ตอนที่ 2079 ผ่านการทดสอบระดับแปด!

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 2079 ผ่านการทดสอบระดับแปด!

 

“อะไรกัน ทําไมถึงมีแค่คนเดียวที่ผ่านการทดสอบทระดับหกล่ะ?”

 

“นั่นสิ อู่จื่อซวีไม่ได้อ่อนหัดไปกว่านักปรุงยายื่อหยางแท้ๆ เหตุใดๆ ระยะเวลาที่ทั้งสองใช้ถึงได้ช้าแตกต่างกันขนาดนี้?”

 

“เหอะ อู่จื่อซวีนั้นมีความสามารถยอดเยี่ยมกว่านักปรุงยายื่อหยาง เพราะงั้นคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกไปก่อนจะต้องเป็นคู่จื่อซวีแน่นอน”

 

“เหอะๆ เจ้าไม่รู้ว่ายิ่งแก่ย่อมเผ็ดกว่าขิงอ่อน?”

 

ใครหลายคนเริ่มโต้เถียงกันอย่างดุเดือด บางคนคิดว่าคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกไปได้ก่อนคืออู่จื่อซวี ในขณะที่ใครบางคนคิดว่าเป็นนักปรุงยายื่อหยาง

 

ไม่มีใครเลยที่คิดว่าคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกคนแรก จะไม่ใช่ทั้งคู่จื่อชวีหรือนักปรุงยายื่อหยาง แต่เป็นคนอื่นที่พวกเขาไม่รู้จัก

 

“เดี๋ยวก่อน พวกเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกผู้นี้… ใช้เวลาเร็วกว่าคนอื่นๆที่ผ่านมา!” จู่ๆ ใครบางคนก็เผยท่าที่ตกตะลึงและเกือบโห่ร้องออกมา

 

คนอื่นๆ ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดอย่างรอบคอบ

 

ใช่แล้ว… เป็นแบบนั้นจริงๆ!

 

ยิ่งระดับพลังบ่มเพาะสูงขึ้นก็จะมีสัมผัสที่ไวต่อการไหลของกระแสเวลามากขึ้น เพราะงั้นต่อให้พวกเขาจะไม่รู้สึกตัวในตอนแรก แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปก็จะจดจํารายละเอียดได้อย่างครบถ้วน

 

ในกรณีของม้ามืดอย่างหลินหย่งชางก่อนหน้านี้นั้น ไม่มีใครรู้จักเขามาก่อนจึงไม่ได้คํานวณระยะเวลาที่ใช้ผ่านการทดสอบระดับหก แต่ส่าหรับเซี่ยเล่อจางนั้นไม่ใช่ ทุกคนรู้จักและให้ความสนใจเขาเป็นอย่างดี จึงจดจําได้ว่าเขาใช้เวลาในการผ่านการทดสอบระดับหกอยู่ที่หนึ่งวันสามชั่วโมง

 

แต่ทว่าคนผู้นี้กลับใช้เวลาไปเพียงสิบชั่วโมงเท่านั้น

 

อะไรจะแตกต่างกันขนาดนั้น!

 

“ต้องเป็นอู่จื่อซวีแน่ๆ เขาคือสุดยอดอัจฉริยะในศาสตร์ปรุงยา เพราะงั้นจึงผ่านการทดสอบได้รวดเร็วกว่าใคร”

 

“ผิดแล้ว นักปรุงยายื่อหยางนั้นใช้เวลากับศาสตร์ปรุงยามานานนับไม่ถ้วน หากพูดถึงในแง่ของความรู้พื้นฐานล่ะก็ ไม่ควรมีใครเหนือไม่กว่าเขา!”

 

คนของทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันอีกครั้งอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

ภายในโลกจําลอง หลิงฮันพักหายใจเล็กน้อยก่อนจะทําทายการทดสอบระดับเจ็ด

 

คราวนี้ก็ยังมีกองเศษซากสมุนไพรมากมายปรากฏขึ้นมาเช่นเดิม ในการจ้องมองแวบแรกจะเห็นว่าพวกมันเป็นสมุนไพรชนิดเดียวกัน แต่หลังจากแยกแยะความแตกต่างให้ดี ถึงจะพบว่าแท้จริงแล้วพวกมันเป็นสมุนไพรต่างชนิด

 

หลิงฮันเรียงสมุนไพรตามชนิดก่อน ถึงจะประกอบพวกมันเข้าด้วยกันเหมือนที่ทําในการทดสอบระดับหก และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานสมุนไพรสามชนิดที่ประกอบเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

 

“พรึบ สมุนไพรทั้งสามหม่นแสงลง และถูกแทนที่ด้วยกองเศษซากสมุนไพรกองใหม่

 

…เป็นเศษสมุนไพรของสมุนไพรสี่ชนิด

 

ระดับความยากค่อยๆเพิ่มขึ้น และระยะเวลาที่หลิงฮันใช้ประกอบให้สมบูรณ์ก็ยิ่งนานขึ้นเช่นกัน

 

เพียงแต่ถึงแม้เขาจะใช้เวลานานขึ้น แต่ระยะเวลาที่การทดสอบก่าหนดไว้ก็ยาวนานขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะงั้นเขาจึงยังใช้เวลาไปเพียงสองถึงสามส่วน หรือสามในสี่ส่วนเหมือนเคย

 

หลังจากผ่านไปหนึ่งวันเต็ม ในที่สุดหลิงฮันก็ผ่านการทดสอบระดับเจ็ดได้สําเร็จ ซึ่งนั่นทําให้ที่โลกภายนอกเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่

 

“คนผู้นั้นผ่านการทดสอบระดับเจ็ดแล้ว!”

 

“พระเจ้า ตั้งแต่ที่เขาผ่านการทดสอบระดับหกเวลาเพิ่งผ่านไปหนึ่งวันเท่านั้นเอง!”

 

“ไม่ว่าเป็นนักปรุงยาอัจฉริยะคนใดก่อนหน้านี้ ก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันครึ่งกว่าจะผ่านการทดสอบระดับนี้ได้”

 

“คนผู้นี้นําหน้าผู้อื่นไปครึ่งวัน!”

 

“สัตว์ประหลาด!”

 

“ต้องเป็นอู่จื่อซวีแน่ๆ เขาเป็นอัจฉริยะนักปรุงยาที่มีอยู่น้อยนิดในยุคสมัยนี้”

 

“ผิดแล้ว ต้องเป็นนักปรุงยายื่อหยางต่างหาก เป็นเพราะเขาสั่งสมความรู้มายาวนาน ถึงได้ผ่านการทดสอบได้รวดเร็วเพียงนี้!”

 

ทุกคนยังคงมุ่งความเห็นไปยังอู่จื่อซวีกับนักปรุงยายื่อหยาง ที่น่าจะเป็นผู้ทดสอบที่มีความน่าจะเป็นสูงที่สุด

 

“แต่พวกเจ้าจําได้หรือเปล่าว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมีนักปรุงยาสองคนที่ผ่านการทดสอบระดับหกไปได้ นั่นหมายความว่าในการทดสอบครั้งนี้จะต้องมีม้ามืดที่สามารถทัดเทียมกับอู่จื่อซวีและนักปรุงยายื่อหยางอยู่อีกคนอย่างแน่นอน!” ใครบางคนกล่าวออกมาในอีกมุมมองหนึ่ง

 

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า… คนที่ทําลายสถิติความเร็วผู้นี้จะเป็นม้ามืดคนนั้น?”

 

ทันใดนั้นเองบรรยากาศโดยรอบก็กลายเป็นเงียบสงบ แต่ความเงียบสงบก็อยู่ได้ไม่นานเพราะทันใดนั้นเสียงหัวเราะของทุกคนก็ระเบิดออกมา พร้อมกับกุมหน้าท้อง

 

เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้งั้นรึ?

 

“ที่ข้าอยากรู้ก็คือคนที่อาจจะเป็นอู่จื่อซวีหรือไม่ก็นักปรุงยายื่อหยางผู้นั้น จะสามารถผ่านการทดสอบระดับแปดได้หรือไม่”

 

“ระดับแปดงั้นรึ?”

 

“เรื่องนั้นน่าจะเป็นไปไม่ได้”

 

“ดูอันดับที่บันทึกไว้บนหินวิถีโอสถสิ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมากี่ยุคสมัยแล้ว แต่ก็ยังมีเพียงเจ็ดในสิบคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องสมุนไพรที่สุดเท่านั้น ที่สามารถผ่านการทดสอบระดับแปด!”

 

“นั่นสิ การจะผ่านการทดสอบระดับแปดนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นแล้วคนผู้นี้ก็จะต้องเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคสมัยนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ผิดแล้วๆ ความเข้าใจในสมุนไพรที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสามารถในการปรุงยาที่ยอดเยี่ยมเสมอไป”

 

“อม”

 

เมื่อประโยคสุดท้ายถูกกล่าวออกมาทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ความเข้าใจในสมุนไพรและความเข้าใจในศาสตร์ปรุงยานั้นเป็นคนละเรื่องกันจริงๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สําหรับปรมาจารย์นักปรุงยาแล้ว ความเข้าใจในสมุนไพรที่ยอดเยี่ยมก็ถือว่าเป็นความสามารถที่พึงมีอยู่ดี

 

ท่ามกลางความคาดหวังและความสงสัยของทุกคน หลิงฮันได้ทําการเริ่มทดสอบระดับที่แปด

 

สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขาในครั้งนี้คือสมุนไพรกลายพันธุ์

 

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของสภาพแวดล้อม ส่งผลให้รากเหง้าของสมุนไพรเกิดการแปรผัน แม้แต่รูปร่าง สี หรือแม้แต่คุณสมบัติของมันก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกสวรรค์

 

หินวิถีโอสถทําการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม เพื่อให้หลิงฮันวิเคราะห์ว่าสมุนไพรกลายพันธุ์จะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด และจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร

 

การวิเคราะห์ไม่ใช่สิ่งที่จะทําได้เพียงเพราะจดจําข้อมูลของสมุนไพรได้อย่างละเอียด แต่นักปรุงยาจําเป็นต้องใช้ความรู้พื้นฐานที่ฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญด้วย การวิเคราะห์นั้นไม่ใช่แค่ต้องใช้เวลาที่ยาวนาน แต่หากวิเคราะห์ผิดไปเพียงเล็กน้อยก็จะนําไปสู่ค่าตอบที่ผิดอย่างสิ้นเชิง

 

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป จนพริบตาเดียวก็ผ่านไปเกือบสามวัน

 

“คน! ครีน!”

 

ทันใดนั้นเองคลื่นแสงเจ็ดคลื่นก็ส่องสว่างออกมาจากหินวิถีโอสถพร้อมกัน และหลังจากคลื่นแสงหม่นแสงลงไปไม่นาน คลื่นแสงอีกเจ็ดคลื่นก็ส่องสว่างตามมาติดๆ

 

“พระเจ้า ครั้งนี้มีคนผ่านการทดสอบระดับเจ็ดถึงสามคนเชียวรี!”

 

“น่าอัศจรรย์!”

 

“ม้ามืดในครั้งนี้เป็นใครกัน ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเทียบกับอู่จื่อซวีหรือนักปรุงยายื่อหยาง แต่ที่เขาผ่านการทดสอบมาถึงระดับนี้ได้ก็ถือว่ามีความสามารถมากแล้ว”

 

ฝูงชนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก การทดสอบใกล้จะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็จะได้ค่าตอบว่า สรุปแล้วนักปรุงยาที่พวกเขาถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายคือใครกันแน่

 

แต่ทันใดนั้นเอง ครืนน หินวิถีโอสถก็ส่องสว่างขึ้นมา

 

คลื่นแสงแปดคลื่น!

 

บ้าไปแล้ว!

 

ทุกคนตกตะลึงจนดวงตาแข็งค้าง ขาของพวกเขาแทบจะอ่อนแรงจนทรุดตัวลงกับพื้นในทันที

 

พระเจ้า… ระดับแปด มีคนผ่านการทดสอบระดับแปด!

 

วันเวลาผ่านมาเกือบจะหนึ่งยุคสมัยหรืออาจจะนานกว่านั้นแล้ว มันนานมากจนทุกคนเกือบจะคิดไปแล้วว่า หินวิถีโอสถมีเพียงแค่เจ็ดระดับ จนกระทั่งวันนี้เองที่มีอัจฉริยะผู้หนึ่งได้ประกาศบอกพวกเขาว่าหินวิถีโอสถมีระดับที่แปดอยู่จริงๆ

 

“ต่อให้เขาเป็นพวกบ้าคลั่งในศาสตร์ปรุงยา ที่อาจจะมีเพียงความเข้าใจในสมุนไพรถึงระดับแปด แต่รับประกันได้เลยว่าหอโอสถบรรพกาลจะต้องเปิดประตูต้อนรับเขาเป็นกรณีพิเศษแน่นอน!”