ตอนที่ 1311 ฉันอยากมอบดวงดาวให้กับเธอ

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

[“ผมไม่เคยแตะเหรียญรางวัลเลยหลังจากเอามันกลับบ้าน ผมไม่ได้สนใจรางวัลโนเบล”]

[ตะลึง! ศาสตราจารย์ลู่ ‘ปฏิเสธ’ รางวัลโนเบล!]

[“ผมจะตั้งชื่อรางวัลตามชื่อผมเพื่อให้รางวัลคนอายุน้อยที่ต้องการความช่วยเหลือ”]

[ลู่โจว: ผมมีถ้วยรางวัลเยอะแล้ว ไม่ต้องส่งมาให้ผมอีก!]

[…]

ลู่โจวมองดูพาดหัวข่าวในโทรศัพท์ เขาขมวดคิ้วด้วยความเกรี้ยวกราด

เขาแค่ตอบรับการสัมภาษณ์และแสดงความเห็นตามปกติ

ทำไมมันถึงตีความแบบนี้…

มันฟังดูเหมือนฉันกำลังโอ้อวด…

ลู่โจวยื่นโทรศัพท์ให้เฉินยู่ซานที่เดินอยู่ข้างเขา ท้ายที่สุดลู่โจวถามว่า “เธอเจอข่าวเกี่ยวกับฉันมากขนาดนี้จากไหน?”

เฉินยู่ซานกะพริบตาและพูดตอบพร้อมรอยยิ้ม “พวกมันอยู่ในแอปของฉัน”

“ทำไมฉันถึงหาไม่เจอเลย?”

“บางที…” เฉินยู่ซานคิดเรื่องนี้อยู่สักพักในขณะที่กอดอก แล้วเธอพูดว่า “บางทีอาจจะเป็นเพราะว่านายไม่ได้ค้นหาชื่อตัวเองบนอินเทอร์เน็ตบ่อยมั้ง?”

หมายความว่าอย่างไรนะ?

หมายความว่าเธอค้นหาชื่อฉันบ่อยงั้นเหรอ?

นั่น…

ช่างเยินยอมาก

จู่ๆ ลู่โจวรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาหันไปมองข้างทาง

เฉินยู่ซานสังเกตเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไปด้วยสายตาแหลมคม เธอมองดูเขาด้วยความอยากรู้ราวกับว่าเธอเพิ่งค้นพบธาตุใหม่

“หืม? หน้านายแดงเล็กน้อยนะ”

“ไม่มีทาง เธอคิดไปเองหรือเปล่า”

“ไม่ หน้านายน่ะแดง! เดี๋ยว ให้ฉันถ่ายรูป…”

เฉินยู่ซานกำลังจะหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป แต่ลู่โจวหยุดเธอโดยการแย่งโทรศัพท์ไปจากมือ

ถ้าเธอเก็บหลักฐานได้ ภาพลักษณ์ชายหล่อสุขุมร่างสูงจะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง!

“ดูสิว่านายกลัวขนาดไหน! ถึงแม้ว่าฉันจะถ่ายรูปไปจริงๆ ฉันคงไม่แชร์ให้คนอื่นดูหรอก ฉันจะเก็บไว้ดูคนเดียว ทำไมถึงกลัวขนาดนั้น?”

เฉินยู่ซานขำแล้วยิ้มให้ แต่เธอไม่ได้คว้าโทรศัพท์คืนมา เธอพูดว่า “พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฉันไม่ได้คาดคิดว่านายจะใจดีนักหรอก คุณได้คิดเรื่องรางวัลที่จะตั้งขึ้นในชื่อของนายไหม?”

“รางวัล?”

ลู่โจวลังเลอยู่สักพักและนึกออกได้อย่างรวดเร็วว่าเธอพูดถึงอะไร เขามีสีหน้าที่ค่อนข้างเขินอาย

“รางวัล… ฉันคิดว่ามันยังเร็วเกินไป ถึงแม้ว่าฉันมีไอเดียนี้ ด้วยอายุตอนนี้มันจะไม่มากเกินไปเหรอ?”

“ยังไงล่ะ? นายไม่เห็นหรือว่าผู้คนในโลกออนไลน์ตื่นเต้นแค่ไหน?” เฉินยู่ซานยิ้มให้และพูดว่า “ถ้านายสนใจ คุณบอกฉันได้นะ ถึงมันจะเป็นแค่ไอเดียแต่ไม่มีปัญหาเลย ฉันสามารถช่วยนายต้องกองทุนเพื่อจัดการโบนัสนี้ได้”

“อืม… งั้นรอไปก่อนละกัน ฉันยังอายุน้อยอยู่ ไม่รีบอะไรมาก”

ลู่โจวยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ถี่ถ้วน

พวกเขากำลังเดินตามทางไปหอดูดาว สมองของเขากำลังนึกถึงเรื่องอื่นอยู่

โดยปกติแล้วเขาจะไม่ถูกเฉินยู่ซานเล่นงานแบบนี้ เขาสามารถใช้พลังสมองเอาชนะเธอได้อย่างง่ายดายไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลย

ทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน ในไม่ช้าทั้งสองเดินมาถึงสุดทาง

ลู่โจวมองดูรั้วเหล็กที่สุดขั้นบันไดและป้ายเหล็กที่มีข้อความว่า ‘หอดูดาวมหาวิทยาลัยจินหลิง’ เขามีรอยยิ้มบนใบหน้า

ลู่โจวมองดูท่าทีงุนงงของเฉินยู่ซานระหว่างที่เขาพูด

“เรามาถึงที่แล้ว”

เขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วปลดล็อกรั้วเหล็ก เขาเดินเข้าตึกไปพร้อมเฉินยู่ซานที่เดินตามหลังมาแล้วมีท่าทีใคร่รู้…

หอดูดาวนี้เป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่สังเกตทางดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิง ซึ่งอยู่บนหุบเขาในวิทยาเขต

ถึงแม้ว่าตึกนี้ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไรมาก มันมีกล้องโทรทรรศน์สะท้อนซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 65 ซ.ม. กล้องโทรทรรศน์ถูกควบคุมโดยอัตโนมัติโดยคอมพิวเตอร์และเป็นหนึ่งในกล้องโทรทรรศน์สำหรับการเรียนการสอนที่ใหญ่ที่สุดตัวหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กล้องโทรทรรศน์ตัวนี้เป็นสาเหตุที่ภาคดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงเป็นแนวหน้าในประเทศ

นอกจากนี้มันยังมีกล้องโทรทรรศน์วิทยุมืออาชีพขนาดสองเมตร

แต่ลู่โจวมาที่นี่ด้วยเหตุผลหลักคือกล้องโทรทรรศน์

เฉินยู่ซานมองดูโถงทางเดินว่างเปล่าระหว่างที่เธอพูดว่า “ที่นี่วังเวงมาก เหมือนกับเป็นบ้านร้าง”

ลู่โจวหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูห้องดูดาว เขายิ้มและพูดว่า ” มันเป็นวันหยุดช่วงปีใหม่ ฉันได้กุญแจมาจากสำนักธุรการวิชาการ มีแค่พวกเราเป็นแขกในตึกนี้”

ภายในห้องดูดาว ลู่โจวเดินไปตรงกลางห้อง เขาทำตามคู่มือและใช้งานกล้องโทรทรรศน์สะท้อนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 65 ซ.ม. ด้วยความบรรจง

“เรียบร้อย”

หลังจากปรบมือลู่โจวก้าวถอยออกไปและมองดูผลงานมาสเตอร์พีซที่เขาสร้างขึ้น เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและหันกลับไปมองเฉินยู่ซาน

“เวลานี้สมบูรณ์แบบและองศาถูกปรับแล้ว มานี่สิ”

เฉินยู่ซานเดินไปที่ด้านข้างกล้องโทรทรรศน์และเอี้ยวตัวไปที่ช่องส่องด้วยความอยากรู้

วินาทีที่เธอเห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาว เธอมีรอยยิ้มขึ้นมา

เธอไม่เคยเห็นอะไรสวยแบบนี้มาก่อน

ท้องฟ้าเปี่ยมดาวที่งดงามเป็นเหมือนกล้องสลับลายที่เต็มไปด้วยแสง ดาวประกายแสงเป็นเหมือนอัญมณีในเหมืองที่ส่องแสงในความมืดไร้ขีดจำกัด

หลังจากจ้องดูท้องฟ้าเป็นเวลานาน เธอหันหน้าออกด้วยความลังเล

“มันสวยงามมากเลย”

เฉินยู่ซานลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองลู่โจว เธอพูดเสียงเบา

“ฉันไม่เคยสังเกตเลยว่ามีฉากสวยงามอยู่เหนือเรา”

ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “เป็นเพราะว่าโดยปกติแล้วเราไม่สามารถเห็นได้ไกลขนาดนั้น เราสามารถทำได้ด้วยเครื่องมือนี้เท่านั้น เธอสามารถลองซูมได้ แล้วจะเห็นได้ใกล้ขึ้น”

“ช่วยฉันได้ไหม?”

“ยินดี”

ลู่โจวเดินไปที่ด้านข้างของกล้องโทรทรรศน์สะท้อน เขาขยับตาไปใกล้ช่องส่องและปรับการขยายภาพและองศาของกล้องอย่างระมัดระวัง

เฉินยู่ซานบรรจงมองดูเขา อยู่ดีๆ เธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

ลู่โจวที่ปรับกล้องโทรทรรศน์อย่างระมัดระวังก็โพล่งถามขึ้นมาว่า “จะว่าไปแล้ว เธอจำได้ไหมว่าวันนี้เป็นวันอะไร?”

เฉินยู่ซานหน้าแดงในขณะที่เธอหลุดออกจากภวังค์ เธอตอบว่า “อ่า ใช่ ฉันจำได้อยู่แล้ว! วันที่ห้าของตรุษจีน… ไม่สิ 14 กุมภาพันธ์… วันนี้ วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์!”

เธอพูดตะกุกตะกักแล้วเกือบกัดลิ้นตัวเอง

เมื่อเห็นว่าเฉินยู่ซานตื่นตระหนกมากแค่ไหน ลู่โจวอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขาผละตัวออกจากกล้องโทรทรรศน์และลุกขึ้น

“ฉันนึกว่าเธอลืมไปแล้ว”

“ฉันจะลืมวันสำคัญแบบนี้ได้ยังไง?”

เฉินยู่ซานกลอกตาและหน้าแดง จากนั้นเธอต่อยเบาๆ เข้าที่อกลู่โจว

แต่ไม่นานเสียงเธออ่อนลงเหมือนช็อกโกแลตวาเลนไทน์กลางแสงอาทิตย์

“จะว่าไปแล้ว…”

“อะไรเหรอ?”

“ไปดูดาวที่หอดูดาวในวันวาเลนไทน์ มันรู้สึก…โรแมนติกมาก” เฉินยู่ซานไม่รู้ว่าจะบรรยายความรู้สึกในใจอย่างไร เธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วมากและหน้าของเธอกำลังร้อนขึ้น

เธอแน่ใจว่าความรู้สึกนี้ไม่ได้มาจากฮอร์โมนส์

นี่หรือคือความรัก?

เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน

ลู่โจวมองใบหน้าน่ารักและฉีกยิ้ม

“โอ้ จริงเหรอ ฉันกังวลอยู่ว่าเธอจะคิดว่าฉันน่าเบื่อ”

ในท้ายที่สุดการดูดาวด้วยกันต่างจากไปดูหนังหรือช็อปปิ้ง ไม่ใช่ทุกคนที่ชื่นชอบความงดงามของท้องฟ้า

“ไม่เลย ตราบใดที่ฉันอยู่กับนาย ฉันชอบนะ และ…”

เฉินยู่ซานเหลือบมองกล้องโทรทรรศน์และพูดว่า “ฉันไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าดาวสวยงามมากแค่ไหน… ขอฉันดูอีกทีได้ไหม?”

ลู่โจวยิ้มแล้วทำท่าทีเชื้อเชิญ

“ไม่มีปัญหา เชิญเลย เธอดูนานได้ตามที่ต้องการเลย”

เฉินยู่ซานเดินไปที่ด้านข้างของกล้องโทรทรรศน์โดยไม่ลังเล เมื่อเธอมองผ่านกล้องอีกครั้งทั้งจักรวาลก็อยู่ในดวงตาของเธอ

มันเหมือนกับว่าดวงดาวทั้งหมดในจักรวาลมาอยู่ในที่เดียวกัน

ใบหน้างดงามของเธอฉายแววตื่นเต้น

“… งดงามมากเลย”

สวยเกินไปแล้ว

เธอไม่รู้ว่าจะบรรยายสิ่งที่เธอเห็นอยู่อย่างไร

ลู่โจวเดินไปยืนข้างเธอและพูดเสียงอ่อน

“เทาเซติ ห่างออกไป 11.9 ปีแสงจากดวงอาทิตย์ของเรา ฉันอยากโชว์พร็อกซิม่าเซนทูรี่ให้เธอดู แต่เราอยู่ในซีกโลกเหนือเราจึงไม่สามารถเห็นอัลฟ่าเซนทูรี่”

“มันมีความหมายพิเศษอะไรไหม?”

“ไม่ขนาดนั้น… เทาเซติไม่เหมือนดาวชื่อดังดวงอื่น มันเป็นแค่ดาวจางๆ แม็กนิจูดที่สามที่ธรรมดามาก ซึ่งสามารถเห็นได้โดยตรงด้วยตาเปล่า มันก็ไม่ได้ถูกตั้งชื่อตามใครด้วย”

เฉินยู่ซานฉีกยิ้มและพูดแซว “ฉันคิดว่ามันจะเกี่ยวกับความรักเสียอีก”

“เมื่อเทียบกับซูเปอร์โนว่ามันก็มืดกว่า แต่ก่อนมันตามหายาก มันเลยไม่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับมัน” ลู่โจวยิ้มให้และพูดต่อ “แต่ด้วยสิ่งนี้ประวัติศาสตร์ได้มอบหน้าว่างที่มีค่ากับเรา และเราสามารถเขียนตำนานของเราลงไปได้”

เฉินยู่ซานรู้สึกว่าหน้าเริ่มร้อนผ่าว

“เอาตรงๆ นะ นายพูดจีบแบบนี้กับสาวกี่คนแล้ว?”

“เธอเป็นคนแรก”

“หืม…”

เฉินยู่ซานรู้สึกพอใจเล็กน้อย เธอหันหน้าไปส่องช่องมองที่กล้องโทรทรรศน์

เมื่อลู่โจวเห็นว่าเธอหูเริ่มแดง เขายิ้มให้และถามว่า “ชอบไหม?”

“ฉันบอกแล้ว ฉันชอบทำทุกอย่างกับนาย”

“ฉันพูดถึงดาว”

เฉินยู่ซานยิ้มมุมปาก เธอพูดด้วยท่าทีออดอ้อน “ใช่สิ นายบอกฉันว่านายอยากสลักเรื่องของเราบนนั้น”

“งั้น ฉันจะมอบมันให้เธอ”

เวลาเหมือนได้หยุดเดิน

เฉินยู่ซานเงยหน้ามองลู่โจวและกะพริบตา

“ให้ฉันเหรอ…?”

ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “จำของขวัญวันวาเลนไทน์ที่ฉันพูดถึงได้ไหม? ”

“ฉันอยากมอบดวงดาวให้กับเธอ”