บทที่ 1860 พูดโกหกได้เต็มปาก + ตอนที่ 1861 อ้วนหมดแล้ว

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1860 พูดโกหกได้เต็มปาก

 

เหมยเหมยขยี้ตาอีกครั้งอยากดูให้ชัดขึ้น เหยียนหมิงซุ่นรีบยกดัมเบลล์ออกพร้อมพูดเกลี้ยกล่อมว่า “เครื่องชั่งน้ำหนักพังแล้ว ดัมเบลล์ของพี่หนัก 8 กิโล พรุ่งนี้พี่จะขอให้ลุงเหลาไปซื้อเครื่องชั่งอันใหม่มาให้”

 

พร้อมกับบอกลุงเหลาขอให้ทางร้านปรับตัวเลขตาชั่งให้เพิ่มขึ้นอีกสักสองจุดห้ากิโลด้วย แค่นั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว

 

เพอร์เฟกต์!

 

พอเหมยเหมยได้ยินว่าดัมเบลล์หนัก 8 กิโล ใจที่หนักอึ้งก็หายไปในทันที หากเป็นตามนี้น้ำหนักของเธอก็ยังคงเท่าเดิม ไม่อ้วนไม่ผอม!

 

ออกกำลังกายได้ผลจริงด้วย!

 

เพอร์เฟกต์!

 

เหมยเหมยมุมปากยกยิ้มไม่สงสัยอะไรเกี่ยวกับน้ำหนักอีก เตรียมตัวกลับเข้าห้องเพื่อเก็บของต่อ แต่หางตาดันเหลือบไปเห็นดัมเบลล์ในมือของเหยียนหมิงซุ่นสลักตัวเลข ‘10’ ตัวใหญ่อย่างชัดเจนไว้ เธอจึงจมดิ่งสู่ห้วงความเงียบทันที

 

“พี่หลอกฉัน…เห็นอยู่ชัด ๆว่า 10 กิโล ฉันจะฆ่าพี่…”

 

เหมยเหมยถึงเพิ่งเข้าใจว่าตนถูกเหยียนหมิงซุ่นหลอกมาตั้งแต่แรก เธอหนัก 50.4 จริง ๆด้วย เครื่องชั่งไม่ได้พังเลย พระเจ้า เธออยากตาย!

 

พอเหมยเหมยโมโหก็เหมือนปีศาจตัวน้อยที่ใช้หมัดกระจิ๋วชกเข้าที่ตัวของเหยียนหมิงซุ่น “พี่จงใจชัด ๆเลย วัน ๆให้ฉันกินแต่เนื้อ แถมยังบอกว่าออกกำลังกายช่วยลดน้ำหนัก ยิ่งลดยิ่งอ้วนสิ…ฉันหนักห้าสิบกิโลแล้วนะ ต้องน่าเกลียดแน่เลย…”

 

เหยียนหมิงซุ่นทำอะไรไม่ถูกเลย เจ้าบ้าที่ไหนมันเรื่องมากจริง จะสลักตัวเลขไว้บนดัมเบลล์ทำไมกันเนี่ย?

 

“ที่รัก ฟังพี่นะ น้ำหนักเธอตอนนี้กำลังดี มากกว่านี้ก็อ้วน น้อยกว่านี้ก็ผอม…จริง ๆนะ ถ้าโกหกขอให้พี่เป็นหมา…”

 

เหยียนหมิงซุ่นอธิบายพลางพูดสาบานออกมา เขาคิดว่าน้ำหนักเหมยเหมยในตอนนี้พอดีแล้วจริง ๆสัมผัสเจอเนื้อหนังเต็มไม้เต็มมือดี มีเพียงเขาเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงความงดงาม…

 

“จริงเหรอ?”

 

เหมยเหมยกึ่งเชื่อกึ่งสงสัยจึงหยุดกัดเขาแล้วก้มลงสำรวจตัวเอง แต่ไม่ได้ออกบ้านมาหลายวัน อยู่บ้านก็ใส่แต่ชุดนอนหลวม ๆจะดูออกได้อย่างไรว่าอ้วนหรือผอม

 

“พี่โกหกเธอตอนไหน จริงยิ่งกว่าทองคำอีก เหมยเหมยของพี่สวยที่สุดในโลกแล้ว ใครก็เทียบไม่ได้…” คำพูดหวานหยดย้อยของเหยียนหมิงซุ่นลื่นไหลขึ้นเรื่อย ๆ

 

ฉิวฉิวที่นอนอยู่บนเครื่องปรับอากาศมุ่ยปาก สะบัดหางยาวปิดตาไว้แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราต่อ

 

นายผู้ชายก็ช่างพูดโกหกได้เต็มปาก ทั้ง ๆที่นายผู้หญิงอ้วนขึ้นจนตัวกลมขนาดนี้แล้ว ควรยกชื่อของเขาให้นายผู้หญิงใช้ด้วยซ้ำ คุณชายฉิวอย่างมันยอมสละให้เลย!

 

เหมยเหมยถูกคำหยอกเย้าเอาใจของเหยียนหมิงซุ่นทำให้ยิ้มได้ในเวลาอันรวดเร็ว หวานเยิ้มไปทั้งหัวใจ บางทีเธออาจจะไม่อ้วนก็ได้!

 

ไม่เห็นเหรอว่าทุกวันนี้เหยียนหมิงซุ่นเหมือนกับหมาป่า ถ้าเธอกลายร่างเป็นคุณป้าจอมอ้วนจริง เหยียนหมิงซุ่นจะยังมีอารมณ์ทางเพศขนาดนี้เหรอ?

 

พอเหมยเหมยรู้สึกวางใจก็เข้าห้องไปลองชุดอย่างร่าเริง เสื้อผ้าหลายชุดที่ซื้อมาจากฮ่องกงยังไม่ทันได้ใส่เลย เธอต้องเลือกหนึ่งชุดสำหรับใส่ในวันเปิดเรียนพรุ่งนี้

 

เหมยเหมยเลือกชุดเดรสสีขาวมาชุดหนึ่ง ออกแบบเรียบง่าย แต่ก็ถือว่าเป็นการทดสอบสัดส่วน หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวสวมใส่ถึงจะดูสวย หลังจากที่เหมยเหมยลองสวมใส่พนักงานขายก็ชมไม่หยุดปาก บอกว่าชุดเดรสชุดนี้ออกแบบมาเพื่อรูปร่างของเธอโดยเฉพาะ ตัวเธอเองก็พึงพอใจกับผลลัพธ์มาก แม้กระโปรงตัวนี้จะมีราคาแพงเพราะเป็นสินค้าตัวใหม่ของชาแนล แต่เธอก็ยอมจ่ายเงินอย่างไม่นึกลังเลเพื่อเตรียมเอากลับมาใส่ที่เมืองหลวง

 

พอเหมยเหมยสวมกระโปรงเข้าไปก็รู้สึกคับบริเวณช่วงเอว เธอจึงแขม่วหน้าท้องถึงจะยัดตัวเองเข้าไปได้ จากนั้นก็วิ่งไปหน้ากระจกอย่างอารมณ์ดี

 

“…หา…ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”

 

เหมยเหมยมองสาวอ้วนตัวน้อยในกระจกพลางอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก

 

เห็นได้ชัดว่าตอนที่เธอลองชุดในร้าน รู้สึกสวมใส่สบายและงดงามราวกับนางฟ้าตัวน้อย แต่ตอนนี้…

 

สาวอ้วนในกระสอบสีขาวคนนี้คือใครกัน?

 

พระเจ้ารีบส่งเหลยกง[1]มาเก็บเธอที!

 

เหมยเหมยอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ตอนนี้มีหรือที่เธอจะไม่เข้าใจ คำพูดของคนสารเลวอย่างเหยียนหมิงซุ่นล้วนเป็นคำโกหกทั้งนั้น เพราะเธอโง่ถึงได้เชื่อเขาไง!

 

 

[1] เทพเจ้าแห่งสายฟ้าฟาด ท่านลงทัณฑ์ต่อผู้ก่อกรรมชั่วเกินกว่าจะให้อภัยได้ ลงโทษโดยการบันดาลให้ฟ้าผ่าลงที่คนนั้น และในแถบชนบทของจีนยังมีผู้คนเคารพกราบไหว้บูชาท่านเพื่อขอฝนอีกด้วย

 

………………………………………………………

 

ตอนที่ 1861 อ้วนหมดแล้ว

 

ยามเช้าตรู่ในเดือนกันยายน แสงแดดเจิดจ้าสาดส่องลงมา สายลมพัดอ่อน ๆ วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่แสนงดงาม

 

แต่อารมณ์ของเหมยเหมยกลับดีไม่ออกเลยสักนิด ชุดเดรสชาแนลสีขาวที่แพงแสนแพงถูกเธอยัดลงไปอยู่ใต้กล่อง ไม่รู้เลยว่าเมื่อไรจะใส่มันได้อีก ถึงอย่างไรปีนี้ก็คงจะหมดหวังแล้วล่ะ

 

เธอลงจากรถด้วยสภาพงัวเงีย เหยียนหมิงซุ่นส่งเธอไปลงทะเบียนที่มหาวิทยาลัย เมื่อคืนเธอถูกหมาป่าตัวหนึ่งกักตัวไว้ทั้งคืน พูดให้สวยหรูหน่อยก็คือการออกกำลังเพื่อลดน้ำหนัก

 

ทั้ง ๆที่เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่เชื่อตาบ้านั่นอีก แต่ก็อดหวั่นไหวต่อความอยากลดน้ำหนักไม่ได้ เธอจึงถูกคนบางคนเกลี้ยกล่อมและออกกำลังกายกับเขาตลอดทั้งคืน

 

ผลลัพธ์ของการนัวเนียกันอยู่บนเตียงตลอดทั้งคืนก็คือ…

 

ขอบตาดำทั้งสองข้าง และการหาวอย่างต่อเนื่อง…

 

“เหมยเหมยดูทางหน่อยสิ ตรงนี้มีหลุมอยู่ด้วย ระวังจะล้มเอา” เหยียนหมิงซุ่นเป็นห่วงภรรยาของตนที่ดูเหมือนจะละเมอเดินมากกว่า ท่าทางแบบนี้จะไปลงทะเบียนได้อย่างไร อีกสักพักเขามีเรื่องด่วนที่ต้องไปจัดการอีก คงต้องให้ลุงเหลามาแล้วล่ะ

 

“เหอะ…”

 

เหมยเหมยจ้องเขาตาเขม็งและไม่คิดจะสนใจเขาอีก ทำให้เธออ้วนขึ้นตั้งห้ากิโล เธอตัดสินใจแล้วว่าจะทำสงครามเย็นด้วยสักหนึ่งเดือน ครั้งนี้เธอจะเอาจริงแล้ว ไม่มีทางยอมใจอ่อนเด็ดขาด!

 

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกอย่างขำขันไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเหมือนเจ้าปีศาจน้อย ขอแค่ไม่ทำสงครามเย็นบนเตียงก็พอแล้ว เขาเป็นถึงชายอกสามศอกผู้มีจิตใจกว้างขวาง!

 

ฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเดินมาด้วยกัน สีผิวดูคล้ำไปบ้าง เหยียนหมิงซุ่นฝากเหมยเหมยไว้กับพวกเธอ พูดกำชับไม่กี่ประโยคแล้วจากไปอย่างเร่งรีบ พร้อมกับโทรหาลุงเหลาให้อีกสักครู่มารับเหมยเหมยด้วย

 

“พระเจ้า…เหมยเหมยเธอไปกินอะไรมา? ทำไมถึงกลมขึ้นขนาดนี้?”

 

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรอให้เหยียนหมิงซุ่นกลับไปก่อนถึงเริ่มสังเกตเพื่อนด้วยท่าทีสนใจ พอเห็นแล้วก็รู้สึกอัศจรรย์ใจเหมือนได้ค้นพบดินแดนแห่งใหม่เข้า ตื่นเต้นจนดวงตาทอประกายแสงสีเขียว

 

เมื่อวานใครใช้ให้เอามีดมาแทงเข้าที่ดวงใจเธอก่อนล่ะ!

 

ตัวเองก็อ้วนขึ้นเหมือนกันสินะ?

 

สมน้ำหน้า!

 

มีดด้ามนี้ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแทงได้อย่างโหดร้ายและแม่นยำจนไล่อาการงัวเงียของเหมยเหมยหายเป็นปลิดทิ้ง คุณหนูเหริ่นจ้องด้วยแววตาชอบใจราวกับเก็บเงินได้เสียอย่างนั้น นอกจากนี้ยังสังเกตเห็นอีกว่าคางของคุณหนูผู้นี้กลมขึ้น ต่อให้สวมใส่เสื้อผ้าสีดำก็ไม่อาจซุกซ่อนไขมันหน้าท้องที่สั่นกระเพื่อมของเธอได้…

 

ดูห่วงยางวงนั้นสิ…ห้ากิโลคงหนีไม่พ้นแน่

 

อะไรคือสิ่งที่มีความสุขที่สุดหลังจากที่ตัวเองอ้วนขึ้น?

 

แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่มากไปกว่าการได้เห็นเพื่อนรอบตัวของคุณก็อ้วนขึ้นเช่นกัน ความรู้สึกแบบนั้นมันมีความสุขเสียยิ่งกว่าการถูกรางวัลใหญ่เสียอีก!

 

เหมยเหมยเหลือบมองหน้าท้องของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน แล้วจงใจพูดขึ้นว่า “หน้าท้องของเธอนี่ สองเดือนที่ผ่านมาไม่ได้กินเนื้อสัตว์น้อยลงเลยใช่ไหม? เธอพูดเองว่าจะปีนเขาแถวบ้านอิงจวี้กังให้ครบไม่ใช่เหรอ?”

 

“พรวด”

 

ฉีฉีเก๋อหัวเราะพรืด ชี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วพูดว่า “เหมยเหมยพูดถูก แค่หมูของบ้านอิงจวี้กังเห็นหน้าเธอก็วิ่งหนีแล้ว วิ่งเร็วเสียด้วยสิ”

 

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบไหล่เธออย่างโมโห “ไร้สาระ หมูตัวนั้นเจอใครก็วิ่งหนีทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่แค่ฉันสักหน่อย”

 

“แต่เธอกินเนื้อเยอะที่สุดแล้วนะ เนื้อรมควันในบ้านอิงจวี้กังถูกเธอกินจนเกลี้ยงเลย ถ้าพวกเรายังไม่ไปกันอีกละก็แม่ของอิงจวี้กังคงได้ฆ่าหมูแล้วล่ะ” ฉีฉีเก๋อเปิดโปงอย่างไม่ไว้หน้า

 

ตอนแรกครอบครัวของอิงจวี้กังกระตือรือร้นมาก ต้อนรับพวกเขาด้วยกับข้าวกับปลาอาหารดี ๆทุกวัน พอกินเนื้อรมควันจนหมด ไก่และเป็ดก็ถูกฆ่าตายเกือบหมด แม่อิงจวี้กังคิดแล้วคิดอีกถึงตัดสินใจฆ่าหมูตัวนั้นที่เลี้ยงมานานกว่าครึ่งปี คงไม่ดีนักถ้าปล่อยให้แขกกินไม่อิ่ม!

 

หมูตัวนั้นก็ร้ายใช่ย่อย พอมันรู้ว่าแม่อิงจวี้กังจะฆ่ามันเพื่อเลี้ยงต้อนรับแขก แล้วก็รู้ว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคือคนที่กินเนื้อมากที่สุด พอเห็นหน้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมันก็วิ่งหนีเร็วเสียยิ่งกว่าหมา ฟ้าไม่มืดก็ไม่คิดจะกลับบ้าน

 

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบจมูกด้วยความโมโห การไปเยือนบ้านของอิงจวี้กังครั้งนี้ทำให้เธอได้เปิดหูเปิดตา ภาคใต้และภาคเหนือแตกต่างกันมากจริง ๆ แค่วิธีการเลี้ยงหมูก็ต่างกันแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะเลี้ยงแบบปล่อยเหมือนหมาขนาดนั้น ตอนเช้าจะปล่อยออกไปให้หากินเอง พอตกกลางคืนหมูก็จะกลับมาเอง หนำซ้ำยังเฝ้าบ้านได้ด้วย!

 

“ฉันให้เงินไปแล้วนะ ก่อนกลับฉันวางเงินไว้บนหัวเตียงของแม่อิงจวี้กังแล้ว ท่านน่าจะเห็นนะ”

 

ฐานะทางบ้านของตระกูลอิงไม่ค่อยดีนัก เธอไม่มีทางอยู่ฟรีกินฟรีหรอก ถ้าเช่นนั้นคงไม่ต่างไปจากคนเลว!

 

…………………………………………………………………….