ในตอนนี้เวลานี้เซียวฉางเฉียน อยากตายแล้ว
เขาไม่เคยคิดอย่างมากว่า อู๋ตงไห่จะออกหน้าเพื่อนเฉียนหงเย่น
ในเวลานี้ทำให้ตัวเองทุกข์ใจอย่างมากแล้ว
เซียวฉางเฉียนใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิใจมาครึ่งชีวิต ไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกที่โดนคนสวมเขาเลย สรุปว่าตอนนี้ไม่เพียงแค่โดนสวมเขา ภรรยายังท้องสัตว์เดรัจฉานกลับมาอีก
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ตัวเองไม่สามารถหย่าร้างกับเธอได้
นี่จะไม่ใช่สวมเขาค้างไว้บนหัวของตัวเองเหรอ?
ในตอนนี้เวลานี้ในใจของเขาเกลียดชังเฉียนหงเย่นจะบ้าแล้ว แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของอู๋ตงไห่ เขาก็หวาดกลัวขึ้นมาทันที
เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถขัดคำสั่งของอู๋ตงไห่ได้ ไม่ใช่นั้น ไม่เพียงแค่ตัวเองจะต้องโชคร้าย ทั้งครอบครัวล้วนแต่โชคร้ายกันหมด
ตระกูลเซียวในตอนนี้ ความหวังสุดท้ายเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ถ้าหากไปล่วงเกินอู๋ตงไห่ ทุกคนจะต้องออกจากคฤหาสน์Tomson Riviera ตกอับร่อนเร่พเนจรไปตามมุมถนนทันที กินไม่อิ่มท้อง เสื้อผ้าขาดรุ่ย
เพื่อมีชีวิตรอด เพื่ออยู่ Tomson Riviera เพื่อบริษัทเซียวซื่อ เขาจึงทำได้เพียงยอมทนโดนสวมเขานี้
และเขายังต้องใช้ชีวิตร่วมกับเฉียนหงเย่นต่อไปอีก ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขาทรุดไปทั้งตัว
แต่เพื่อการมีชีวิตอยู่รอด เขาก็ทำได้เพียงยอมประนีประนอม
ดังนั้นเขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดกับเฉียนหงเย่นด้วยความเกลียดชังว่า : “ฉันไม่หย่ากับแกก็ได้ แต่ว่าแกต้องกำจัดเด็กในท้องออกไป!”
นายหญิงใหญ่เซียวพยักหน้า พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “ใช่ ตระกูลเวียวของเราจะไม่เก็บสิ่งชั่วร้ายไว้ จำต้องทำแท้งเอาออกไป”
เฉียนหงเย่นพึงพอใจอย่างมากที่คนตระกูลเซียวยอมถอยให้ อีกอย่าง เธอต่างหากที่เป็นคนที่ไม่ต้องการให้เด็กคนนี้เกิดมามากที่สุด
ถึงอย่างไรคนที่ทำให้เธอตั้งท้องเด็กคนนี้ ก็คือไอ้ผู้ชายจนๆ ทั้งสกปรกทั้งอัปลักษณ์ ส่งกลิ่นโชยเหม็นเปรี้ยวที่น่าขยะแขยงไปทั้งตัว
เขาไม่เพียงแต่ทำให้ตัวเองตั้งท้องเด็กคนนี้ ยังแพร่เชื้อโรคให้ตัวเองอีกมากมายเลย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉียนหงเย่นแทบอยากจะฆ่าคนคุมงานนั่นแล้ว
ดังนั้น เฉียนหงเย่นก็ตอบตกลงว่า : “พวกคุณวางใจได้ ฉันได้นัดหมอเพื่อทำแท้งเอาเด็กออกวันจันทร์หน้านี้แล้ว จะไม่ให้เด็กคนนี้ได้ลืมตาดูโลกแน่นอน”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างเยือกเย็นว่า : “ทำแบบนี้ดีที่สุด!”
ในเวลานี้เฉียนหงเย่นก็ถอนหายใจแล้ว พูดด้วยเสียงถอนหายใจว่า : “จริงๆแล้วพวกคุณควรจะให้อภัยฉันนะ ฉันอยู่ในเหมืองถ่านหินดำได้ลิ้มรสความทุกข์ทั้งปวงในโลกแล้ว คนที่คอยสนับสนุนให้ฉันมีชีวิตต่อไป ก็คือพวกคุณ เพราะพวกคุณคือคนในครอบครัวของฉัน……”
ที่เฉียนหงเย่นพูดมาทั้งหมดนี้เป็นคำสารภาพด้วยใจจริง แต่เมื่อเซียวฉางเฉียนได้ยิน กลับรู้สึกขยะแขยงอย่างมาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า : “พอแล้ว ตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่ามาทำเป็นพูดว่าได้รับความไม่เป็นธรรมหน่อยเลย ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีประธานอู๋คุ้มกะลาหัวแกอยู่ ฉันไล่แกออกไปนานแล้ว!”
เมื่อเห็นเซียวฉางเฉียนมีท่าทางที่โมโหอย่างมาก เฉียนหงเย่นก็หยุดทำเสียงถอนหายใจเมื่อกี้แล้ว พูดอย่างเยือกเย็นว่า: “เซียวฉางเฉียน ฉันให้โอกาสคุณได้มีชีวิตที่ดีๆแล้วนะ ถ้าหากคุณยังอยากจะหาเรื่องใส่ตัวให้ได้ งั้นฉันเฉียนหงเย่นก็จะสู้ให้ถึงที่สุด!”
เซียวฉางเฉียนโมโหอย่างมาก เตรียมจะด่าแม่ นายหญิงใหญ่เซียวตะโกนสุดเสียงว่า : “พอแล้ว!ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!”
เซียวฉางเฉียนถึงได้หุบปาก
นายหญิงใหญ่เซียวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “พวกแกทั้งสองจะต้องใจเย็นๆกันหน่อย แค่เรื่องเน่าๆจะมาทะเลาะอะไรกันที่นี่?ประธานอู๋ก็พูดออกมาแล้ว พวกแกยังทะเลาะกันอีก อยากจะทำลายให้ตระกูลเซียวบ้านแตกสาแหรกขาดแบบนี้ถึงจะมีความสุขกันใช่ไหม?!”
สำหรับนายหญิงใหญ่เซียวแล้ว ถ้าหากเรื่องไหนก็ตามแต่ส่งผลกระทบต่อการอยู่ที่Tomson Rivieraของเธอ ส่งผลกระทบต้องการฟื้นตัวของบริษัทเซียวซื่อ ต่อให้เป็นเรื่องที่สำคัญแค่ไหนก็จำเป็นจะต้องยอมหลีกทางให้
เซียวฉางเฉียนและเฉียนหงเย่นต่างก็ทำท่าทางเก้ๆกังๆ แต่ว่าเฉียนหงเย่นกลับว่าแสดงท่าทางที่ทำได้สำเร็จออกมาครู่หนึ่งแล้ว
เธอรู้ นายหญิงใหญ่เซียวยอมประนีประนอมแล้ว
นายหญิงใหญ่เซียวพูดด้วยสีหน้าที่ดำคล้ำว่า : “พอแล้ว เราเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรล้วนแต่เคยผ่านประสบการณ์มาแล้ว มีเรื่องมากมายที่ยอมเปิดใจกว้างยอมรับไปโดยปริยาย ”
————
พูดแล้ว เธอมองไปยังเซียวฉางเฉียน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ฉางเฉียน แกคิดว่าหงเย่นกำลังสวมเขาอยู่ แกก็เลยอารมณ์ไม่ดี แต่แกเคยคิดบ้างไหม ว่าตอนแรกพวกแกสองคนพาเวยเวย ไปอยู่ในอ้อมแขนของเซียวอี้เชียน เพื่อเงิน 5 ล้าน?”
เมื่อได้ยินคำนี้ ทุกคนก็ก้มหัวลง
บนใบหน้าของเซียวเวยเวยละอายใจและเหลือทน แต่ก็ไม่กล้าต่อต้านอะไร
เซียวฉางเฉียนหน้าแดงก่ำ
จริงด้วย นายหญิงใหญ่พูดถูก
ตัวเองโดนสวมเขา ก็รู้สึกลนลาน คิดว่าเฉียนหงเย่นหยามเกียรติ แต่ตัวเองเป็นพ่อคน เขายังเคยส่งลูกสาวไปให้ชายชราที่อายุมากกว่าเขาหนึ่งปี
นายหญิงใหญ่เซียวเห็นทุกคนไม่กล้าพูด จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ในเมื่อทุกคนก็ไม่ได้บริสุทธิ์ไปทั้งหมด ก็อย่ารังเกียจกันเลย ต่างก็มารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน พร้อมเพรียงกัน ส่งเสริมบริษัทเซียวซื่อให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น เข้าใจกันไหม?”
ทุกคนรีบพูด: “เข้าใจแล้ว!”
ขณะที่พูดอยู่นั้น นายหญิงใหญ่เซียวคุยกับคนอื่นว่า: “แล้วก็ ต่อไปก็ไม่อนุญาตให้ใครถามเรื่องนี้ขึ้นมาอีก มิฉะนั้น จะไล่ออกจากคฤหาสน์ตระกูลเซียว ให้ดูเป็นตัวอย่าง”
เซียวฉางเฉียนและคนอื่นๆ แววตาเคร่งขรึม ใครๆก็รู้ว่านายหญิงใหญ่เซียวไม่ใช่คนที่ชอบล้อเล่น และก็ไม่มีทางสนับสนุนเรื่องฉาวโฉ่แบบนี้หรอก
เรื่องของเฉียนหงเย่น ถือว่าจบไปแล้ว
ความโกรธในใจของเซียวฉางเฉียนบรรเทาลงเยอะแล้ว แผนการนี้ของนายหญิงใหญ่ ได้ผลจริงๆ
ครั้นแล้ว ครอบครัวห้าคนนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่อหมอเห็นเรื่องตลกจบ ก็รีบให้น้ำเกลือพวกเขา เพื่อปรับร่างกายให้สมดุล จากพิษด่างแดฟโฟดิล
เพียงแต่ เซียวฉางเฉียนจู่ ๆ ก็รู้สึกว่า คันตรงเป้ากางเกงแทบจะทนไม่ไหว ล้วงมือลงไปเกาอย่างเงียบๆ ไม่คิดเลยว่าคิดเกาก็ยิ่งคัน
แต่เขาคิดว่านี่คืออาการของการโดนยาพิษ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก
……
ในขณะนี้ ณ Tomson Riviera
ครอบครัวเย่เฉินเพิ่งทานข้าวเสร็จ
ชายวัยกลางคนสองคนในชุดสูท เคาะประตูบ้าน พูดกับเย่เฉินด้วยความเคารพว่า: “สวัสดีครับคุณผู้ชาย เราคือบริษัทนิติบุคคลของหมู่บ้าน Tomson Riviera เมื่อสักครู่เกิดเหตุการณ์อาหารเป็นพิษแบบกลุ่มในบริเวณA04 ของเราเมื่อสักครู่นี้ ครอบครัวทั้ง 5 คนถูกรถพยาบาลพาไปแล้ว เพราะงั้นเราจึงมาเตือนเจ้าของบ้านโดยเฉพาะ ต้องใส่ใจสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาหารโปรดให้ความสนใจกับมันด้วยนะครับ”
เย่เฉินยังไม่ทันได้พูด หม่าหลันแม่ยายเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น: “ครอบครัว A04 ถูกรถพยาบาลพาไปแล้วเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?”
ชายในชุดสูทคนหนึ่งกล่าวด้วยความนับถือ:“คุณผู้หญิง สวัสดีครับครอบครัวเจ้าของบ้าน a04 อาหารเป็นพิษทั้งหมด ได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว ขอสอบถามหน่อยที่บ้านคุณได้ทานสัตว์ป่าหรือผักป่าและเห็ดในบ้านหรือไม่?”
หม่าหลันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “โธ่เอ๋ย บ้านเรากินของแบบนั้นไม่เป็นหรอก ไม่ได้ยากจนเหมือนบ้าน A04 นั่นสักหน่อย ยากจนกระทั่งต้องไปขโมยของบ้านคนอื่นกินเลย!”
คนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยิ้มอย่างเก้ๆกังๆ และพูดว่า: “เราก็มาแจ้งให้ท่านทราบสักหน่อย ในเมื่อท่านได้ตระหนักป้องกัน นั่นก็ดีมากแล้วล่ะครับ!”
หลังจากที่นิติบุคคลทั้งสองเดินไปนั้น หม่าหลันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “โธ่เอ๋ย ทำชั่วได้ชั่วจริงๆ ฉันว่าแล้วคนตระกูลเซียวไม่ได้มีชีวิตอยู่ที่ Tomson Riviera ! เกิดเรื่องขึ้นจริงๆด้วยสินะ ฮ่า ๆ ฟ้ามีตาจริงๆ!”
เซียวชูหรันถามด้วยความแปลกใจ: “แม่ เกิดอะไรขึ้นคะ?”
หม่าหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “คนบ้านย่าของลูกอาหารเป็นพิษ ถูกรถพยาบาลพาไปแล้ว ฮ่า ๆ สมน้ำหน้าจริงๆ!”
“อาหารเป็นพิษงั้นหรือ?” เซียวชูหรันถามด้วยความตกใจ: “ทำไมถึงอาหารเป็นพิษได้ล่ะ? พวกเขาขโมยผักบ้านเราไม่ใช่ไหม? เราก็ไม่เป็นไรนี่นา”
เซียวฉางควนกล่าวด้วยความประหลาดใจ: “ไม่ใช่ว่าพวกเขากินเนื้อไม่สดเข้าไปหรอกนะ?”
เย่เฉินตอบเบาๆ : “ผมเดาว่าพวกเขาน่าจะกินดอกแดฟโฟดิลที่ผมปลูก
——-