ในที่สุดก็มาถึงศาลเทพลำคลองที่มีควันธูปโชติช่วงแห่งนั้น เผยเฉียนและหลี่ไหวจ่ายเงินซื้อธูปธรรมดาสามดอก จุดธูปที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ ได้เห็นเทวรูปเกราะทองที่สองมือถือกระบี่และเจี่ยน (อาวุธโลหะสมัยโบราณชนิดหนึ่งลักษณะคล้ายเหล็กแท่งสี่เหลี่ยมยาวไม่มีคม) สองเท้าเหยียบอยู่บนงูแดง
เทวรูปร่างทองของนายท่านเทพลำคลองสูงมาก ถึงขนาดสูงกว่าเทวรูปของเหนียงเนียงเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝูที่บ้านเกิดถึงสามฉื่อกับอีกหนึ่งชุ่นครึ่ง
เผยเฉียนความจำดีมาโดยตลอด
คน เรื่องราว ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่ผ่านตานาง หากไม่คิดถึงก็เหมือนลืมเลือนไปอย่างสิ้นเชิง แต่พอคิดขึ้นมากลับจำได้อย่างชัดเจน
คนที่มาเยือนศาลเทพลำคลองเบียดเสียดกันแออัด ผู้มีจิตศรัทธาเดินสวนกันขวักไขว่ เผยเฉียนกับหลี่ไหวที่อยู่ท่ามกลางกระแสผู้คนจึงไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย เผยเฉียนกับหลี่ไหวเดินข้ามธรณีตำหนักใหญ่มาแล้วก็เดินไปด้านหลังต่อ อาณาบริเวณของศาลเทพลำคลองกว้างขวาง มีตำหนักมากมาย สถานที่ที่สามารถเดินเล่นได้มีอยู่ไม่น้อย เผยเฉียนขมวดคิ้วระหว่างเดิน บอกให้หลี่ไหวรีบเดินตามมาเร็วๆ จากนั้นนางก็ใช้ไม้เท้าเปิดทาง ไปยืนอยู่ระหว่างเด็กหนุ่มร่างกายแข็งแรงกับคนแก่ ฝ่ายหลังจูงมือเด็กหญิงมาด้วย ผู้เฒ่ากำลังเล่าเรื่องเล่าประหลาดมหัศจรรย์ทั้งหลายของศาลเทพลำคลองแห่งนี้ให้เด็กหญิงฟัง เด็กหนุ่มคนนั้นถูกไม้เท้าสีเขียวกระแทกแขน ไม่ได้รู้สึกเจ็บ แต่ทำให้เรื่องดีๆ พัง เห็นเด็กสาวร่างผอมบางยืนขวางระหว่างตนกับผู้เฒ่าตลอดเวลา เขาก็หัวเราะ แล้วถึงขนาดเดินไปตรงหน้าผู้เฒ่า เผยเฉียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กระแทกไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ
ร่างของเด็กหนุ่มพลันไม่มั่นคงจึงขยับไปด้านข้างหลายก้าว เขาแยกเขี้ยว เห็นว่าเด็กสาวผิวคล้ำหยุดเท้าลง หันมามองสบตาเขา
เด็กหนุ่มแสยะยิ้มกว้าง “คนบนเส้นทางเดียวกัน?”
เขาเดินไปข้างหน้าช้าๆ เด็กสาวที่ในมือถือไม้เท้าเดินป่าสีเขียวและสะพายหีบไม้ไผ่ก็คล้ายว่าเดินเคียงบ่ากับเขาไป
เผยเฉียนเอ่ยเบาๆ ว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าได้ถุงเงินไปจากร่างของคนรวยคนหนึ่งแล้ว ทว่าผู้เฒ่าคนนี้ ดูจากท่าทางที่เหนื่อยล้าจากการเดินทาง และรองเท้าที่พื้นสึกกร่อนคู่นั้นของเขาก็รู้แล้วว่าเงินน้อยนิดบนร่างของเขาเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเงินค่ารถม้าที่เหลืออยู่หลังจากพวกเขาสองปู่หลานจุดธูปขอพรแล้ว เจ้ายังลงมือได้ลงคออีกหรือ?”
เด็กหนุ่มยิ้มกล่าว “แล้วมันเรื่องอะไรของเจ้าด้วย? เจ้าทนได้หรือ? ในเมื่อเป็นเพื่อนร่วมอาชีพ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็น่าจะรู้ว่าในเมื่อข้าผู้อาวุโสสามารถมาเปิดเตา (เปรียบเปรยว่ามาทำอาชีพ/มาหาเงิน) ที่นี่ได้ ก็แสดงว่าต้องมีที่พึ่ง เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าออกจากศาลเทพลำคลองไป เจ้าคงเดินไปได้ไม่ถึงสิบลี้? รู้หรือไม่ว่าเหตุใดปลาในลำคลองเหยาเย่สายนี้ถึงได้ตัวใหญ่กันนัก? ก็เพราะว่ากินคนจนอิ่มอย่างไรเล่า!”
เผยเฉียนเอ่ยต่อว่า “ดูจากวิธีลูบคลำหาสิ่งของของเจ้า ในเมื่อสามารถขโมยของจากบนร่างคนอื่นได้ก็แสดงว่าไม่ขาดเงิน ในศาลเทพลำคลองแห่งนี้ ต่อให้เจ้าไม่สะสมบุญทำความดี ขโมยเครื่องประดับเงินทองของพวกคนรวยก็แล้วไปเถอะ แต่เจ้าก็ไม่ควรขาดคุณธรรมมากเกินไป ถึงขั้นขโมยทรัพย์สินเงินทองที่อาจทำร้ายชีวิตคนอื่นหรอกกระมัง?”
เด็กหนุ่มเอ่ย “เจ้าตัดสินใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำลายเรื่องดีๆ ของข้าให้ได้?”
“ทำลายเรื่องดีๆ ของเจ้า? ลักเล็กขโมยน้อย ในใจก็ยังแบ่งแยกดีเลวไม่ออกอย่างนั้นหรือ?”
จากนั้นเผยเฉียนก็เอ่ยว่า “สูงเหนือหัวขึ้นไปสามฉื่อมีเทพคอยจ้องมอง เจ้าระวังเถอะว่าเทพวารีเซวียจะเป็น ‘เทพวารีระบายเพลิงอัคคี’ (หรือเพลิงโทสะ) เข้าจริงๆ”
เด็กหนุ่มหลุดหัวเราะพรืด “ก็คอยดูกันต่อไปเถอะ ข้าจะรอเจ้าอยู่ข้างนอก ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะสามารถหลบอยู่ในนี้ได้นานเท่าไร”
เผยเฉียนพยักหน้า “ก็ลองดูได้”
หลี่ไหวเดินตามมาด้านหลังเผยเฉียนด้วยความมึนงง
เห็นว่าเด็กหนุ่มร่างกายแข็งแรงผู้นั้นยิ้มหยันหมุนตัวจากไป เผยเฉียนก็ยังเอ่ยเตือนว่า “เข้าไปจุดธูปในวัดวาอาราม พยายามเดินกลับทางเดิมให้น้อยลง”
เด็กหนุ่มร้องถุยหนึ่งทีแล้วก้าวเร็วๆ จากไป
หลี่ไหวถาม “ขโมยหรือ?”
เผยเฉียนพยักหน้ารับ “อายุน้อย แต่กลับโชกโชน”
หลี่ไหวกล่าวอย่างเป็นกังวล “ดูจากท่าทางแล้วไอ้หมอนั่นคงจะไปดักรอพวกเราที่ประตูกระมัง? จะทำอย่างไรดี? ศาลเทพลำคลองแห่งนี้มีประตูเล็กประตูข้างให้เดินออกหรือไม่?”
เผยเฉียนส่ายหน้า “ไม่เป็นไร อีกฝ่ายไม่กล้าดักอยู่หน้าประตูศาลเพื่อก่อเรื่องหรอก มีแต่จะเลือกลงมือในจุดเปลี่ยวของลำคลองเหยาเย่ ถึงเวลานั้นพวกเราก็ไม่ต้องเดินทางเส้นเล็กเลียบริมลำคลอง ไปเดินถนนสายใหญ่กันแทน”
กลอนคู่พื้นดำอักษรสีทองที่อยู่ในตำหนักหลัง เนื้อหาในบทกลอนนั้นถูกอาจารย์พ่อนำไปสลักไว้บนแผ่นไม้ไผ่ เมื่อก่อนตอนที่เอาแผ่นไม้ไผ่ออกมาตากแดด เผยเฉียนเคยเห็น
‘มาโขกหัวกราบไหว้ด้วยใจศรัทธา ย่อมมีบุญกุศลคอยปกป้อง หากทำชั่วต่อให้เจ้าจุดธูป ระวังจะทำให้เทพวารีระบายเพลิงอัคคี’
เผยเฉียนสองมือยกพนม พูดในใจเบาๆ
หลี่ไหวยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกเพียงว่าเนื้อความในกลอนคู่น่าสนใจ มิน่าเล่าก่อนหน้านี้เผยเฉียนถึงได้เกลี้ยกล่อมเด็กหนุ่มที่เป็นขโมยคนนั้นว่าระวังเทพวารีจะระบายเพลิงอัคคี
หลังจากที่คนทั้งสองออกจากศาลเทพวารี ตลอดทางไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่จะเข้าช่วงกลางคืนก็ไปถึงท่าเรือแห่งนั้น เพราะหากอิงตามกฎ ก่อนจะเข้าช่วงกลางคืนพวกคนเรือจะไม่ถ่อเรือข้ามผ่านลำคลอง บอกว่ากลัวจะรบกวนการพักผ่อนของนายท่านเทพลำคลอง ขนบธรรมเนียมนี้สืบทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า คนรุ่นหลังจึงทำตามสืบต่อกันมา
คนป่วยหนักหาหมอรักษาโรค บัณฑิตเดินทางมาสอบ คนกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย คนสามประเภทนี้ชาวเรือจะไม่เก็บเงินแม้แต่คนเดียว คนประเภทแรกรับเงินไว้ไม่ได้ เพราะจะทำลายบุญกุศล คนประเภทที่สอง ต้องสะสมควันธูป คนประเภทสุดท้ายคือไม่กล้ารับเงินไว้
เผยเฉียนหรี่ตาลง
มาแล้ว
เผยเฉียนชำเลืองตามองกลุ่มคนที่อยู่ห่างไปไกล ดูท่าจะกำลังเฝ้าตอรอกระต่าย เด็กหนุ่มที่อยู่ในกลุ่มคนกำลังชี้ไม้ชี้มือมาที่ตน ชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนพากันก้าวยาวๆ เดินตรงมาหา คนผู้หนึ่งที่เรือนกายสูงใหญ่กำหมัดจนข้อกระดูกลั่นกร๊อบ
มองดูแล้วน่าตกใจอย่างมาก
เผยเฉียนเอ่ยกับหลี่ไหวว่า “มายืนอยู่ด้านหลังข้า”
หลี่ไหวเอ่ย “ขอโทษและมอบเงินให้ก็จบเรื่องกันได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
เผยเฉียนกล่าว “ไม่จบหรอก อยู่ในยุทธภพต้องรักษาหน้าตา หน้าตามีค่ายิ่งกว่าเงินทอง ไม่ใช่ว่ามีแต่ชื่อเสียงจอมปลอม อีกทั้งหลายๆ ครั้งยังเอามาแลกเป็นเงินได้จริงๆ ด้วย นับประสาอะไรกับที่เรื่องนี้ก็ไม่ควรให้จบกันทั้งอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องที่สามารถจ่ายเงินฟาดเคราะห์ได้เลย”
หลี่ไหวกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าทำอะไรได้บ้าง?”
เผยเฉียนกล่าว “หากข้าสู้ไม่ไหวจริงๆ เจ้าก็บอกว่าตัวเองเป็นบัณฑิตจากสำนักศึกษาหย่งจิน อีกฝ่ายต้องไม่เชื่อแน่นอน แต่ยามที่ลงมือซ้อมเจ้า คาดว่าคงออมแรงไว้บ้างเพราะกลัวว่าจะซ้อมเจ้าจนตาย”
หลี่ไหวกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเจ้าระวังหน่อย หากทนเจ็บไม่ไหวก็ให้ข้าไปเปลี่ยนแทน”
มรสุมครั้งนี้ อันที่จริงหากสืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็เพราะเผยเฉียนไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น ถึงได้เรียกปัญหามาสู่ตัว แต่สำหรับหลี่ไหวแล้ว เขาไม่มีทางมีความคิดเช่นนี้ และยิ่งไม่มีทางกล่าวโทษเผยเฉียน
คนทั้งกลุ่มล้อมเผยเฉียนและหลี่ไหวเอาไว้ เด็กหนุ่มคนนั้นพูดยุแยงว่า “ก็คือนังเด็กไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้แหละ ไม่เพียงแต่ทำให้ข้าเสียการค้าครั้งใหญ่ในศาลเทพลำคลองไป เดิมทีเงินที่ควรได้อย่างน้อยก็ต้องมียี่สิบตำลึงเงิน หลังจากข้าบอกชื่อพรรคพวกเราไป หมายจะให้นางรู้อะไรควรไม่ควรสักหน่อย นางกลับยังป่าวประกาศว่าจะเล่นงานพวกเราให้เละ บอกว่าตนเองมีหมัดมีเท้ามีวิชายุทธ ไม่จำเป็นต้องกลัวคนที่ฝีมือต่อสู้งูๆ ปลาๆ อย่างพวกเราเลย”
ชายฉกรรจ์คนที่เป็นหัวหน้าใช้ฝ่ามือผลักหัวเด็กหนุ่มคล่องแคล่วที่เป็นต้นไม้เรียกเงินของตัวเองออก ยิ้มเอ่ยกับเด็กสาวว่า “นังหนู หมัดและเท้าของเจ้าร้ายกาจเช่นนั้นจริงหรือ?”
ชายหาดโครงกระดูก ลำคลองเหยาเย่ แต่ไหนแต่ไรมาก็มีเทพเซียนมากมายมาเยือนที่แห่งนี้ คนมหัศจรรย์เรื่องราวพิสดารพันลึกมีมากมาย
เพียงแต่ว่าเจ้าสองคนที่สะพายหีบไม้ไผ่ตรงหน้านี้ก็อย่านับรวมเลยดีกว่า
เผยเฉียนส่ายหน้า “ไม่ร้ายกาจเลยแม้แต่น้อย”
จากนั้นนางก็เอ่ยเสริมอีกประโยคว่า “แต่หากเจ้าจะถามหมัด ข้าก็จะรับหมัดนั้นไว้”
ทุกคนที่อยู่รอบด้านพากันหัวเราะครืน
เด็กสาวตัวเล็กๆ ผอมๆ คนนี้ ดูเหมือนว่าสมองไม่ค่อยจะสมประดีสักเท่าไร
ชายฉกรรจ์ผู้นั้นเดินขึ้นหน้ามาเร็วๆ หลายก้าว รองเท้าตวัดดินให้ฝุ่นลอยคลุ้ง พุ่งเข้าต่อยใบหน้าของเด็กสาว ถึงอย่างไรแม่นางน้อยก็ไม่ได้หน้าตางดงามอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็โทษที่นายท่านอย่างข้าไม่รักหยกถนอมบุปผาไม่ได้แล้ว
เผยเฉียนยืนนิ่งรับหมัดนั้น
ชายฉกรรจ์ออกหมัดไปแล้วก็เอามือไพล่หลัง พยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าเองก็ไม่ใช่คนที่ไร้คุณธรรมในยุทธภพ วันนี้สั่งสอนบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ให้เจ้าแค่นี้ วันหน้าอย่าได้สอดเรื่องของคนอื่นอีก”
ชายฉกรรจ์โบกมือ เรียกให้ทุกคนจากไป
พวกคนที่เพิ่งจะเริ่มร้องตะโกนให้กำลังใจถูกพี่ใหญ่บอกให้แยกย้ายกะทันหันก็รู้สึกมึนงงกันอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่ไม่เห็นเด็กสาวผิวคล้ำล้มลงแล้วลุกไม่ขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกผิดหวัง ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ของตนคิดจะทำอะไรกันแน่
รอกระทั่งพวกเขาขยับห่างไปหลายสิบก้าวแล้ว เด็กหนุ่มถึงได้ปลุกความกล้าถามว่า “พี่ใหญ่?”
ชายฉกรรจ์เหงื่อท่วมเต็มศีรษะ ใช้มือซ้ายกุมข้อมือข้างขวา ร่างสั่นเทิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เอ่ยเสียงสั่นว่า “เจอกับ เจอกับตอเข้าอย่างจังแล้ว มือของข้าผู้อาวุโส…หักแล้ว เจ้าตัวดี เจ้าทำร้ายข้า ฝากไว้ก่อนเถอะ…”
เด็กหนุ่มคนนั้นร้องโอดครวญในใจไม่หยุด
ทุกคนพลันตาลาย เด็กสาวสะพายหีบไม้ไผ่คนนั้นมาขัดขวางทางไปของพวกเขาแล้ว นางใช้ไม้เท้าปักยันพื้นดิน พูดเสียงหนักกับชายฉกรรจ์ที่เอาสองมือไพล่หลังว่า “บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง งูมีรูของงู หนูมีเส้นทางของหนู พวกเจ้าก็มีวิธีการลักเล็กขโมยน้อยของตัวเอง ข้าไม่รู้ว่าขนบธรรมเนียมของชายหาดโครงกระดูกแห่งนี้เป็นอย่างไร แต่อยู่ในวัดวาอารามไม่ควรมีการทำชั่ว แต่ไหนแต่ไรมาที่บ้านเกิดข้าล้วนเป็นอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นชั่วชีวิตก็จะมีจุดจบแค่ครึ่งชีวิตของคนอื่น อันดับแรกลูกน้องของเจ้าขโมยเงินทองที่ทำร้ายชีวิตคนอื่นในศาลเทพลำคลอง จากนั้นก็ตามมาด้วยหมัดนั้นของเจ้า หากเป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไป เจอกับหมัดนี้เข้าไป ไม่เพียงแต่จะต้องบาดเจ็บสาหัส ยังทำลายรูปโฉมของสตรีด้วย หมัดนี้ของเจ้ายิ่งไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ ต่อให้เป็นการถามหมัดกันระหว่างผู้ฝึกยุทธในยุทธภพ ผู้อาวุโสประมือกับเด็กรุ่นหลัง หมัดแรกก็ไม่ควรมีจิตใจที่เหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ใช่ วิชาหมัดไม่ถึงแก่น ประเด็นสำคัญคือใจอำมหิต”
เผยเฉียนพยักหน้าเอ่ยกับตัวเอง “เอาล่ะ ข้าเรียบเรียงหลักการเหตุผลชัดเจนแล้ว สามารถออกหมัดอย่างวางใจได้แล้ว”
คนเรือผู้เฒ่าผิวดำ เรือนกายแข็งแรงคนหนึ่งมายืนอยู่จุดที่ไม่ห่างมากนักตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ เขายิ้มเอ่ยว่า “แม่นางน้อย ออกหมัดระวังหน่อย ระวังจะฆ่าคนตาย ชายหาดโครงกระดูกไม่มีกฎอะไรมาพันธนาการก็จริง แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็อยู่ใกล้กับศาลเทพลำคลอง อยู่ใต้เปลือกตาของเทพลำคลองเซวีย หากมีคนตายคงไม่ดี”
เผยเฉียนหันไปมองผู้เฒ่า ขมวดคิ้วกล่าว “เข้าข้างคนอ่อนแอโดยไม่ถามหาเหตุผล?”
คนเรือเฒ่าโบกมือ “ไม่ได้ขวางการออกหมัดของเจ้าเสียหน่อย แค่เตือนให้เจ้าออกหมัดเบาหน่อย”
เผยเฉียนถาม “คำพูดประโยคนี้ฟังเหมือนถูก เพียงแต่เหตุใดเจ้าถึงไม่ควบคุมพวกเขาก่อน แต่เวลานี้กลับมาควบคุมข้าเล่า?”
คนเรือผู้เฒ่ายิ้มกว้าง “โอ้โห ฟังแล้วเหมือนจะไม่พอใจสักเท่าไร ทำไม หรือคิดจะถามหมัดกับคนเรือแก่ๆ อย่างข้า? ข้าเป็นแค่คนพายเรือ จะสามารถควบคุมอะไรได้เล่า? แม่นางน้อย ข้าอายุมากแล้ว ไม่อาจรับหมัดของเจ้าได้แม้แต่ครึ่งหมัดหรอกนะ”
เผยเฉียนพูดกับชายฉกรรจ์ที่ข้อมือหักว่า “ไสหัวไปให้ไกล วันหน้าหากข้ายังเห็นว่าพวกเจ้าทำชั่วเหมือนเดิมไม่รู้จักเปลี่ยนแปลง ถึงเวลานั้นข้าจะคืนหมัดเจ้ากลับไป”
คนทั้งกลุ่มเผ่นหนีเอาชีวิตรอดไปคนละทิศละทาง
เพราะทั้งสองฝ่ายที่อยู่เบื้องหลัง คนเรือผู้เฒ่ากับเด็กสาวนั้น ดูจากท่าทางแล้วเหมือนจะมีแววว่าเทพเซียนจะตีกันแล้ว
คนเรือเฒ่าเตรียมจะจากไป
เผยเฉียนเอ่ยกับตัวเองว่า “อาจารย์พ่อไม่มีทางผิด ไม่มีทางแน่! แต่เป็นเจ้าเซวียหยวนเซิ่งที่ทำให้อาจารย์พ่อของข้ามองคนผิด!”
เผยเฉียนปลดหีบหนังสือลง โยนไม้เท้าเดินป่าให้หลี่ไหว คำรามอย่างเดือดดาลว่า “เทพลำคลองเซวียหยวนเซิ่ง เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ตอนเด็กๆ ทุกวันนางแทบจะเดินไปทั่วตรอกเล็กถนนใหญ่ มีเพียงตอนที่หิวจนเดินไม่ไหวเท่านั้นถึงจะหาที่เหมาะๆ นอนหมอบนิ่งไม่ขยับ ดังนั้นนางจึงเคยเห็น ‘เรื่องเล็ก’ มามากมาย หลอกเอาเงินช่วยชีวิตของคนอื่น ขายยาปลอมหลอกให้คนที่เดิมทีควรมีชีวิตอยู่ต้องตายไป หลอกขายเด็กที่อยู่ลำพังตามตรอกของเมืองหลวง ให้เขาได้มีวันเวลาที่สุขสบายร่ำรวยหลายเดือน แล้วหลอกให้เขาไปเป็นนักพนัน ต่อให้พ่อแม่ของเขาจะตามหาตัวเจอแล้วพากลับบ้าน เด็กคนนั้นก็จะยังออกจากบ้านมาทำอาชีพเดิมด้วยตัวเอง ต่อให้จะตามหา ‘อาจารย์’ ที่เป็นผู้นำทางให้ตอนแรกไม่เจอ เขาก็จะยังรักษาอาชีพนั้นไว้ต่อไป หลอกสตรีให้มาขายตัว แล้วค่อยแอบนำไปขายที่อื่น หรือไม่เมื่อสตรีรู้สึกว่าไม่มีทางให้ถอยหลังกลับอีกแล้ว จึงร่วมมือกันหลอกเอาเงินสินสอดที่ตระกูลเล็กๆ เก็บสะสมมาทั้งชีวิต พอได้เงินแล้วก็หนีไป หากถูกขัดขวางก็โวยวายจะฆ่าตัวตาย ไม่ก็ในนอกประสานวางแผนร่วมกัน ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ …
แต่เมืองหลวงของแคว้นหนันเยวี่ยนแห่งนั้น ปีนั้นไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำอะไรจริงๆ อีกทั้งที่ว่าการก็ยากจะควบคุมได้ หากเพียงเท่านี้ก็แล้วไปเถอะ แต่น่านน้ำลำคลองเหยาเย่แห่งนี้ เทพลำคลองเซวียหยวนเซิ่งผู้นี้กลับทำเป็นมองไม่เห็น? ไม่สนใจควบคุมดูแลอะไรเลยอย่างนั้นหรือ?!
ในใจของคนเรือผู้เฒ่าสั่นสะท้านเบาๆ คิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกยุทธเต็มตัวอายุน้อยๆ คนหนึ่งจะมองตัวตนของตนออก ผู้เฒ่าหยุดเดิน หันหน้ามามองเด็กสาวแล้วหัวเราะร่า “แม่นางน้อย วิชาหมัดของเจ้าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน น่าจะมาจากตระกูลเซียนหรือตระกูลชนชั้นสูงกระมัง แต่เรื่องชั้นล่างของยุทธภพเช่นนี้ โดยเฉพาะกฎเกณฑ์มากมายอย่างมืดและสว่างมีความต่าง ทำดีได้ดีทำดีได้ชั่วพวกนี้ เจ้าไม่เข้าใจหรอก เรื่องราวและผู้คนบนโลกนั้นซับซ้อน ไม่ใช่ว่าหากไม่ดำก็ต้องเป็นขาวเสมอไป”
เผยเฉียนไม่เอ่ยคำใด เพียงแค่ม้วนชายแขนเสื้อขึ้นช้าๆ
หลีไหวพลันเอ่ยว่า “เทพลำคลองเซวีย นางอาจไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ต้องเข้าใจมากกว่าที่ท่านคิดแน่นอน ขอท่านเทพลำคลองโปรดพูดจาดีๆ มีเหตุผลก็ค่อยๆ พูดคุยกัน”
หลี่ไหวคลี่ยิ้มเจิดจ้า “ถึงอย่างไรเทพลำคลองเซวียก็เป็นเทพที่ไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับเรื่องอะไรอยู่แล้ว ต้องมีเวลาว่างมากแน่นอน”
คนเรือเฒ่าไม่โกรธแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าเขาเซวียหยวนเซิ่งไม่ใคร่จะยินดีอธิบายเรื่องราวอันลี้ลับซับซ้อนกับเด็กสองคนนี้จริงๆ ดังนั้นจึงยิ้มเอ่ย “ยุ่งเรื่องคนอื่นก็ต้องมีค่าตอบแทนของการยุ่งเรื่องคนอื่น วันหน้าคนกลุ่มนั้นน่าจะสำรวมมากขึ้นแล้ว แม่นางน้อยมีหมัดมีเหตุผล แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ จากนั้นเจ้าก็รู้สึกว่าเทพลำคลองเหยาเย่อย่างข้าตัดสินอย่างไม่เป็นธรรมใช่ไหม…เอาเถอะ ข้าจะยืนนิ่งไม่ขยับ รับหมัดจากเจ้าหมัดหนึ่งก็แล้วกัน หลังจากต่อยข้าแล้ว ข้าค่อยมาดูว่าแม่นางน้อยจะยังมีอารมณ์อยากพูดเหตุผลกับข้าต่อหรือไม่ หากว่ายังมี ข้าก็จะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียดโดยไม่คิดเงิน พายเรือพาพวกเจ้าข้ามผ่านลำคลองเหยาเย่ ถึงเวลานั้นสามารถพูดกันได้อีกไม่น้อย ค่อยๆ พูดคุยกันไป”
เผยเฉียนมีสีหน้าเย็นชา ดวงตาทั้งคู่นิ่งสงบเหมือนหุบเหว จ้องมองเทพลำคลองของลำคลองเหยาเย่ผู้นั้นเขม็ง “เซวียหยวนเซิ่ง เจ้ารู้สึกว่า ‘พบเจอมามากแล้ว ก็ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเถอะ’ ใช่หรือไม่?!”
หลี่ไหวพูดกับเผยเฉียนเบาๆ “เผยเฉียน อย่าเดินไปบนทางสุดโต่ง เฉินผิงอันไม่มีทางทำเช่นนี้”
เผยเฉียนพลันเดือดดาลอย่างหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ ปณิธานหมัดเหมือนน้ำตกที่ไหลซัดกราก เป็นเหตุให้ลำคลองเหยาเย่ที่อยู่ใกล้เคียงถูกชักนำจนน้ำกระเพื่อมซัดตีชายฝั่ง เรือข้ามฟากกลางลำคลองที่ลอยอยู่ห่างไปไกลโยกคลอนขึ้นลงไม่หยุด
เซวียหยวนเซิ่งจำต้องรีบร่ายใช้วิชาอภินิหารสยบน้ำในลำคลองที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ภูตผีจำนวนมากในลำคลองเหยาเย่ก็ยิ่งเหมือนถูกสยบกำราบไปด้วยจึงพากันดำดิ่งลงใต้น้ำในเสี้ยววินาที
เผยเฉียนกัดฟันพูด “ดังนั้นใต้หล้านี้จึงมีอาจารย์พ่อแค่คนเดียว อาจารย์พ่อของข้า!”
เผยเฉียนค้อมเอวลงเล็กน้อย เท้าหนึ่งกระทืบพื้น เริ่มเปิดกระบวนท่าด้วยท่าเทพตีกลองสายฟ้า
โครงหมัดถูกดึงออกกว้าง
ภูเขาสายน้ำเปลี่ยนสี
เป็นเหตุให้ร่างทองในศาลบู๊หลายแห่งที่อยู่ตอนบนของลำคลองเหยาเย่สั่นสะเทือนแทบจะเวลาเดียวกัน
เซวียหยวนเซิ่งตะลึงพรึงเพริด
นี่นางจะฝ่าทะลุขอบเขตหรือ? ใช้คำว่าแข็งแกร่งที่สุดมาครอบครองโชคชะตาบู๊ของใต้หล้า?!
เผยเฉียนเอ่ยกับคนเรือเฒ่าอย่างเฉยชา “หมัดนี้ของข้า สิบหมัดร้อยหมัดล้วนเป็นหมัดเดียว หากหลักการเหตุผลอยู่แค่บนหมัดอย่างเดียวก็โปรดจงรับหมัดไว้!”
หลี่ไหวรู้สึกว่าเผยเฉียนค่อนข้างผิดปกติ จึงอยากจะขัดขวางการออกหมัดของนาง แต่เขาก้าวเท้าได้อย่างยากลำบาก ทำได้เพียงยกเท้าขึ้น มิอาจก้าวออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียว