พอเย่เฉินเห็นเธอ ก็อดตะลึงในความงามไม่ได้
เขารู้สึกแต่แรกแล้วว่ารูปลักษณ์และรูปร่างของซ่งหวั่นถิง ไม่ได้ด้อยไปกว่าภรรยาของเขาเซียวชูหรันเลย
กระทั่งกลิ่นอายความสูงศักดิ์ที่บ่มเพาะมาแต่เล็กจนโตของซ่งหวั่นถิง ยิ่งเป็นสิ่งที่ภรรยาของเขาไม่อาจเทียบติด
ยังไงก็เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลใหญ่ชั้นสูงในพื้นที่นี้ สวมชุดหรูกินอาหารชั้นเลิศมาแต่เด็ก รับการสั่งสอนมรรยาทมาอย่างตระกูลชั้นสูง เมื่อเทียบกับหญิงสาวทั่วไปแล้วยังคงเห็นความแตกต่างได้เด่นชัด
พอซ่งหวั่นถิงเห็นเย่เฉิน ก็รี่มาหาอย่างตื่นเต้น เอ่ยอย่างกระดากอาย “อาจารย์เย่มาแล้วเหรอคะ”
เย่เฉินยิ้มน้อย ๆ เอ่ย “คุณซ่งหวั่นถิง วันนี้คุณจะฉลองวันเกิดทำไมไม่แจ้งผมก่อนสักหน่อยล่ะ”
ซ่งหวั่นถิงเอ่ยขออภัย “ขออาจารย์เย่อย่าได้ถือสา ที่หวั่นถิงไม่บอกคุณก่อน ก็เพราะว่ากลัวคุณจะไปสิ้นเปลืองเตรียมของขวัญให้หวั่นถิงอีก”
เย่เฉินยิ้มเอ่ย “ความจริงก็ไม่มีอะไรสิ้นเปลืองหรอกนะ พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ คุณจะฉลองวันเกิดผมย่อมต้องมอบของขวัญให้คุณ ต่อให้คุณไม่พูด ผมก็ต้องเตรียมของขวัญดี ๆ ให้คุณอยู่ดี”
เอ่ยจบ เย่เฉินก็หยิบกล่องเล็กที่บรรจุยาอายุวัฒนะไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
เพียงแต่ว่ากล่องของขวัญนี้ห่อไว้อย่างดีมาก จึงมองไม่ออกว่าด้านในใส่สิ่งใดเอาไว้
ซ่งหวั่นถิงเมื่อเห็นว่าเย่เฉินเตรียมของขวัญมาให้ตนเองอย่างไม่คาดคิด ในใจก็บังเกิดความยินดี
เธอรู้สึกชอบพอเย่เฉินมาตลอด อีกทั้งนี่ยังเป็นของขวัญวันเกิดที่คนในหัวใจมอบให้ เธอย่อมรู้สึกตื่นเต้นหาใดเทียม
ด้วยเหตุนี้เธอจึงรับของขวัญไว้ เอ่ยกับเย่เฉินอย่างซึ้งใจ “อาจารย์เย่ ขอบคุณคุณมากจริง ๆ นะคะ ยังเตรียมของขวัญมาให้หวั่นถิงเป็นพิเศษด้วย”
เย่เฉินยิ้มน้อย ๆ ทีหนึ่ง “เป็นเรื่องที่สมควรทำ คุณไม่ต้องเกรงใจนักหรอก”
ด้วยประโยคนี้ของเย่เฉิน ทำให้ซ่งหวั่นถิงบังเกิดความรู้สึกหวานล้ำปานน้ำผึ้งในหัวใจ
พอลที่อยู่ด้านข้าง ก็เดินขึ้นหน้ามาในเวลานี้ มอบกล่องของขวัญให้เธอชิ้นหนึ่ง ยิ้มเอ่ยว่า “คุณซ่ง สุขสันต์วันเกิดนะครับ”
ซ่งหวั่นถิงมองพอลพลางยิ้มถาม “คงเป็นคุณที่บอกอาจารย์เย่เรื่องฉันฉลองวันเกิดในวันนี้สินะคะ”
“ใช่แล้ว” พอลยิ้มเอ่ย “ตอนที่อาจารย์เย่คุยโทรศัพท์ ผมก็เพิ่งทำงานกับอาจารย์เย่เสร็จลุล่วงพอดี”
“งั้นเหรอคะ” ซ่งหวั่นถิงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “คุณกับอาจารย์เย่ทำงานร่วมกันด้วยเหรอคะ”
พอลยิ้มเอ่ย “ตอนนี้ผมเป็นทนายและที่ปรึกษาด้านกฎหมายของอาจารย์เย่น่ะครับ”
เย่เฉินยิ้มเอ่ยอยู่ด้านข้าง “อีกทั้งไม่จ่ายเงินสักบาทอะไรแบบนั้น”
ซ่งหวั่นถิงถามอย่างสงสัย “อาจารย์เย่คะ ตอนนี้คุณต้องใช้ที่ปรึกษาด้านกฎหมายเพื่ออะไรเหรอคะ พบปัญหาอะไรเข้าเหรอคะ”
“เปล่าหรอก” เย่เฉินหัวเราะ เอ่ย “ผมเพียงแต่เพิ่งรับบริษัทมาแห่งหนึ่ง เลยให้พอลช่วยผมจัดการรายละเอียดในด้านกฎหมายให้”
“เข้าใจแล้ว!” ซ่งหวั่นถิงพยักหน้า ยิ้มเอ่ย “อาจารย์เย่คะ งั้นเรารีบเข้าไปกันเถอะค่ะ ข้างในยังมีคนคุ้นหน้าคุ้นตาอีกไม่น้อย”
“ได้!”
เย่เฉินเข้าไปด้านในคฤหาสน์ตระกูลซ่งตามซ่งหวั่นถิงไป ด้านในโถงขนาดใหญ่ถูกประดับประดาเป็นโถงงานเลี้ยง
ณ โถงงานเลี้ยงในตอนนี้ ไม่เพียงแต่มีงานเลี้ยงค็อกเทลเท่านั้น ยังมีวงดนตรีแจ๊สอีกด้วย
เย่เฉินกวาดตามอง มีคนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อยจริง ๆ
ที่มองเห็นก่อน ก็คือซ่งหรงวี่ ญาติผู้พี่ชายของซ่งหวั่นถิง
แต่เย่เฉินไม่ได้มีความรู้สึกอันดีใดกับซ่งหรงวี่ จึงไม่ได้เข้าไปทักทาย
ในกลุ่มแขกที่มาจากด้านนอก มีเฉินจื๋อข่าย หวังเจิ้งกาง หงห้า ซือเทียนฉีและหลานสาวของเขาเฉินเสี่ยวจาว ฉินกางและหลานสาวที่ร้ายกาจของเธอฉินเอ้าเสวี่ยน
กระทั่ง ยังมีเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเมืองไห่หลี่ไท่หลายมาด้วย
แม้แต่หวังตงเสวี่ยนแห่งตี้เหากรุ๊ปก็มาเช่นกัน
ดูท่า คนเหล่านี้ที่ซ่งหวั่นถิงเชิญมา ล้วนเป็นเพื่อนที่มีความสัมพันธ์ต่อกันค่อนข้างดี