง เพราะว่าในด้านจิตวิทยาเมื่อคนคนหนึ่งต้องประสบพบกันความทุกข์ทรมานแสนสาหัส เขาจะฝังซ่อนบางอย่างเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจด้วยความเคยชิน

เขาไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยด้านอัปลักษณ์ที่สุดของเขาให้คนอื่นได้เห็น

มิฉะนั้น นั่นจะเป็นการกระทบกระเทือนที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ในตอนที่สถานการณ์เลวร้าย เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะทำให้คนคนหนึ่งขังตัวเองไว้อยู่ในโลกของตัวเอง

ซึ่งตัวอย่างแบบนี้ก็มีอยู่มากมายในสังคม

ฉะนั้น ครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคณาธิป อย่างน้อยพวกเขาทั้งหกคนเข้าใจและรับเขาได้ และยังเต็มใจที่จะช่วยเขาเดินออกมาจากตรงนั้น

รวทั้งแสนรักก็ด้วย

ในที่สุดแสงดาวฟังเข้าใจแล้ว สุดท้ายจึงได้เพียงแค่ถอนหายใจด้วยอารมณ์แบบหลากหลาย

——

ในเวลานี้คณาธิปก็กำลังคิดถึงปัญหานี้อยู่เช่นกัน

เพราะว่าเขาพบว่าหลังจากที่มาถึงบนเกาะแห่งนี้แล้ว ทุกคนเห็นเขาแล้วก็ไม่มีใครดูถูกเหยียดหยามเขาเหมือนอย่างที่คิด

ในทางกลับกัน หลังจากที่เด็กทั้งสามคนเห็นเขาแล้วยังดีใจมาอ้อมล้อมเขาเอาไว้ด้วยซ้ำ

จนกระทั่งเข้ามาถึงในกลางป่า ได้พบกับม็อกโกสองสามีภรรยา แสงดาวพี่สาวของเขานำสิ่งของที่นำมาด้วยยัดใส่มือของเขาเอาไว้ จากนั้นก็เริ่มตำหนิเขา

“นายยังเป็นเด็กอยู่หรือไง? ยังให้ฉันต้องเอาของกินมาให้นาย”

“……”

สุดท้ายผู้หญิงคนนี้ก็ถูกม็อกโกลากเดินจากไป

ในระหว่างทางบนภูเขาลูกนี้จึงเหลือเพียงแค่เขาและสาวน้อยที่คอยเดินตามติดเขาทุกย่างก้าว

“ร้อนจังเลย ที่รัก ฉันจะบอกคุณให้นะว่านี่คือข้าวปั้นของพี่หมี่ คุณรีบกินเถอะ” ดวงตากลมโตของเธอกะพริบมองดูอาหารในมือของเขาเพื่อเร่งให้เขารีบกิน

คณาธิปก้มสายตาทั้งคู่ลง

สักพัก เขาจึงเปิดข้าวปั้นนี้ออกแล้วยื่นอันหนึ่งให้กับสาวน้อยตัวเล็กๆ ที่ได้ยินถึงเสียงน้ำลายไหล