ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1458 โลภโมโทสัน
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เส้นหมี่และแสนรักสองคนก็จะอยู่ที่เดอะวิวซีอย่างเป็นกิจจะลักษณะแล้ว หนูรินจังกับคิวคิวก็มาด้วย พวกเขาอายุสิบสองปีแล้ว สิบสองปีควรจะขึ้นชั้นมัธยมต้นเลือกโรงเรียนใหม่แล้ว ดังนั้นแสนรักจึงให้พวกเขามาที่นี่ เพียงแต่ ในขณะที่ไชยันต์กำลังลิสท์รายชื่อโรงเรียนที่ดีๆทั้งหมดในเมืองหลวงอย่างมีความสุข เพื่อให้เหลนทั้งสองเลือกอยู่นั้น คิวคิวยังพูดง่าย แต่สำหรับหนูรินจังที่ในตอนนี้หมกมุ่นอยู่กับการทำเสื้อผ้าและเครื่องประดับแล้ว กลับไม่น่าสนใจแม้แต่นิดเดียว
เส้นหมี่ : “เด็กคนนี้ คงไม่ใช่คิดจะไปเรียนโรงเรียนศิลปะอะไรนั่นจริงๆหรอกนะ?”
แสนรัก : “อะไรนะ?”
เส้นหมี่จึงเล่าเรื่องช่วงอยู่ที่เมืองA แล้วจัดงานพบปะผู้ปกครองกับบรรดาแม่ๆเพื่อนสนิทของเธอให้ฟัง และในเวลานี้ เธอได้ติดต่อแม่ๆสองสามคนไว้ก่อนหน้าแล้ว ลูกๆของพวกเธอจะไปเรียนที่โรงเรียนศิลปะจริงๆ เป็นการออกแบบเครื่องประดับโดยเฉพาะ เมื่อไชยันต์ได้ฟัง เขาที่ค่อนข้างหัวโบราณจึงไม่ค่อยจะยินยอมให้เหลนสาวที่มีค่าของตนไปเรียนด้านนี้ “เรียนโรงเรียนที่จริงจังหน่อยไม่ดีเหรอ? ภายภาคหน้าจะได้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ แบบนี้จึงจะก้าวหน้า” “ลูกของผม จะก้าวหน้าขนาดนั้นไปทำไม?” ชายหนุ่มที่ไม่ไว้หน้ากันสักนิด เถียงกลับไปประโยคหนึ่ง ไชยันต์เสียหน้าจึงไม่พูดอะไรอีก ในที่สุดม็อกโกก็กลับมา เมื่อเห็นทุกคนกำลังถกเรื่องนี้ จึงตัดสินใจยืนอยู่ฝั่งหลานสาวของเขา
“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นให้หนูรินจังไปเรียนโรงเรียนที่เธอชอบก็แล้วกัน ฉันจำได้ก่อนหน้านี้ภาสดรเคยบอก ว่าเขารู้จักครูใหญ่ของโรงเรียนเชื้อพระวงศ์ของเมืองY หากหนูรินจังอยากไป ช่วงนี้เป็นช่วงรับสมัครนักเรียนใหม่อยู่พอดี ไปลองดูก็ได้” “จริงหรือคะ? นั่นเป็นโรงเรียนที่ดีโรงเรียนหนึ่งเลยนะคะ!” เส้นหมี่เมื่อได้ฟัง ตาก็เป็นประกายทันที จะทำยังไงได้ โรงเรียนนี้ ช่วงนี้ในกลุ่มแม่ๆ เห็นพวกเธอเลือกโรงเรียนนี้กันบ่อยๆ โรงเรียนนี้ก็คือคู่ครองที่พวกเธอเฝ้าใฝ่ฝันถึง เพียงแต่ไม่มีใครมีความสามารถที่จะเข้าไปได้ แสนรักย่อมรู้จักโรงเรียนนี้แน่ๆ เวลานั้นเขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ไม่นานหนูรินจังที่รอฟังข่าวอยู่ด้านนอก เมื่อได้ยินข่าวดีเช่นนี้ จึงกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ “ดีเลย หนูจะไปโรงเรียนนั้น หม่ามี้คะ หนูจะไปบอกเพื่อนรักของหนูตอนนี้เลยค่ะ” จากนั้น เด็กน้อยก็ถือกระดานไปหาเพื่อนของเธอ เมื่อผู้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเห็นต่างก็ยิ้มออกมา
นึกว่าเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้แล้ว แต่ใครเลยจะคิด ว่าครั้นตกดึก เด็กน้อยก็มาหาเส้นหมี่ด้วยน้ำตานองหน้า “หม่ามี้ หนูพาเพื่อนสนิทของหนูไปด้วยได้ไหมคะ? เธอได้ยินว่าหนูจะไปที่ที่ไกลขนาดนั้น ก็เสียใจมาก วันนี้ร้องไห้ทั้งวันเลยค่ะ” “หา?” เส้นหมี่งุนงง เพื่อนสนิท? นี่……ไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่มั้ง ไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศ ไม่ได้ไปเล่นเกม เส้นหมี่ย่อตัวลงมาที่เบื้องหน้าเด็กน้อย อธิบายให้เธอฟังอย่างละเอียด : “หนูรินจังจ๊ะ พวกเราไปเรียนหนังสือ ไม่เหมือนตอนที่อยู่เรืองรองที่เชิญเพื่อนมาเที่ยวบ้านแบบนั้นนะจ๊ะ”
หนูรินจัง : “หนูทราบค่ะ หนูก็บอกจ๊ะจ๋าไปแล้ว แต่เธอบอกว่า แม่ของเธอบอกว่า หากพวกเรายอมพาเธอไปด้วย พวกเขาก็เห็นด้วยค่ะ”
เส้นหมี่ : “…………….”
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
คืนนั้น หลังจากที่เส้นหมี่ขึ้นไปบนเตียงแล้ว ได้พูดเรื่องนี้กับชายหนุ่มที่ตนนอนซบอยู่ในผ้าห่ม “คุณว่า พ่อแม่ของเด็กคนนั้น จงใจหรือเปล่าคะ?” “พูดเพ้อเจ้อ?” ชายหนุ่มที่มือหนึ่งพลิกหนังสือ อีกมือสอดผ้าห่มให้เธอ ตอบกลับมาเพียงประโยคเดียว แล้วสองสามีภรรยาก็ไม่ได้ถกถึงเรื่องนี้อีก เพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็น
แต่หลังจากนั้นสองสามวัน เมื่อภาสดรมาถึง และกำลังเตรียมตัวจะพาหนูรินจังไปที่นั่นเพื่อพบกับเพื่อนของเขา เด็กน้อยก็เบ้หน้า ไม่ยอมแล้ว “หนูไม่ไปแล้วค่ะ……” “ว่าไงนะ?” เมื่อพูดคำนี้ออกมา คนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็งุนงง ไม่ไปแล้ว? นั่นไม่ใช่โรงเรียนที่เธอเฝ้าใฝ่ฝันถึงเหรอ? เส้นหมี่จึงเดินมา เธอโน้มตัวมามองเด็กน้อยคนนี้ ถามอย่างใจเย็นว่า : “เป็นอะไรคะ? หนูรินจัง ทำไมจู่ๆไม่ยอมไปแล้วล่ะ?” “หม่ามี้คะ จ๊ะจ๋าพวกเธอไปที่โรงเรียนศิลปะถาวฮวากันหมดเลยค่ะ หนูไม่มีเพื่อนสนิทแล้ว หนูไม่อยากไปเรียนแล้วค่ะ แล้วก็ไม่อยากเรียนออกแบบเครื่องประดับแล้ว หนูจะไปเรียนกับพี่ชายค่ะ” หนูน้อยกุมขมับ นั่งลงอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เส้นหมี่ : “……………..”
แสนรัก : “…………”
ความเงียบปกคลุมอยู่ราวสิบวินาที สองสามีภรรยาจึงให้ภาสดรกลับไปก่อน จากนั้นแสนรักจึงนำโทรศัพท์มือถือของลูกสาวมาดู หนูรินจัง เด็กคนนี้เป็นเด็กที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ตั้งแต่เล็กก็มีพี่ชายทั้งสองคอยปกป้องอย่างดี และนิสัยของเธอก็ไม่ทันคน จิตใจดีงามเป็นอย่างมาก ดังนั้น มีบางครั้งเธอก็ไม่ได้คิดว่าคนอื่นจะมีแผนการอะไรกับเธอหรือไม่? หลังจากที่แสนรักดูแชทการพูดคุยของกลุ่มที่เรียกว่ากลุ่มเพื่อนสนิทของลูกสาวของตนแล้ว เขาก็วางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ แล้วส่งสัญญาณให้เส้นหมี่ติดต่อกับผู้ปกครองของคนที่ชื่อจ๊ะจ๋า ดังนั้น หลังจากนั้นไม่กี่นาที เส้นหมี่จึงโทรศัพท์ไป
“สวัสดีค่ะ ใช่คุณแม่ของจ๊ะจ๋าไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ จากไหนคะ?”
ฟังดูก็รู้ว่าคนในโทรศัพท์เมื่อได้รับโทรศัพท์นี้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่เธอยังจะถามว่าฝั่งนี้เป็นใครงั้นเหรอ?