ตอนที่ 1469 : การต่อสู้กับขอบเขตดั้งเดิม (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1469 : การต่อสู้กับขอบเขตดั้งเดิม (2)

เสี่ยวหลิงรีบบินเข้าไปในอุโมงค์ นางใช้มือทั้งสองข้ากดลงไปและมีพลังอันน่ากลัวเอ่อล้นออกมา พลังนั้นมากเกินกว่าขั้นรับมอบและไปถึงขั้นย้อนกลับ

ตูม !

พลังอันน่ากลัวอัดเข้าใส่อุโมงค์มิติจนทำให้โครงสร้างภายในสั่นไหวอย่างรุนแรง พลังงานในอุโมงค์เริ่มอันตรายขึ้นมากกว่าเดิม

การให้ขั้นรับมอบ 6 คนผ่านอุโมงค์นี้ได้ถือว่าเป็นข้อจำกัดของความมั่นคง ถ้าขั้นย้อนกลับเข้ามา แม้ว่าพวกเขาจะรักษาตัวตนของตัวเองและกักพลังไว้กับตัว แต่อุโมงค์ก็จะไม่มั่นคงและถล่มลงมา

ไม่ใช่แค่เสี่ยวหลิงเข้ามาในอุโมงค์ แต่นางยังระเบิดพลังขั้นย้อนกลับออกมาโจมตีอุโมงค์ด้วย ซึ่งทำให้เกิดรอยแตกขึ้นทันที ทั้งอุโมงค์สั่นไหวอย่างรุนแรงและเริ่มถล่มลงทีละนิด ๆ มีหลายที่ที่แยกออกจากกันจนเกือบแยกอุโมงค์ออกเป็นสองส่วน

“เราถูกพบตัวแล้ว เร็วเข้า รีบออกไปให้เร็วที่สุด เราไม่อาจถูกดูดออกไปมิติภายนอกอุโมงค์ได้ แม้ว่าเราจะเป็นขั้นรับมอบแต่เราจะถูกดูดเข้าไปในจักรวาลไร้จำกัดตลอดกาล” ใบหน้าของทั้งหกคนแสดงสีหน้ากังวลและพวกเขาก็เร่งความเร็วพุ่งตัวไปด้านหน้า พวกเขาต้องการไปถึงทวีปเทียนหยุนได้ก่อนที่อุโมงค์จะพังลง

“โอ้ ไม่นะ คนที่คุ้มกันอุโมงค์นี้เป็นขั้นย้อนกลับ ระวังไว้ทุกคน พยายามหลบการโจมตีของนางไว้ ตั้วฟู่เตรียมสมบัติลับจากจิตวิญญาณราชันย์กักขังขั้นย้อนกลับเอาไว้ ตราบใดที่นางไม่มีส่วนในการต่อสู้ โลกอันงดงามนี้ก็จะเป็นของเรา” กู่มู่พูดขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชา สายตาเขาแสดงความเย็นชาเมื่อมองไปยังร่างเพรียวบางที่ปลายอุโมงค์

ทั้ง 6 คนกลายเป็นร่างพร่ามัวภายในอุโมงค์ พวกนั้นรีบออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะพวกเขาถูกพบตัวแล้ว ทั้งหกจึงไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีกต่อไป พวกเขาต่างก็ระเบิดพลังของตัวเอ่งออกมา พวกเขาได้พุ่งผ่านลำแสงพลังงานในอุโมงค์ แล้วพุ่งไปข้างหน้า

แม้ว่าพวกเขาจะทำให้อุโมงค์พังลงไปเร็วกว่าเดิมแต่พวกเขาก็ไม่สนใจ เพราะอุโมงค์นี้ไม่อาจจะทำลายได้โดยสมบูรณ์ แม้ว่าจะเกิดรอยแตกแต่กฎของโลกก็จะยื้อมันให้ต่อกันไว้ มันจะฟื้นฟูกลับขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าไม่อาจให้พวกมันเข้ามาได้ ข้าไม่อาจให้พวกมันข้ามมาได้ พวกบัดซบห้ามเข้ามาที่นี่” เสี่ยวหลิงยืนอยู่ในอุโมงค์ที่กำลังถล่ม นางกัดฟันแน่น นางดูเด็ดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ นางเหมือนจะละทิ้งความกลัวทั้งหมดที่มีในใจ ความคิดเดียวที่นางมีคือกันไม่ให้คนพวกนี้ผ่านนางไปได้โดยใช้พลังทั้งหมดที่นางมี

ไม่รู้ตัวเลยว่าร่างที่ดูอ่อนแอของนางนั้นกลับดูเหมือนมีขนาดใหญ่ นางเป็นเพียงเด็กสาสวอายุ 11-12 ปีแต่นางกลับเหมือนกับวีรบุรุษ นางใช้ตัวเองในการหยุดขั้นรับมอบ 6 คนจากโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

ขั้นรับมอบ 6 คนไม่ใช่สิ่งเดียวที่ถูกยื้อในอุโมงค์โดย เสี่ยวหลิง มันยังมีลำแสงพลังงานที่พุ่งปะทุออกมาด้วย

ลำแสงพลังงานแต่เดิมแล้วต้องการที่จะพุ่งออกจากอุโมงค์เข้าสู่ทวีปเทียนหยวนและออกไปมิติภายนอก แต่เนื่องจากเสี่ยวหลิงยืนขวางทางอยู่ ลำแสงนั้นจึงไม่อาจจะเข้าใกล้ระยะ 30 เมตรของนางได้ พวกมันถูกนางผลักกลับเข้าไปในอุโมงค์

ผู้รับมอบที่ชื่อตั้วฟู่ได้หยิบแผ่นกลมแบนออกมา แผนภาพหยินหยางแปดเหลี่ยมถูกสลักไว้บนแผ่นจาน มันส่องแสงหม่นออกมา แสงสีครามที่ดูลึกลับและโบราณโคจรอยู่ด้านใน

ตอนที่เสี่ยวหลิงเห็นแผ่นกลมแบนนั่น นางก็ตะลึงอย่างมาก นางรู้สึกถึงภัยจากแผ่นกลมแบนนั่น

เสี่ยวหลิงไม่รู้ว่าแผ่นกลมแบนนั่นคืออะไร แต่นางเข้าใจพลังของมัน นางหลับตาโดยไม่ลังเล ร่างของนางลอยอู่ในอุโมงค์ที่สั่นไหว นางหยุดนิ่งและจิตสังหารก็แผ่ออกมาจากตัวนาง

“ไม่นะ นางกำลังใช้ทักษะลับ บัดซบ การโจมตีเพียงครั้งเดียวจากขั้นย้อนกลับไม่ใช่สิ่งที่เราจะหยุดได้ ถ้านางใช้ทักษะลับ เราทั้งหกต้องตายแน่นอน ตั้วฟู่ เจ้าทำอะไรอยู่ ? ทำไมเจ้าไม่รีบใช้สมบัติซะ ? วิธีเดียวที่เราจะหยุดนางได้คือสมบัตินี่” อันนาพูดด้วยความเร่งรีบ

ตั้วฟู่ไม่ได้ตอบกลับ เขาสร้างผนึกด้วยสองมือของเขา เขาร่ายมนต์พร้อมกับแผ่นกลมแบนบนหัวที่เปล่งแสงออกมา แผนภาพเริ่มทำงานและหมุนวนช้า ๆ พลังลึกลับเริ่มไหลไปมาภายในมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายตั้วฟู่ก็ตะโกนออกมาและแผ่นกลมแบนก็ได้พุ่งเข้าใส่เสี่ยวหลิงทันที

“ทักษะเทพทั้งเก้า สังหาร ! ” – ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวหลิงก็ได้ใช้ทักษะลับของนาง พลังงานอันน่ากลัวอัดแน่นในมือของนางก่อตัวเป็นกรงเล็บ นางเหวี่ยงมันออกไปตรงหน้านาง

ตอนที่นางตวัดมือออกไป รอบข้างก็เปลี่ยนไปด้วยเขตของอุโมงค์ว่างเปล่า เสี่ยวหลิงได้ฉีกมิติในอุโมงค์ออกจนทำให้ความมืดมิดก่อตัวขึ้นมาตรงหน้านาง

แต่ไม่นานหลังจากนั้นลำแสงก็ฉีกความมืดมิดเปล่งแสงอันทรงพลังจนทำให้ขั้นรับมอบทั้งหกต้องหน้าซีดก่อนจะพุ่งไปหาพวกนั้น

การโจมตีนี้อัดแน่นไปด้วยพลังสังหารซึ่งเพียงพอจะกำจัดและทำอันตรายวิญญาณของคนโดยรอบได้ ก่อนที่การโจมตีของเสี่ยวหลิงจะไปถึง ขั้นรับมอบทั้งหากก็รู้สึกเจ็บปวดในวิญญาณของตน สีหน้าของพวกนั้นต่างก็พาบิดเบี้ยวไป

ตูม !

เสียงระเบิดดังก้องขึ้นในอุโมงค์และการโจมตีของเสี่ยวหลิงก็ได้ปะทะกับแผ่นกลมแบนสีครามในอากาศ แผ่นกลมแบนสีครามได้ฉายแผนภาพหยินหยางออกมาซึ่งมีตัวหนังสือมากมายรายล้อม ตอนที่แผนภาพหมุนวน มันก็หยุดการโจมตีของเสี่ยวหลิงเอาไว้ แผ่นกลมแบนนั้นไม่ได้ช้าลงเลยแม้แต่น้อยและพุ่งเข้าหาเสี่ยวหลิงต่อ

สีหน้าของเสี่ยวหลิงเปลี่ยนไป นางถอยกลับมาเพื่อออกจากอุโมงค์ แต่แผ่นกลมแบนนั่นได้กลายเป็นแผนภาพที่กว้างกว่า 30 เมตรและอยู่บนหัวของเสี่ยวหลิง มันได้เปล่งแสงที่มีพลังอันลึกลับออกมา

เสี่ยวหลิงยังมีความคิดที่เด็ก นางไม่ได้มีประสบการณ์ต่อสู้มากพอ โดยเฉพาะตอนที่แผนภาพนั้นลอยอยู่บนหัวนาง นางแสดงความกลัวออกมาและจิตใจเริ่มร้อนรน แม้ว่าจะกลัวแต่นางก็ไม่ลืมที่จะตอบโต้ นางได้โจมตีแผนภาพบนหัวนางให้แรงที่สุดเท่าที่ทำได้พยายามจะทำลายมัน

แต่พลังอันลักลับของแผนภาพนี้มากเกินกว่าที่เสี่ยวหลิงคิดเอาไว้ การโจมตีทั้งหมดของนางถูกดูดซับตอนที่มันปะทะกัน พวกมันไม่ได้สร้างความเสียหายให้แผนภาพเลยแม้แต่น้อย กลับกันแล้วแผนภาพกลับเริ่มลดตัวลงมาแล้วมีตัวหนังสือมากมายรัดตัวนางไว้ทำให้นางไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้ ไม่ว่านางจะพยายามใช้พลังขั้นย้อนกลับมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจจะสลัดมันหลุดได้

ความมั่นใจของเสี่ยวหลิงพังทลายลงเมื่อพบสถานการณ์ที่นางไม่เคยพบมาก่อน นางลนลานอย่างมาก ในใจนางเต็มไปด้วยความกลัวและกังวล นางร้องไห้และสะอื้นออกมา “เจ้านาย เจ้านาย ท่านอยู่ไหน ? มาช่วยข้าที ! ข้าจะโดนจับไปโดยพวกบัดซบนี่ เจ้านาย เร็วเข้า เจ้านาย หากท่านไม่มา ข้าจะไม่ได้พบกับท่านอีก ฮือ….”

“วิเศษ เราจับขั้นย้อนกลับได้ เราไม่อาจจะอยู่ในอุโมงค์นี้ได้นาน รีบออกไปกันเถอะ” ทั้งหกต่างก็พากันดีใจ พวกเขาพยายามจบการเดินทางส่วนสุดท้ายของตน

ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีม่วงปรากฏขึ้นมาพุ่งเข้าไปในอุโมงค์พร้อมกับปราณกระบี่ที่น่าตกใจมาถึงตอนที่พวกนั้นกำลังจะออกจากอุโมงค์