เซียวฉางเฉียนทำได้เพียงพูดอย่างจนใจว่า : “ครับๆๆ แม่พูดถูก ฟังที่แม่ว่าหมดเลยโอเคไหม?”

นายหญิงใหญ่เซียวจ้องมองแวบหนึ่ง พูดว่า : “ใช้แรงหน่อย สับให้เนื้อหมูละเอียดหน่อย!”

“ผมรู้แล้วครับ……” เซียวฉางเฉียนตอบกลับอย่างคับแค้นใจ

จนถึงเวลาพลบค่ำ ทำหมูสับเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไข่ไก่ก็ผัดเสร็จแล้ว ดอกแดฟโฟดิลกอใหญ่ก็ล้างจนสะอาด วางไว้ที่เขียง

นายหญิงใหญ่ผสมไส้ด้วยตัวเอง ใช้ไข่ไก่และกุยช่ายก่อน ใส่เครื่องปรุงคลุกเคล้ากุยช่ายและไข่ไก่ แล้วใช้เนื้อหมูกับกุยช่ายคลุกเคล้าเป็นหมูกุยช่าย

คนอื่นๆของตระกูลเซียว แต่ละคนต่างก็เริ่มน้ำลายไหลกันแล้ว ถึงอย่างไรช่วงนี้ภายในบ้านก็ค่อนข้างปั่นป่วน ทำเกี๊ยวบ้านๆเรียบง่ายทำกินกันเองในชีวิตแบบนี้ พวกเขาไม่ได้กินมานานมากแล้ว

นายหญิงใหญ่เซียวพาทุกคนมาห่อเกี๊ยวด้วยตัวเอง พูดตามความจริง ทุกคนห่อเกี๊ยว ได้เละตุ้มเปะมาก มีทุกรูปแบบเลย คล้ายๆกับบรรยากาศของช่วงวันปีใหม่ของจีนจริงๆ

นายหญิงใหญ่เซียวที่อารมณ์ร้ายมาโดยตลอด ในตอนนี้เวลานี้ก็รู้สึกถึงความอบอุ่นของการใช้ชีวิตในครอบครัวแล้ว

ในที่สุดเธอก็มีด้านที่มีความเมตตา สอนหลานชายหลานสาว ว่าจะห่อเกี๊ยวยังไงให้ดีขึ้นและแน่นขึ้นอย่างมีความอดทน

ในใจของเซียวฉางเฉียนก็ถอดหายใจยาวอย่างมาก เขาก็รู้สึกชอบภาพฉากที่มีความสุขแบบนี้อย่างมาก

โดยเฉพาะการกลับมาขอภรรยาที่หายตัวไป ทั้งสองคนก็กลับมาสู่ชีวิตที่รักและกลมเกลียวกันแบบตอนเริ่มแรกดั่งเดิมแล้ว

เพิ่มลูกชายลูกสาวที่อยู่ข้างกาย แถมยังอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โตที่ดีขนาดนี้ อีกไม่นาน บริษัทเซียวซื่อก็จะกลับมาฟื้นฟูอีกครั้ง

ชีวิตในช่วงเวลานี้สมบูรณ์แบบอย่างมากที่สุดแล้ว

ถ้าหากให้เขาใช้สี่คำมาบรรยายถึงความรู้สึกในตอนนี้ งั้นก็คือ : “ชีวิตนี้เพียงพอแล้ว”

คิดว่าชีวิตได้ถึงขั้นสูงสุดแล้ว

นายหญิงใหญ่เซียวพาทุกคนห่อเกี๋ยวน้ำได้เยอะมาก เฉียนหงเย่นย้ายเตาไฟฟ้าที่อยู่ในครัวมาที่ห้องรับแขก ทุกคนต่างก็ดูทีวีที่ห้องรับแขกไปพลาง ห่อเกี๊ยวน้ำไปพลาง เตรียมต้มเกี๊ยวน้ำ

แม้ว่าทีวีเครื่องนั้นจะเล็กไปหน่อย แต่ดูแล้วก็ไม่เลวเลยนะ เซียวไห่หลงเจอภาพยนตร์ตลกของโจว ซิงฉือเรื่องหนึ่ง 《Hail the Judge》ทุกคนต่างก็ดูด้วยความสนใจอย่างมาก

เฉียนหงเย่นดูทีวีไปพลาง มองดูเกี๊ยวในหม้อไปพลาง อย่างรวดเร็ว เกี๊ยวในหม้อก็ลอยขึ้นมาแล้ว เพียงแป๊บเดียวก็ลอยขึ้นมาส่งกลิ่นหอมฉุย เมื่อทุกคนได้กลิ่นก็เกิดความอยากอาหารเลย

นายหญิงใหญ่เซียวรีบพูดเร่งว่า : “หงเย่น รีบเอาถ้วยมาให้ฉัน”

เซียวฉางเฉียนหัวเราะฮิๆพร้อมพูดว่า : “รีบตักเกี๊ยวขึ้นมา แล้วก็ต้มอีกชุดนึง ผมจะไปทำซอสเปรี้ยวสักหน่อย ไว้กินกับเกี๊ยว!”

เซียวไห่หลงและเซียวเวยเวยก็รีบล้อมกันเข้ามา

รอให้เฉียนหงเย่นตักเกี๊ยวขึ้นมา เซียวฉางเฉียนก็ถือจิ๊กโฉ่วมาแล้ว

ดังนั้น สมาชิกทั้งห้าคนของตระกูลเซียวก็กินเกี๊ยวน้ำที่พวกเขาห่อด้วยตัวเองอย่างมีความสุข

เซียวฉางเฉียนลงมือเร็วที่สุด ก็ไม่ได้ระวังว่าเกี๊ยวมันร้อน หยิบแล้วเอาเข้าไปในปากเลย พูดออกมาอย่างไม่ชัดเจนว่า : “ไอ้หยาๆ เนื้อหมูที่ตัวเองสับเองกับมือหอมอร่อยมากเลย!”

นายหญิงใหญ่เซียวก็รีบกินหนึ่งชิ้น พูดชื่นชมว่า : “ไอ้หยา กุยช่ายนี้อ่อนนุ่มดีจริงๆ!”

เฉียนหงเย่นกินไปด้วย เอ่ยถามด้วยว่า : “จะว่าไปเอากุยช่ายที่ดีขนาดนี้มาจากไหนกัน?ปกติแล้วแม้ว่าจะไปซื้อที่ตลาดก็ไม่สามารถซื้อกุยช่ายที่ดีขนาดนี้ได้!”

นายหญิงใหญ่เซียวกินเข้าไปอีกคำนึง พูดอย่างถอนหายใจว่า : “เย่เฉินไอ้เด็กเวร ยังถือว่ามีความสามารถบ้าง ก่อนหน้านี้มองเขาผิดไป ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเขามีความสามารถในการหลอกลวงแบบนี้ ก็จะเก็บเขาไว้ที่บริษัทเซียวซื่อ ไม่แน่ก็อาจจะทำประโยชน์ได้เยอะ ”

เซียวไห่หลงรีบพูดว่า : “คุณย่า บริษัทเซียวซื่อจะต้องการเศษสวะแบบนี้ได้ยังไงกัน?อย่างเย่เฉินขยะที่ชอบหลอกลวงเงินคนอื่นแบบนี้ สักวันก็คงก่อเรื่องใหญ่ขึ้น ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่ามีกี่คนต่อคิวจะสับเขาให้ตาย!”

นายหญิงใหญ่เซียวพูดอืมออกมา โบกไม้โบกมือว่า : “พอแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้แล้ว รีบกินกันเถอะ วันนี้เกี๊ยวเยอะแยะเลย อย่างน้อยทุกคนจะต้องกินสองถ้วยนะ!”

————