บทที่ 1862 คู่รักสองคู่ + ตอนที่ 1863 เตรียมตัวลาออก

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1862 คู่รักสองคู่

ฉีฉีเก๋อเล่าเรื่องสนุก ๆของพวกเธอตอนอยู่ที่บ้านของอิงจวี้กังให้เหมยเหมยฟังจนหัวเราะท้องแข็ง มองเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างขำขัน เพราะเรื่องตลกพวกนี้เกี่ยวข้องกับเธอเสียส่วนใหญ่

“พวกเธออยู่ที่บ้านของอิงจวี้กังตลอดเลยเหรอ? ไม่ได้ไปที่อื่นเลยเหรอ?” เหมยเหมยถาม

“เปล่าหรอก พวกเราอยู่ที่บ้านของอิงจวี้กังเกือบค่อนเดือน หลังจากนั้นก็ไปยูนนานกับกุ้ยโจว ทิวทัศน์ของที่นั่นสวยงามมาก พวกเราวาดเก็บกันไว้ด้วยนะ แล้วไว้จะเอาให้เธอดู!” ฉีฉีเก๋อพูดชมไม่หยุดปาก

ทริปปิดเทอมหน้าร้อนครั้งนี้ทำให้เธอได้เปิดหูเปิดตามาก เมื่อก่อนเห็นดินแดนฮวาเซี่ยแค่ในแผนที่ วัน ๆเอาแต่เฝ้าใฝ่ฝันอยากท่องมาตุภูมิอันกว้างใหญ่ของประเทศ ภูเขาและแม่น้ำที่กว้างใหญ่งดงาม แต่พอถึงคราวที่ได้เห็นกับตาตัวเอง เธอถึงได้เข้าใจถึงประสบการณ์นั้นอย่างลึกซึ้ง

“ดีจัง น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้ไปกับพวกเธอ” เหมยเหมยรู้สึกเสียดาย การได้ท่องไพรไปกับกลุ่มเพื่อนเช่นนี้ต้องสนุกมากแน่ ๆ

แต่เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางปล่อยให้เธอออกเดินทางไปไหนตามลำพังแน่ คงทำได้แค่อิจฉาเท่านั้นล่ะ

ฉีฉีเก๋อกลับพูดด้วยท่าทีสนอกสนใจว่า “ช่วงปิดเทอมฤดูหนาวฉันนัดกับรุ่นพี่จะไปดูโคมไฟน้ำแข็งที่ฮาร์บิน พวกเราจะเที่ยวไปด้วยขายภาพวาดไปด้วยคงไม่มีปัญหาเรื่องค่าเดินทางและค่าครองชีพ รุ่นพี่อาศัยวิธีนี้จนไปมาหลายที่เลยนะ เหมยเหมยไปด้วยกันไหม?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาใส่  “คุณคนนั้นเขาจะยอมเหรอ? เธอกับรุ่นพี่ของเธอไปจู๋จี๋กันสองสามีภรรยาเถอะ!”

ฉีฉีเก๋อหน้าแดงระเรื่อ โชคดีที่ใบหน้าเธอแดงอยู่แล้วจึงดูไม่ออก แต่ความเขินอายในแววตากลับปกปิดไม่มิด เหมยเหมยคิดบางอย่างขึ้นได้ เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่ฉีฉีเก๋อถูกเฉินหมิงลักพาตัวไปก่อนที่จะไปฮ่องกง ตอนนั้นฉางชิงซงมีท่าทีผิดปกติ

หรือว่า…

เหมยเหมยกระซิบถามข้างหูเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า “เธอเพิ่งจะดูออกเหรอ เธอรู้หรือเปล่าตอนปิดเทอมหน้าร้อนนี้ฉันแทบจะกระอักตายเพราะสองคนนี้…”

ฉีฉีเก๋อทุบตีเธอไปหลายที พูดอย่างโมโหว่า “เธอกับอิงจวี้กังก็ไม่ต่างกันหรอก ยังมีหน้ามาว่าฉันอีก!”

“เหลวไหล…ความสัมพันธ์ของฉันกับอิงจวี้กังคือเพื่อนร่วมชั้นธรรมดาเฉย ๆ เธออย่ามาพูดจาซี้ซั้วสิ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดค้านเสียงดัง แต่ถ้าหากว่าปลายหูไม่แดงก็คงจะน่าเชื่อถือกว่านี้

เหมยเหมยสังเกตเห็นเพื่อนทั้งสองคนต่างก็มีเรื่องปิดบังในใจ นึกไม่ถึงว่าแค่ไปปีนเขาจะกลับมาเป็นคู่รักสองคู่ได้ น่ายินดีด้วยเหลือเกิน!

“มิน่าล่ะที่แม่อิงจวี้กังจะฆ่าหมู ที่แท้ก็เพื่อเป็นการเอาใจใส่ว่าที่ลูกสะใภ้นี่เอง มันก็สมควรนะ…” เหมยเหมยแซว เธอพลัดกันพูดคนละประโยคกับฉีฉีเก๋อ หยอกเย้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจนดอกท้อบานเต็มหน้า เอะอะโวยวายตามประสาพวกเธอไป

ทั้งสามคนเดินไปลงทะเบียนพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก ระหว่างทางเจอเพื่อนร่วมชั้นหลายคน ทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใส ในปีการศึกษาใหม่นี้ล้วนเต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอย

แต่มีอยู่คนหนึ่งที่อารมณ์ไม่ดีเลยสักนิดนั่นก็คือสวีจื่อเซวียน

เรื่องราวของสวีจื่อเซวียนเกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนซึ่งมีไม่กี่คนที่รู้ อีกอย่างอิทธิพลในมหาวิทยาลัยของเจียงจื้อหรู่ก็มีอยู่ไม่น้อย เรื่องที่เกิดขึ้นจึงจบลงเช่นนั้น

แต่เรื่องที่เจียงจื้อหรู่ทอดทิ้งภรรยาเพราะนักศึกษาหญิงคนหนึ่งกลับแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ข่าวลืออื้อฉาวในมหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็มีไม่น้อย สายตาที่ทุกคนมองสวีจื่อเซวียนจึงดูไม่ปกติ

มีความอิจฉาด้วย แต่มองอย่างดูถูกดูแคลนมากกว่า

เหมยเหมยเจอสวีจื่อเซวียนที่สำนักทะเบียนวิชาการ หลังจากที่ได้พักผ่อนในช่วงหน้าร้อนสีหน้าของสวีจื่อเซวียนก็ดูดีขึ้นมากแต่ก็เทียบกับที่ผ่านมาไม่ได้ หน้าซีดขาวจนน่าตกใจ คางแหลมเหมือนสว่าน ผอมจนดูผิดรูป

ท่าทางของเธอดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา สีหน้าหม่นหมอง ต่างจากเมื่อก่อนที่ไร้เดียงสาและงดงามราวกับนางฟ้าอย่างสิ้นเชิง เธอกลายเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงหน้าตาธรรมดา กระทั่งดูไม่เตะตาเท่าถังม่านลี่ด้วยซ้ำ

“เหมยเหมยเธอรู้หรือเปล่า ฉันได้ยินมาว่าสวีจื่อเซวียนจะพักการเรียนแล้วนะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระซิบบอกข่าวร้อนให้ฟังจนเหมยเหมยและฉีฉีเก๋อต่างตกใจกันยกใหญ่

……………………………………………………………….

ตอนที่ 1863 เตรียมตัวลาออก

“จริงเหรอ? ก็ยังดี ๆอยู่ทำไมต้องพักการเรียนล่ะ?” เหมยเหมยไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก

มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนมากมายอยากจะเข้ามาเรียน สวีจื่อเซวียนสอบเข้ามาได้แล้ว แต่กลับไม่รักษาโอกาสไว้ให้ดี หนำซ้ำยังคิดจะพักการเรียนอีก?

สมองคงเพี้ยนไปแล้ว!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างมั่นใจ “จริงสิ เหมือนว่าสวีจื่อเซวียนจะแต่งงานกับอาจารย์เจียง นักเรียนที่ยังเรียนอยู่ไม่สามารถแต่งงานได้ ยัยโง่นั่นเลยคิดจะพักการเรียน”

“เธอเพิ่งกลับมาเมืองหลวงเมื่อวานไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงรู้ลึกขนาดนี้?” ฉีฉีเก๋อแปลกใจเข้าไปใหญ่ ความสามารถเพียงชั่วข้ามคืน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปรู้ข่าวมาจากไหน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจ้องเธออย่างนึกดูแคลน พูดอย่างได้ใจว่า “คุณหนูอย่างฉันเพื่อนเยอะจะตาย พอกลับมาถึงคนพวกนั้นก็โทรหาฉันแล้ว เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาฉันรู้หมดแหละ”

เธอกดเสียงต่ำและพูดว่า “ฉันยังรู้อีกด้วยนะว่าชีวิตของอาจารย์เจียงตอนนี้ไม่ค่อยดี ภรรยาเก่าของเขาไม่ธรรมดา ตอนหย่ากันใจกว้างมากทิ้งหอนิทรรศการภาพวาดแห่งหนึ่งไว้ให้อาจารย์เจียงด้วย แต่หอนิทรรศการภาพวาดแห่งนั้นเป็นดั่งหลุมลึก ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็กลบไม่มิด อาจารย์เจียงขายของสะสมราคาสูงไปเกือบหมดแล้ว ตอนนี้สถานะการเงินไม่ค่อยดีนัก”

เหมยเหมยเพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดเจียงจื้อหรู่ถึงได้รีบไปฮ่องกงกับสวีจื่อเซวียน!

ที่แท้ก็ไปประมูลของสะสม โง่ดักดานจริง ๆ!

ภาพวาดและของโบราณพวกนี้ ถ้ารีบขายเกินไปไม่มีทางขายได้ราคาหรอก คนซื้อไม่กดราคาสิแปลก!

“หอนิทรรศการภาพวาดแห่งนั้นได้กำไรไม่น้อยไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงขาดทุนได้ล่ะ?” ฉีฉีเก๋อไม่เข้าใจ หอนิทรรศการภาพวาดของเจียงจื้อหรู่มีชื่อเสียงอยู่บ้างในวงการ นักศึกษาหลายคนต่างส่งผลงานไปขายที่นั่น ฉางชิงซงก็เคยไปขายที่นั่นมาก่อน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเยาะ พูดติดโมโห “ก็คงต้องดูว่าอยู่ในกำมือใครแล้วล่ะ มันก็เหมือนกับหลักการที่ว่าหากส้มเติบโตในเขตตอนใต้ของแม่น้ำหวายก็จะเป็นต้นส้ม หากเติบโตในเขตตอนเหนือของแม่น้ำหวายก็จะเป็นต้นจื่อนั่นแหละ หอนิทรรศการภาพวาดอยู่ในมือของคุณนายเจียงเรียกว่าต้นเงินต้นทอง แต่พอมาอยู่ในมือของคนที่ไม่รู้จักการบริหารก็กลายเป็นดั่งหลุมดูดเงิน”

เรื่องพวกนี้เธอเข้าใจได้อย่างง่ายดาย คุณนายเจียงจงใจที่จะลงโทษผู้ชายเสเพล ดังนั้นจึงได้ลงมือกับหอนิทรรศการภาพวาด

เหมยเหมยกลับเห็นต่าง “ฉันคิดว่าคุณนายเจียงต้องรอให้อาจารย์เจียงกลับตัว เธอผูกพันกับอาจารย์เจียงมาก ไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆหรอก”

แม้จะเคยเจอหน้าคุณนายเจียงแค่ครั้งเดียว แต่เหมยเหมยกลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่คุณนายเจียงมีต่อเจียงจื้อหรู่

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำตาโต “แม่เจ้า…คงไม่มั้ง ผู้ชายเสเพลแบบนั้นยังอยากจะได้อีกเหรอ? ผู้ชายบนโลกนี้ตายหมดแล้วหรือไง!”

หากเป็นเธอสามีออกไปมีชู้นอกบ้าน เธอจะตัดเจ้าโลกของผู้ชายเสเพลนั่นทิ้ง เธอจะทำให้มันผงาดขึ้นมาไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลย!

เหมยเหมยส่ายหน้าพลางถอนหายใจเอ่ยว่า “บางทีอาจเพราะรักมากเกินไปมั้ง ไม่ว่าผู้ชายจะเสเพลนอกบ้านแค่ไหน ก็มักจะเหลือประตูบานหนึ่งไว้เพื่อรอคอยเขากลับมา”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสะดุ้งโหย่งเพราะทำให้เธอนึกถึงแม่ของตัวเอง เมื่อก่อนพ่อที่ไม่เอาไหนของเธอเอาแต่เล่นชู้อยู่กับผู้หญิงนอกบ้าน ตอนนั้นแม่ของเธอก็ร้องไห้จะเป็นจะตาย แต่ตอนนี้พอพ่อของเธอเข้าไปอยู่ในคุกแม่ของเธอก็ปวดใจจึงไปเยี่ยมพ่อที่คุกอยู่บ่อย ๆ

ทำเอาเธอไม่กล้าบอกแม่เลยว่าเธอเป็นคนทำให้พ่อต้องเข้าไปอยู่ในคุกเอง มันอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว

“ผู้หญิงพวกนั้นโง่…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนด่าทอด้วยความโมโห ในใจก็ด่าแม่ตัวเองไปด้วย

เธอทิ้งพ่อไม่ได้นั่นเพราะเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ จะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของเธอ แต่ทำไมแม่เธอถึงคิดไม่ได้นะ?

ดั่งคำโบราณที่ว่าไว้สามีภรรยาก็เหมือนนกในป่าไพร ยามเผชิญกับเหตุการณ์ร้าย ๆก็แยกกันบินหนี แล้วทำไมแม่ของเธอถึงไม่บินหนีล่ะ คอยดูแลพ่อที่ไร้ประโยชน์ของเธออยู่อย่างนั้นจะมีความหมายอะไร?

……………………………………………………………