ตอนที่ 2,968 : สายตาคับแคบเกินไป
หลังสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กับหวงเจียหลงได้สักพัก ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจหมดจด ว่าเวทย์พลังระดับราชาธาตุลมอย่างประทับเมฆาวายุของหวงเจียหลงนั้นทำอะไรได้บ้าง
“น้องต้วน…หรือพวกเราพยายามหาหนทางแลกเปลี่ยนวรยุทธ์อมตะของท่านกับเวทย์พลังของข้าดี? ท่านส่งวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินนั่นมา แล้วข้าจะมอบเวทย์พลังระดับราชาธาตุลมให้ท่าน?”
จนถึงตอนนี้หวงเจียหลงยังเข้าใจไปว่าต้วนหลิงเทียนจงใจมอบเวทย์พลังระดับราชาธาตุลมให้มัน ก็เลยหันไปเลือกวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินแบบนั้น
“ไม่ต้องหรอก…อีกอย่างถึงจะแลกตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้วล่ะพี่เจียหลง ข้าท่านล้วนใช้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำไปแล้วนี่นา จะบากหน้าไปขอถึงเผ่าพยัคฆ์เหินอีกชุดก็ไม่เข้าท่ากระมัง”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มเจื่อนๆ พลางส่ายหัวไปมา “พี่เจียหลง วรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินนี้…เป็นข้าอยากได้มันจริงๆไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่านเลย”
“น้องต้วนถึงข้าจะไม่เคยมีวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังงระดับราชาไว้ฝึกปรือ แต่มีคำหนึ่งกล่าวไว้ ไม่เคยกินหมูก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นหมูวิ่ง…”
หวงเจียหลงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสีหน้าจริงจัง “ถึงแม้ว่าเวทย์พลังระดับราชธาตุลมที่ข้าได้มา ความลึกซึ้งอย่าง ‘รวมสายลม’ ที่แฝงมาจะไม่ได้มุ่งเน้นในการโจมตีหรือเพิ่มความว่องไว…แต่ความลึกซึ้งในกฏแห่งลมอื่นๆนั้น มันมุ่งเน้นไปในเรื่องของการโจมตีกับเพิ่มความว่องไวหลายข้อทีเดียว”
“เวทย์พลังระดับราชาธาตุลมที่ข้าได้มา ถึงตอนนี้จะช่วยให้ข้าเข้าใจความลึกซึ้ง ความหมายแห่งลม กับรวมสายลมแค่ 2 ข้อเท่านั้น แต่ทว่าความลึกซึ้ง 2 ข้อนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือ ความหมายแห่งลม”
“ความหมายแห่งลม เป็นความลึกซึ้งที่เป็นดั่งรากฐานของกฏแห่งลม ไม่ว่าจะเป็นความลึกซึ้งของกฏแห่งลมข้อใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยรากฐานนี้ทั้งนั้น”
“หากท่านปูรากฐานนี้ไว้ วันหน้าเมื่อท่านคิดจะเข้าใจความลึกซึ้งอื่นๆของกฏแห่งลม ก็นับว่ามันมีส่วนช่วยท่านได้มากทีเดียว…”
กล่าวถึงจุดนี้หวงเจียหลงก็หยุดลงครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวสืบต่อออกมาเสียงขรึม
“คนเรามีสติปัญญาและกำลังจำกัด หากท่านคิดจะก้าวล่วงลึกเข้าไปในเส้นทางแห่งกฏ ดีที่สุดคือเลือกทุ่มเทให้กับกฏๆเดียว…หากตอนนี้ท่านทุ่มเทสติปัญญาทำความเข้าใจกฏแห่งดิน ซึ่งแน่นอนว่าท่านต้องใช้ความพยายามและใช้เวลาไม่น้อย และกว่าท่านจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินที่มุ่งเน้นในด้านโจมตี มันก็ไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ มิสู้เปลี่ยนไปเลือกฏแห่งลมแต่เนิ่นๆ ที่มีความลึกซึ้งในด้านการโจมตีที่มากกว่าจะดีกว่าหรือ?”
ฟังจากวาจาของหวงเจียหลงแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันพยายามจะโน้มน้าวให้ต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนใจ และหาหนทางแลกเปลี่ยนวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินกับเวทย์พลังระดับราชาะตุลมของมันให้จงได้ ถึงแม้การคิดจะทำแบบนี้ก็คือการบากหน้าไปขอถึงเผ่าพยัคฆ์เหินก็ตามที…
“พี่เจียหลง”
ได้ยินวาจาโน้มน้าวของหวงเจียหลง ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มบางๆพลางกล่าวว่า “ข้าตั้งใจจะเอาดีในกฏแห่งดินจริงๆ ต่อให้วันหน้าข้ามีโอกาสเปลี่ยนไปศึกษากฏแห่งลม แต่ข้าก็ไม่คิดจะละทิ้งกฏแห่งดินไปเลือกกฏแห่งลมหรอก”
“นอกจากนี้ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่ากฏแห่งดินนั้นต้องอ่อนด้อยกว่ากฏแห่งลมเสมอไป…หรือท่านจะบอกข้าว่า หากคนสองคนที่มีด่านพลังฝึกปรือเท่ากัน แต่ผู้แตกฉานความลึกซึ้งทั้งหมดในกฏแห่งดิน จะต้องอ่อนด้อยกว่าผู้ที่แตกฉานในความลึกซึงทั้งหมดของกฏแห่งลมเสมอไป?”
“อันที่จริงแล้วกฏไม่สำคัญ…สำคัญที่คนใช้กฏ!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
และประโยคสุดท้ายนั้น เป็นเขาได้ยินปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่กำลังบ่นหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปเมื่อครู่หยกๆ และเขาเห็นว่ามันฟังแล้วเข้าทีดี จึงหยิบยืมมากล่าวให้หวงเจียหลงฟัง
เป็นธรรมดาว่าเขาเห็นด้วยกับวาจาประโยคดังกล่าวของปฐพีเทพแรกกำเนิด!
นอกจากนั้นเขายังรู้ดีว่าไฉนหวงเจียหลงถึงมีความคิดแบบนี้ ทั้งหมดเพราะหวงเจียหลงถูกปลูกฝังมาผิดๆ ทำให้เชื่อและฝังหัวมานานแล้วว่ากฏแห่งดินอ่อนด้อยกว่ากฏแห่งลม…
และหวงเจียหลง หวงเฟยเหยี่ยนรวมถึงคนอื่นๆนั้น ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็บอกได้ทันทีว่าไฉนพวกมันถึงคิดไปเช่นนั้น…
ทั้งหมดเพราะพวกมันรู้จักความลึกซึ้งของกฏแห่งดินน้อยเกินไป!
“ความลึกซึ้งของกฏแห่งลมนั้น มากกว่า 8 ส่วนล้วนมุ่งเน้นไปที่การโจมตีและความเร็ว…หากแต่ความลึกซึ้งของกฏแห่งดินนั้น กลับมีเพียงความลึกซึ้งที่เน้นจู่โจมเป็นหลักเพียงหนึ่งข้อ กระทั่งเน้นคววามเร็วเป็นหลักก็มีแค่หนึ่งข้อ ทว่าเพียงควมลึกซึ้งหนึ่งข้อของแต่ละอย่าง กลับไม่ได้ด้อยกว่าความลึกซึ้งทั้ง 8 ส่วนของกฏแห่งลมเลย!”
เสียงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเริ่มดังขึ้นในหัวต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
“ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า และมีความช่วยเหลือของข้า การที่เจ้าจะเข้าใจความลึกซึ้งทั้งหมดของกฏแห่งดินนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใด…หากแต่คนส่วนใหญ่ในพื้นที่แถบนี้ เรื่องพรรค์นั้นเป็นอะไรที่ไกลตัวพวกมันเกินไป กล่าวได้ว่าพวกมันนั้นตื้นเขิน สายตาคับแคบ ทัศนต่ำตม! และพวกมันนั้นทั้งชีวิตอย่างดีก็คงเข้าใจความลึกซึ้งไม่เกิน 3 ข้อ กล่าวไป 3 ข้อข้าว่ายังหรูไปสำหรับพวกมันด้วยซ้ำ!!”
“และในเมื่อพวกมันมิเคยได้สัมผัสกับความลึกซึ้งทั้งหมดของกฏชนิดต่างๆ พวกมันก็เลยชมชอบกฏแห่งลมมากกว่า เพราะอย่างไรเสียความลึกซึ้งกว่า 8 ส่วนของกฏแห่งลม ก็มุ่งเน้นไปที่การจู่โจมและความเร็ว!”
และวาจาประโยคถัดมาของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ว่า…
เหตุผลที่หวงเจียหลง หวงเหยี่ยนเฟยและคนอื่นๆเข้าใจไปว่ากฏแห่งลมนั้นทรงพลังกว่ากฏแห่งดิน ทั้งหมดเพราะสายตาของพวกมันคับแคบเกินไป ทัศนวิสัยตื้นเขินเกินไป และต้นทุนของพวกมันต่ำต้อยเกินไป!
“แต่เป็นธรรมดาว่าหากเจ้ามิมีข้าช่วยเหลือ บางทีการเลือกฏแห่งลมก่อนอาจจะส่งผลดีกับเจ้ามากกว่ากฏแห่งดิน…เพราะถึงแม้ว่ากฏแห่งดินจะมีความลึกซึ้งที่เน้นการโจมตีเป็นหลักและความลึกซึ้งที่เน้นความเร็วเป็นหลัก แต่กล่าวได้ว่ามันก็มีทั้งสิ้น 2 ความลึกซึ้งเท่านั้น กว่าเจ้าจะเข้าถึงพวกมันได้ ย่อมยากเย็นกว่ากฏแห่งลมที่มีความลึกซึ้งทั้ง 2 ด้านกว่า 8 ส่วนอยู่แล้ว…”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวต่อ “ทว่าตอนนี้ในเมื่อเจ้ามีข้า หากเจ้าคิดจะเข้าใจกฏแห่งดินผ่านเวทย์พลังหรือวรยุทธ์อมตะอันใด ต่อให้ไปวัดกับคนที่มีไหวพริบปฏิภาณทัดเทียมกับเจ้า แต่เจ้าก็ยังเข้าใจได้เร็วกว่ามันถึง 10 เท่า กล่าวได้ว่าเจ้าจะก้าวหน้ารวดเร็วกว่าพวกมัน 10 เท่า…และนี่ยังเป็นเพราะข้ายังอยู่ในขั้นที่ 3 เท่านั้นนะ!!”
“หากข้าพัฒนาไปสู่ขั้นที่ 4 ได้ล่ะก็…ด้วยมีข้าช่วยทั้งคน ความเข้าใจในกฏแห่งดินของเจ้า จะรวดเร็วเหนือกว่าผู้อื่นที่มีไหวพริบปฏิภาณทัดเทียมกับเจ้าถึง 100 เท่า!!”
กล่าวถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็ไม่ขาดการโน้มน้าวเย้ายวนแม้แต่น้อย “เช่นนั้น เจ้าจงทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือข้าให้ยกระดับพัฒนาไปยังขั้นที่ 4 เร็วๆเสีย…ถึงตอนนั้นข้าจะทำประโยชน์ให้เจ้าอย่างมหาศาล!!”
เสียงเด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี้ แม้วาจาจะฟังดูจริงจังไม่น้อย แต่พอต้วนหลิงเทียนได้ยินกลับรู้สึกเสมือนคำคุยโม้ของเด็กน้อยที่หาแก่นสารไม่ได้พิกล…
“เจ้าหนู สิ่งที่สหายตัวน้อยกล่าวล้วนเป็นความจริง…ข้ากับเพลิงเทพโกลาหลเองก็สามารถช่วยเจ้าในเรื่องนี้ได้เช่นกัน”
ทองเทพสุดลับที่ไม่ได้พูดมานาน สุดท้ายก็อดไม่ไหวที่จะมาร่วมวงสนทนาด้วยอย่างคึกคัก “แต่เป็นธรรมดาว่าตอนนี้ตัวข้ามิอาจช่วยเหลือให้เจ้าเข้าใจกฏแห่งทองได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้เจ้าจะได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังธาตุทองมาก็ตาม….”
“อย่างไรเสีย หากข้าพัฒนาไปถึงขั้นที่ 3 แล้ว ตัวข้าย่อมช่วยเจ้าได้แน่นอน”
“และตอนนี้ข้าก็ต้องการแค่ทองเทพสุดลี้ลับขั้นที่ 1 อีกแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น ข้าก็จะพัฒนาไปเป็นทองเทพสุดลี้ลับขั้นที่ 3 ได้อย่างราบรื่น!”
วาจาท้ายประโยยคของทองเทพสุดลี้ลับ ต้วนหลิงเทียนยังสัมผัสได้ถึงความต้องการอันแรงกล้า เห็นชัดว่าอยากได้ทองเทพสุดลี้ลับขั้นที่ 1 มากลืนกินอีกสักชิ้นจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
เพราะด้วยรากฐานในปัจจุบันของมัน ขอแค่ได้กลืนกินทองเทพสุดลี้ลับขั้นที่ 1 อีกแค่ชิ้นเดียว ก็มากเกินพอจะช่วยให้มันยกระดับพัฒนาไปสู่ขั้นที่ 3 ได้อย่างไม่ยากเย็น
“เฮ่! เพลิงเทพโกลาหล ข้าคิดว่าในบรรดาพวกเรา 3 คนต้องมีพี่ใหญ่ใช่ไหม? ไหนๆพวกเราก็อยู่ในร่างต้นเดียวกันแล้ว นับว่าพวกเรามีชะตาต้องกันไม่น้อย เช่นนั้นพวกเรามาจัดลำดับอาวุโสให้ชัดเจนไปเลยดีกว่า…เอาเป็นว่าผู้ใดบรรลุถึงขั้นที่ 3 ได้ก่อนได้เป็นพี่ใหญ่ดีไหม?”
เสียงเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังขึ้นอีกครั้ง ยังฟังดูคึกคักอักโขไม่น้อย “โอ๊ะโอ…พอดีในที่นี้ข้าก็เป็นผู้ที่บรรลุถึงขั้นที่ 3 มานานที่สุดด้วยสิ…ดังนั้นข้าเป็นพี่ใหญ่ก็แล้วกัน! เห็นด้วยไหมน้องรองน้องสาม?”
“อ้อ แน่นอนว่าเพลิงเทพโกลาหลเจ้าก็คือน้องรอง สำหรับน้องสามที่เป็นน้องเล็กสุดก็ต้องเป็นเจ้าแล้วล่ะทองเทพสุดลี้ลับ ก็ช่วยไม่ได้นี่นาเพราะเจ้ายังอยู่ในขั้นที่ 2 เท่านั้น…”
“ยอดเยี่ยม! ข้าว่าเอาตามนี้ล่ะ! ตกลงนะ!!”
“เฮ้ น้องรองน้องเล็กพวกเจ้าได้ยินไหมเนี่ย ไฉนไม่ตอบพี่ใหญ่เล่า…อย่ามาแกล้งตายใส่พี่ใหญ่นะ!”
ตอนนี้ในร่างต้วนหลิงเทียนก็มีแต่ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเท่านั้นที่พูดไม่หยุด และไม่ว่ามันจะเรียกหาเพลิงเทพโกลาหลกับทองเทพสุดลี้ลับอย่างไร ก็ไม่มีใครสนใจจะคุยกับมันสักคน…
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็อำลาหวงเจียหลง และย้อนกลับไปยังที่พักของเขา
“นายท่าน”
หลังจากเข้ามาถึงบริเวณหน้าประตูบ้านลานที่พัก ต้วนหลิงเทียนก็เห็นหลิวก่วงหลิงที่ยืนรออยู่ด้านหน้า และทักทายทำความเคารพเขาด้วยสองตาแจ่มใส
“ดูเหมือนด่านพลังของเจ้าจะควบแน่น และมีเสถียรภาพดีแล้ว…”
เห็นอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มกล่าวออกมาทันที
“ใช่ขอรับ”
หลิวกว่งหลินพยักหน้า ค่อยพูดต่อว่า “นายท่าน ข้าน้อยต้องขออภัยด้วยที่วันก่อนกับวันนี้ไม่ได้ติดตามรับใช้ท่าน ขอนายท่านโปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย”
หลายวันก่อนหน้า รวมถึงวันนี้ที่หลิวก่วงหลินไม่ได้ติดตามต้วนหลิงเทียนไปไหนมาไหน เพราะมันมาถึงช่วงสุดท้ายในการควบรวมปรับด่านพลังของตัวเองให้มั่นคงมีเสถียรภาพ
ด้วยเหตุนี้ไม่กี่วันที่ผ่านต้วนหลิงเทียนจึงไปไหนมาไหนตัวคนเดียว
“เอาล่ะ พรุ่งนี้ก็ถึงวันประมูลของตระกูลราชวงศ์ประเทศตันจี้แล้ว คืนนี้เจ้าก็พักผ่อนให้เต็มที่เถอะ พรุ่งนี้ค่อยตามข้าไปเข้าร่วมงานประมูล”
ต้นหลิงเทียนเอ่ยบอกกำหนดการณ์แก่หลิวก่วงหลินเล็กน้อย ค่อยกลับเข้าห้องหับที่พัก
หลังจากเดินกลับมาถึงในห้องแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่พูดกับปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ที่ป่านนี้ยังตะโกนเรียกหาเพลิงเทพโกลาหลกับทองเทพสุดลี้ลับไม่หยุด “เจ้าหยุดโวยวายได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ไม่อยากคุยกับเจ้า…เจ้าไม่ลองฟังเสียงตัวเองดูเล่า มันเหมือนทารกน้อยยังไม่หย่านมไม่มีผิด เจ้าคิดว่าทั้งคู่จะยอมให้เจ้าเป็นพี่ใหญ่ได้หรือ?”
วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนพอกล่าวออกมา ก็ไม่ต่างอะไรจากการ ‘ตอกตะปู’ ปิดฝาโลงโดยแท้ ทำให้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่ได้ยิน ถึงกับเงียบไปทันที
“เฮ่อ~”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงถอนหายใจของเด็กน้อยที่ฟังแล้วชวนให้ขบขันก็ดังขึ้น จากนั้นค่อยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นว่า “ทำไงได้ล่ะ เสียงของข้ามันเป็นแบบนี้ของมันเองนี่นา…แต่เอาเถอะ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะให้พวกมันยอมรับนับถือข้าเป็นพี่ใหญ่ด้วยความเต็มใจ!!”
“ช่างมีความทะเยอทะยานจริงๆ!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวชมปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินคำหนึ่ง จากนั้นก็ยิงคำถามออกมาทันที “ว่าแต่ในฐานะที่เจ้าเป็นถึงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน เจ้าเองก็คงมีความสามารถพิเศษอะไรใช่ไหม?”
“ผู้อาวุโสทองเทพสุดลี้ลับ สามารถช่วยปกป้องคุ้มกันดวงจิตข้าได้ ไม่เพียงแต่จะป้องกันการโจมตีทางวิญญาณทั้งมวล ยังสามารถปกปิดพลังฝึกปรือของข้าได้ชะงัด และฟังจากที่อาวุโสทองเทพสุดลี้ลับบอก หากสามารถยกระดับพัฒนาไปยังขั้นที่ 3 ได้ ยังจะมีความสามารถฉาบเคลือบอุปกรณ์อมตะที่ข้าใช้ เพื่อเพิ่มพูนพลังโจมตีได้อย่างน่ากลัวอีกด้วย!”
“สำหรับผู้อาวุโสเพลิงเทพโกลาหลนั้น ไม่เพียงแต่จะมอบเพลิงอมตะที่ช่วยให้ข้าสามารถหลอมโอสถอมตะและอุปกรณ์อมตะได้ยอดเยี่ยมกว่าปรมาจารย์หลอมอมตะระดับเดียวกัน แต่ยังช่วยส่งเสริมทักษะความสามารถในการหลอมโอสถอมตะของข้าได้อีกด้วย แถมหากข้ามีเวลาศึกษาเรื่องหลอมอุปกรณ์อมตะ ผู้อาวุโสก็สามารถช่วยให้ข้ากลายเป็นปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์อมตะฝีมือฉกาจได้ในเวลาสั้นๆ”
ต้วนหลิงเทียนที่เริ่มกล่าวออกมานั้น พยายามยกอ้างความสามารถของทองเทพสุดลี้ลับกับเพลิงเทพโกลาหลออกมาให้ฟังดูยิ่งใหญ่เลิศล้ำอย่างจงใจ หมายกระตุ้นอัตตาของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถอันใดที่ช่วยเขาได้บ้าง
“เฮ่! เจ้าจะพูดทำไมเยอะแยะ…ก็แค่อยากรู้ว่าข้าทำอะไรได้บ้างไม่ใช่รึไง? เจ้าคิดว่าข้าบอกเจ้าไม่ได้งั้นรึ?”
อย่างไรก็ตามปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินไม่ได้ลงกล ทั้งยังมองจุดประสงค์ของต้วนหลิงเทียนออกในชั่วพริบตาจึงหัวเราะชั่วร้าย กล่าวออกมาว่า “ฮุฮุฮุ…หากเจ้าอยากรู้ว่าข้าช่วยเหลืออะไรเจ้าได้บ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ข้าจะบอกเจ้าหรอก…”
“ก็แค่เจ้ารับปากข้าเรื่องหนึ่งเท่านั้น…”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าว
“รับปากเรื่องอะไร?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วพลางถามออกไป ตอนนี้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ไม่คิดเลยว่าปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่เสียงพูดฟังเหมือนเด็กน้อยยังไม่หย่านมและนิสัยแลดูอย่างไรก็เด็กน้อยชัดๆ กลับมีด้านที่ฉลาดเฉลียวแบบนี้ด้วย
“โน้มน้าวเพลิงเทพโกลาหลกับทองเทพสุดลี้ลับ ให้พวกมันยอมรับข้าเป็นพี่ใหญ่ซะ!!”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าว หากมันมีหน้าตาป่านนี้คงกำลังยิ้มกริ่มทำราวผู้ชนะอยู่เป็นแน่
“งั้นเจ้าก็ลืมมันไปเถอะ…ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือเจ้าก็ได้ เพราะสุดท้ายความสามารถของเจ้าสุดท้ายก็คงไม่พ้นยังไม่คู่ควรหิ้วรองเท้าให้อาวุโสเพลิงเทพโกลาหลกับอาวุโสทองเทพสุดลี้ลับอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าเจ้ายังจะริเป็นพี่ใหญ่ผู้อื่นเขา”
ต้วนหลิงเทียนยักไหล่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“ฮึ่มเจ้าหนู! เจ้าอย่าคิดเล่นลูกไม้ตื้นๆคิดจะยั่วยุข้าแบบนี้หน่อยเลยหน่า…ถึงเสียงข้าจะฟังดูอ่อนกว่าวัยจริง แต่ความคิดข้าหาได้อ่อนกว่าวัยไม่! อย่าได้ริอาจเห็นว่าข้าเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเชียว!!”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวออกด้วยน้ำเสียงขุ่นขึ้ง
“ก็นับว่าไม่ธรรมดาอยู่บ้างจริงๆ เพราะอย่างน้อยๆเจ้าก็ยังพอบอกได้ว่าข้าต้องการอะไร…เอาล่ะ อย่างไรเสียเรื่องที่เจ้ามีความสามารถอะไร ข้าไม่คิดสนใจจะรู้ตอนนี้”
“สำหรับตอนนี้ข้าแค่อยากจะเห็นนัก ว่าเจ้าจะช่วยให้ข้าเข้าใจกฏแห่งดินได้อย่างรวดเร็วยังไง”
ต้วนหลิงเทียนนั่งขัดสมาธิลงบนเตียง จากนั้นความคิดจิตใจก็เริ่มจดจ่ออยู่กับเคล็ดความวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดิน คุกศิลาทมิฬ!