ตอนที่ 2992

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,992 : กำลังจะเปิด

 

 

“7 ส่วน!”

 

“เหล่าผู้ที่เข้าไปในแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับต่ำคราวนี้…จะออกมาได้ก็ต่อเมื่อมีผู้ที่เข้าไปตกตาย 7 ส่วนงั้นหรือ!? นี่มัน…”

 

“กล่าวได้ว่าในบรรดาผู้ที่เข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำรอบนี้ 10 คน จักมีผู้ที่รอดกลับออกมาได้แค่ 3 คน?”

 

“ไม่ใช่ว่าปกติแล้วแดนสวรรค์ใต้โบราณจะเปิดให้ผูคนกลับออกมาเมื่อมีคนตายแค่ 6 ส่วนหรือไร!?”

 

“ผู้อาวุโสสองของตระกูลจ่างซุนใช่กล่าวอันใดผิดไปหรือไม่?”

 

 

บริเวณน่านฟ้าเหนือใจกลางทะเลสาบอวิ๋นเยียน หลังจากที่เงียบสงบไปพักหนึ่งจากนั้นเสีงผู้คนก็เริ่มดังระงมขึ้นมาปานตลาดสด ทุกคนแลดูจะตกอกตกใจกับถ้อยคำที่จ่างซุนฉงฉีประกาศไม่น้อย

 

และประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ ก็อยู่ที่คำว่า 7 ส่วนนั่นเอง

 

“7 ส่วนงั้นเหรอ…ดูเหมือนคราวนี้ 3 นิกาย 2 ตระกูลคิดเปลี่ยนแปลงกฏสินะ”

 

ถึงแม้ว่ามีหลายคนที่คิด่าจ่างซุนฉงฉีใช่เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ แต่ต้วนหลิงเทียนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล่าวผิดอะไร

 

เพราะอย่างน้อยๆในขณะที่ทุกคนพากันฮือฮา ด้านจ่างซุนฉงฉีก็ยังคงนิ่งสงบไม่คล้ายจะเปลี่ยนแปลงถ้อยคำแม้แต่น้อย

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคิดอยู่ จ่างซุนฉงฉีก็กล่าวออกมาอีกครั้ง “7 ส่วนนั้น…พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้พูดไปเพราะความเข้าใจผิดอันใด”

 

“จริงอยู่ที่ในกาลก่อน หลังมีผู้คนที่เข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณตกตายถึง 6 ส่วนแล้ว พวกเราจะเปิดให้ผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่กลับออกมา…”

 

“ทว่าครั้งนี้พวกเราคิดเพิ่มความยากขึ้นอีกเล็กน้อย…เมื่อผู้ที่เข้าไปตกตายถึง 7 ส่วนแล้วเท่านั้น พวกเราถึงจะทำการเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำให้ทุกคนกลับออกมา”

 

กล่าวถึงประโยคท้าย จ่างซุนฉงฉีก็คลี่ยิ้มออกมาบางๆ สองตาของมันหยีลงแทบปิด

 

เรียกว่าหลังได้ยินคำยืนันเรื่องราวจากจ่างซุนฉงฉีแล้ว หลายคนก็หน้าเปลี่ยนสีไปไม่นน้อย เพราะตระหนักได้ว่าคราวนี้ท่าทางจะมีอันตรายมากกว่าเดิม

 

“แน่นอนว่ายังมีเวลามากพอให้คนที่สำนึกเสียใจ เปลี่ยนใจไม่เข้าร่วม…และผู้ใดที่คิดถอนตัวพวกเจ้าก็แค่นำป้ายหยกสะสมคะแนนคืนให้กับผู้นำของพวกเจ้าเสีย”

 

จ่างซุนฉงฉีกล่าวสืบต่อ

 

และทันทีที่จ่างซุนฉงฉีเอ่ยถ้อยคำดังกล่าวออกมา เหล่ายอดเซียนอมตะหลายคนก็บังเกิดอาการลังเล บ้างก็ตัดสินใจถอย ไม่คิดจะเข้าร่วมไปแสวงหาโอกาสอะไรอีก

 

อย่างไรก็ตาม ด้านคนของประเทศฝูชิวที่ลอยร่างไม่ห่างต้วนหลิงเทียนนั้น แม้หลายคนจะเริ่มชักสีหน้าเคร่งเครียด แต่ก็ไม่มีใครเลือกที่จะถอนตัวสักคน

 

“ตกตาย 7 ส่วน…กล่าวได้ว่าเหลือแค่ 3 ส่วนเท่านั้นที่จะรอดกลับออกมาทั้งยังมีชีวิต…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำกับตัวเองเบาๆ

 

คราวนี้ยอดเซียนอมตะของประเทศฝูชิว นับรวมเขาแล้วก็มีมาด้วยกันทั้งสิ้น 9 คน

 

กล่าวอีกอ่างได้ว่า ด้วยอัตราส่วนดังกล่าว ในบรรดา 9 คนที่เข้าไปแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ อาจจะเหลือเพียง 3 คนเท่านั้นที่รอดชีวิตกลับออกมา

 

“เฮ่อ ข้าไม่คิดเลยว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณครั้งนี้จะทวีความรุนแรงมากกว่าครั้งก่อนๆ…มีเพียงแค่ 3 ส่วนเท่านั้นที่จะรอดกลับออกมาได้งั้นหรือ…”

 

หวงเจียหลงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตามแม้มันจะกล่าวพลางทอดถอนใจ หากแต่สองตาของมันยังคงใสกระจ่าง ไม่ได้ฉายแววหวาดหวั่นแม้แต่น้อย

 

“ไม่มีผู้ใดคิดถอนตัวหรือ?”

 

หูหลินอี้เองก็ไม่คิดเลว่าการเดินทางมาเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณครั้งนี้ จะมีอันตรายมากขึ้น ทำให้ถึงจะมีใครถอนตัวออกไป มันก็ยังพอจะเข้าใจได้อยู่

 

ทว่ามันต้องประหลาดใจแล้วจริงๆ

 

คนของประเทศฝูชิวมัน กลับไม่มีใครคิดถอนตัวเลยสักคน!

 

“โชคลาภความมั่งมีมาพร้อมความเสี่ยง…ตั้งแต่ตอนที่ข้าเข้าร่วมการประลองสวรรค์ใต้ที่ประเทศฝูชิว ข้าก็ตัดสินใจไปแล้วว่าจะเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเพื่อแสวงหาโอกาสและความก้าวหน้า! หากข้าเลือกที่จะถอยหนีไปตอนนี้ เกรงว่าต้องกลายเป็นปมในใจข้าไปชั่วชีวิต หนทางแห่งเต๋าอมตะของข้าก็คงสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้!!”

 

ตอนนี้เองพลันมียอดเซียนอมตะชายวัยกลางคนผู้หนึ่งของประเทศฝูชิวกล่าวออกมา “ยิ่งไปกว่านั้น ก็มิใช่ว่าอัตราการตายมันเพิ่มขึ้นแค่ส่วนเดียวหรือไร…แล้วผู้ใดจะบอกได้ว่าข้าจะไม่ใช่คนที่สามารถรอดอยู่ได้จนจบ?”

 

“ไม่ผิด ในเมื่อข้ามาด้วยใจตั้งมั่นแต่แรก ไหนเลยจะถอดใจหนีไปตอนนี้ได้! ชีวิตคนเราโอกาสเช่นนี้จะมีมาสักกี่ครั้งกันเชียว? หากล้มเลิกไม่ฉกฉวย ต่อไปไม่ทราบจะมีโอกาสให้ฉกฉวยอีกหรือไม่!!”

 

“เฮอะ! พูดให้ฟังง่ายก็ไม่ใช่แค่ต้องฆ่าเพิ่มอีกสักคนหรือไร ข้าจะรอดกลับออกมาให้จงได้!”

 

“แค่รอดออกมา ก็ได้โอกาสเข้าร่วม 3 นิกาย 2 ตระกูลแล้ว ถึงตอนนั้นเรียกว่าอนาคตของพวกเราจักสดใส!”

 

 

เหล่ายอดเซียนอมตะของประเทศฝูชิวกล่าวปลุกใจกันยกใหญ่ แต่ละคนแลดูฮึกเหิมขึ้นไม่น้อย

 

สิ่งนี้ย่อมทำให้หูหลินอี้พึงพอใจอย่างมาก เพราะสุดท้ายแล้วมีคนเข้าไปเพิ่มคนหนึ่ง ก็เสมือนมีโอกาสให้คนรอดกลับมาอีกคนหนึ่ง!

 

เรื่องนี้ กับมันแล้วมีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย!

 

“ฝ่าบาท…ทำไมป้ายหยกสะสมคะแนนของประเทศข้างๆนั่น ถึงแตกต่างจากของพวกเราล่ะ?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่หันมองไปยังรอบๆเพื่อสังเกตเรื่องราว พอเห็นว่าคนของประเทศหนันฉี่ถือป้ายหยกที่ต่างจากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา

 

ป้ายหยกสะสมคะแนนที่เขาพึ่งได้รับมา นั้นมีสีเขียวคล้ายเต็มไปด้วยพลัง

 

ทว่าป้ายหยกสะสมคะแนนในมือของคนประเทศหนันฉี่ กลับมีสีครามปานน้ำทะเล

 

กล่าวจบยอดเซียนอมตะของประเทศฝูชิวก็เริ่มหันรีหันขวางไปมองป้ายหยกสะสมคะแนนในมือผู้อื่นเช่นกัน

 

“จริงด้วย! ไฉนป้ายหยกของพวกหนันฉี่สีคราม แต่ของพวกเราสีเขียวล่ะ?”

 

“ไฉนถึงได้แตกต่างกันนะ?”

 

“หรือสีสันที่แตกต่างกันของป้ายหยกสะสมคะแนน อาจมีความสามารถบางอย่างแตกต่างกัน?”

 

 

หลังกล่าวออกมาด้วยความสงสัยสักพัก เหล่ายอดเซียนอมตะของประเทศฝูชิวก็หันไปมองจ้องหูหลินอี้ ด้วยอยากทราบว่าที่แท้มันอย่างไรกันแน่

 

หูหลินอี้เห็นดังนั้นก็เริ่มกล่าวอธิบายออกมา “ทุกคราที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเปิดออก ป้ายหยกสะสมคะแนนในมือพวกเจ้าจะถูกแบ่งออกเป็น 5 สีสันตามขุมกำลังทั้ง 5 พวกมันทำจาก หยกทอก หยกไม้ หยกน้ำ หยกไฟ และหยกดิน…”

 

“และหยกทั้ง 5 ชนิดก็เป็นดั่งตัวแทนของ 3 นิกาย 2 ตระกูล”

 

“ตัวอย่างเช่นป้ายหยกสะสมคะแนนในมือของพวกเจ้า ล้วนทำมาจากหยกไม้ และผู้ที่สร้างขึ้นก็เป็นนิกายอมตะเป้าผู่..กล่าวได้ว่าเป็นหยกที่นิกายเป้าผู่ออกแบบมา”

 

“หยกทองนั้นมาจากนิกายอมตะอวิ๋นไถ”

 

“หยกน้ำเป็นของนิกายอมตะเหอฮวน”

 

“หยกไฟนั้นมาจากตระกูล กงหยาง”

 

“และสุดท้ายหยกดิน ผู้สร้างก็คือตระกูลจ่างซุน”

 

กล่าวถึงจุดนี้หูหลินอี้ก็หยุดลงเล็กน้อยค่อยกล่าวสืบต่อ “ว่ากันว่าทุกคราที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเปิดออก 3 นิกาย 2 ตระกูลจะมีการลงเดิมพันกัน…”

 

“หัวข้อเดิมพันก็คือ จำนวนผู้ที่รอดชีวิตกลับออกมาได้นั้นมีผู้ถือป้ายของขุมกำลังงใดมากที่สุด! และหากผู้ที่รอดกลับมา ถือป้ายของขุมกำลังใดมากที่สุด ขุมกำลังนั้นๆก็จักเป็นฝ่ายชนะการเดิมพัน…”

 

“และขุมกำลังที่ชนะก็จะได้รับของเดิมพันอีก 4 ขุมกำลังที่เหลือแต่ผู้เดียว”

 

หูหลินอี้กล่าว

 

“แน่นอนว่าต่อให้เจ้าถือป้ายหยกของขุมกำลังใดอยู่ แต่ตอนเจ้ารอดกลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำได้ เจ้าก็มีสิทธิ์เลือกจะเข้าร่วมกับขุมกำลังได้ตามใจ”

 

“และพอถึงตอนนั้น ผู้ที่สามารถทำคะแนนได้เป็นอันดับต้นๆ ก็จักได้รับการเชิญชวนจาก 3 นิกาย 2 ตระกูล โดยพวกมันจะแข่งกันยื่นข้อเสนอดีๆให้พวกเจ้า…”

 

หูหลินอี้กล่าวสืบต่อจนจบ

 

“พนัน?”

 

ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆก็เข้าใจได้ทันทีว่าสิ่งที่หูหลินอี้กล่าวหมายความว่าอะไร

 

“เหอะๆ 3 นิกาย 2 ตระกูล กระทั่งสิ่งนี้พวกมันยังเอามาเล่นพนันกันได้ นับว่าไม่เห็นชีวิตผู้คนอยู่ในสายตา…อย่างน้อยๆก่อนที่แดนสวรรค์ใต้โบราณจะเปิดให้ผู้ที่รอดกลับออกมา มันก็ไม่เห็นหัวผู้ใด กระทั่งยังเอาชีวิตผู้อื่นมาสร้างเป็นเกมพนันเล่นกันแบบนี้…”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปเหลือบมองกลุ่มคนของ 3 นิกาย 2 ตระกูลด้วยสายตาเฉยเมย หากแต่ในใจตระหนักได้ถึงความโหดร้ายของธรรมชาติระนาบเทวโลกขึ้นมาจับใจ

 

หมัดใครใหญ่กว่าเป็นจ้าว!

 

มีเพียงผู้เข้มแข็งเท่านั้น ที่สามารถละเล่นกับชีวิตผู้ที่อ่อนด้อยกว่าได้

 

“ฝ่าบาท ตอนนี้ป้ายหยกสะสมคะแนนของพวกเราทำมาจากหยกไม้…ถ้าข้าฆ่าคนที่ถือป้ายหยกชนิดอื่นๆ มันก็แค่ดูดซับคะแนนในป้ายหยกผู้อื่นมา แต่ไม่ได้เปลี่ยนสีป้ายหยกของพวกเราใช่ไหม?”

 

ยอดเซียนอมตะคนหนึ่งของประเทศฝูชิวเอ่ยถามหูหลินอี้

 

“ย่อมไม่เปลี่ยนสี”

 

หูหลินอี้กล่าว “เรื่องนี้คนของ 3 นิกาย 2 ตระกูลคำนึงถึงแต่แรกพวกเจ้าไม่ต้องห่วง เอาล่ะ…ป้ายหยกสะสมคะแนนที่พวกเจ้าได้รับไป ก่อนอื่นให้ทำการหยดเลือดใส่มันเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเสีย และสิ่งนี้ต้องทำก่อนเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ”

 

“และทันทีที่เจ้าของป้ายหยกตกตาย ป้ายหยกที่ไร้เจ้าของก็จะแตกสลายลง จากนั้นแต้มที่สะสมอยู่ในป้ายหยกดังกล่าว ก็จะเข้าไปเพิ่มให้กับป้ายหยกที่ยังมีเจ้าของและอยู่ใกล้มันที่สุด”

 

“ดังนั้นพวกเจ้าเองก็ต้องระวังจุดนี้ให้ดี ต้องให้แน่ใจเสียก่อนว่าผู้ที่พวกเจ้าจะลงมือสังหารนั้น ไร้ผู้ใดซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ…หาไม่แล้วต่อให้พวกเจ้าฆ่ามันไป คะแนนก็จะไหลเข้าป้ายผู้ที่อยู่ใกล้มันมากกว่าเจ้า”

 

ขณะกล่าวถึงจุดนี้ หูหลินอี้ก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆเพื่อเตือนเป็นพิเศษ

 

เพราะเรื่องพวกนี้หากมันไม่อธิบายออกมา บางทีต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆอาจจะไม่รู้

 

“นอกจากนั้น ต่อให้ยามเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำพวกเจ้าจะเข้าไปพร้อมๆกัน แต่เมื่อไปถึงข้างในพวกเจ้าจะถูกสุ่มตัวกันไปที่ใดที่หนึ่งในนั้น ทั้งหมดล้วนมีอันต้องกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง”

 

“ด้านในนั้นหากทำได้จงพึ่งพาตัวเองให้มากเข้าไว้…แต่ถ้าพวกเจ้าเจอผู้ใดที่คิดว่าเชื่อใจได้ จะร่วมมือกับมันก็ไม่เสียหาย”

 

“แต่เป็นธรรมดาว่าหากอีกฝ่ายเชื่อใจไม่ได้ ก็อย่าได้ไปร่วมมือกับมันเด็ดขาด…เพราะต่อให้พวกเจ้าจะฆ่าใครด้านใน หากไร้บุคคลที่ 3 อยู่ในจุดเกิดเหตุกลับมาเปิดเผย ก็คงไม่มีผู้ใดล่วงรู้”

 

กล่าวถึงจุดนี้หูหลินอี้ก็มองจ้องพวกต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง

 

ทันใดนั้นยอดเซียนอมตะหลายคนก็เริ่มหันไปมองคนข้างๆด้วยความระแวง บางคนก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ร่วมมือกับผู้อื่นเด็ดขาด

 

หากพบพานสหายที่สามารถเชื่อใจกันได้ก็แล้วไป แต่เกิดอีกฝ่ายคิดไม่ซื่ออะไรขึ้นมา ทุกสิ่งที่เพียรสร้างมาชั่วชีวิตก็ไม่พ้นต้องตกไปอยู่ในมือของอีกฝ่าย ตกตายไปอย่างโง่งม…

 

ราวๆ 2 เค่อต่อมา

 

“ได้เวลาแล้ว…”

 

เสียงของจ่างซุนฉงฉี ผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลจ่างซุนดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เสียงพูดคุยที่ดังระงมปานตลาดสดยามเช้าเงียบหายไปทันใด กระทั่งหากมีเข็มร่วงตกพื้นสักเล่มคงได้ยิน…

 

“ตอนนี้พวกเรา 3 นิกาย 2 ตระกูล จะร่วมมือกันเพื่อเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ… ยอดเซียนอมตะที่ตัดสินใจเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ อย่าได้ลืมเรื่องจะผูกพันธะครอบครองป้ายหยกสะสมในมือคะแนนของพวกเจ้า”

 

จ่างซุนฉงฉีกล่าว

 

พอมันกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนไม่เว้นผู้คนกว่า 20,000 ก็หันไปจับจ้องมองคนของ 3 นิกาย 2 ตระกูลด้วยความสนใจ

 

จากนั้นจึงเห็นจ่างซุนฉงฉีพยยักหน้าคราหนึ่ง ผู้นำอีก 4 คนทีเหลือก็พยักหน้าลงพร้อมเพรียง

 

ครู่ต่อมาในมือของจ่างซุนฉงฉีและทั้ง 4 ก็ปรากฏวัตถุประหลาดหนึ่งแลคล้ายกล่องอะไรบางอย่างถือไว้ วัตถุประหลาดที่ว่ายังมีรูปเหลี่ยม ทั้งมีลวดลายและอักขระมากมายจารึกสลักเต็มไปหมด แลดูซับซ้อนไม่ธรรมดา…