ตามปกติแล้วส่วนใหญ่ตนไม่ไปที่ตี้เหากรุ๊ปเลย และไม่เคยถามไถ่เรื่องราวของตี้เหากรุ๊ปเลย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนโยนไปให้หวังตงเสวี่ยน

ที่เมื่อครู่หวังตงเสวี่ยเอ่ยเช่นนี้ คาดว่าคงหวังว่าต่ไปตนจะไปที่ตี้เหากรุ๊ปให้มากขึ้นบ้าง

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาจึงยิ้มแล้วเอ่ยกับหวังตงเสวี่ยนว่า “ประธานหวังงดงามขนาดนี้ ต่อไปผมคงต้องแวะไปที่ตี้เหากรุ๊ปบ่อยๆ แล้ว”

ทันทีที่หวังตงเสวี่ยนได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าเฉิดฉันที่งดงามเลิศล้ำ พลันแปรเปลี่ยนเป็นแดงซ่านขึ้นมา

ในเวลานี้เอง ซือเทียนฉีก็พาเฉินเสี่ยวจาวเข้ามาแล้ว

เฉินเสี่ยวจาวมองดูเย่เฉิน ในดวงตางดงามเต็มไปด้วยอ่อนโยน

ในเวลาเดียวกันหัวใจของสาวน้อยอย่างเธอก็ค่อนข้างขุ่นขึงขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกอยู่เสมอว่าระยะยนี้ปรมาจารย์เย่คล้ายจะไม่สนใจเธอกับปู่ของเธอสักเท่าไหร่แล้ว

เนื่องจากช่วงนี้ก็ไม่เห็นปรมาจารย์เย่ไปที่โถงโอสถอีกเลย ดังนั้นถึงแม้ตนจะคิดถึงเขาอยู่เช้าค่ำ กลับไม่มีโอกาสได้พบเขาเลย

ซือเทียนฉีกลับไม่ได้มีความน้อยอกน้อยใจมากมายเฉกเช่นหลานสาว เขาเพียงรู้สึกว่าไม่ได้พบเย่เฉินมาพักหนึ่งแล้ว หลังจากตนใช้ยาอายุวัฒนะไปแล้ว ทุกวันล้วนสัมผัสได้ว่า การหวนคืนสู่ความเยาว์วัยสำคัญต่อเขามากขนาดไหน ดังนั้นลึกๆ ในหัวใจของเขา เต็มไปด้วยความซาบซึ้งตื้นตันในตัวเย่เฉินอยู่ตลอด

ดังนั้นเขาจึงสาวเขาก้าวเข้ามาหา พนมมือค้อมกายให้เย่เฉิน เอ่ยอย่างเคารพเลื่อมใส “ปรมาจารย์เย่ ผมไม่ได้พบคุณมาสักพักแล้ว ไม่ทราบว่าช่วงนี้ปรมาจารย์เย่สบายดีไหมครับ?”

เย่เฉินยิ้มบางๆ แวบหนึ่ง “หมอเทวดาซือเกรงใจไปแล้ว ระยะนี้ผมสบายดี แล้วหมอเทวดาซือสบายดีไหมครับ?”

ซือเทียนฉีเอ่ยอย่างจริงจัง “ด้วยการอำนวยพรของปรมาจารย์เย่ ตอนนี้ผมรู้สึกสมบูรณ์ดีอยู่ทุกวันเลยครับ! ต้องขอบคุณปรมาจารย์เย่ที่ตอนนั้นมอบโชควาสนาอันยิ่งใหญ่ให้ผม!”

เย่เฉินยิ้มน้อยๆ ตอบไป “คุณก็พูดเกินไป นี่คือวาสนาของคุณ ดังนั้นไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ”

ขณะที่ฉินเอ้าเสวี่ยนกำลังชิมขนมหวานอยู่ ทันทีที่เห็นเย่เฉินมา หัวใจดวงน้อยก็เต้นรัวไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น ยังไม่ได้เข้าไปคุยกับเย่เฉิน เธอก็หน้าแดงแล้ว

นิสัยขอบฉินเอ้าเสวี่ยนเป็นสาวน้อยตัวแสบที่กล้ารักกล้าชังประเภทนั้น ช่วงก่อนที่ได้ประมือกับเย่ เธอกล้าลงมือต่อเย่เฉิน ถึงแม้จะถูกเย่เฉินจะถีบก้นอย่างไม่ไว้หน้าก็ตาม

แต่ฉินเอ้าเสวี่ยนในตอนนี้ ในสมองได้ถือว่าเย่เฉินเป็นคนรักในฝันของตนอย่างสมบูรณ์แล้ว แทบทุกคืนก่อนนอนล้วนคิดถึงเขาอยู่นานกว่าจะหลับไป

แถมฉินเอ้าเสวี่ยนยังฝันเห็นเย่เฉินในความฝันอยู่บ่อยครั้งด้วย ในบางครั้ง ยังฝันว่าตนได้ทำเรื่องน่าอายบางอย่างกับเย่เฉินด้วย

ทำอะไรไม่ได้เลย เนื่องจากฉินเอ้าเสวี่ยนชอบเย่เฉินมากเกินไป

ตอนนั้นหลังจากเย่เฉินช่วยฉินเอ้าเสวี่ยนไว้ ในใจของฉินเอ้าเสวี่ยนก็เกิดความเคารพเทิดทูนแล้ว

ต่อมาเย่เฉินต้องเริ่มหลอมโอสถวิเศษ ฉินเอ้าเสวี่ยนก็ได้รับการไหว้วานจากฉินกังผู้เป็นบิดา ให้มาขอยาอายุวัฒนะจากเย่เฉินถึงที่

เดิมทีนึกว่าแม้เย่เฉินมอบให้สักเม็ด ก็นับเป็นบุญคุณท่วมฟ้าแล้ว กลับคาดไม่ถึงเลยว่า ตอนนั้นเย่เฉินจะบอกกับฉินเอ้าเสวี่ยนว่า “เห็นแก่นางของสาวงามตัวน้อย ฉันให้เธอสองเม็ดเลย”

ในวินาทีนั้นเอง ฉินเอ้าเสวี่ยนก็ได้ตกหลุมรักเย่เฉินอย่างล้ำลึกแล้ว

สิ่งที่ยิ่งทำให้เธอรักเย่เฉินจนซึมลึกเข้าไปในกระดูกก็คือ ครั้งนั้นที่เย่เฉินสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือตน

เพื่อนสาวคนสนิทของตน ถูกอู๋ฉีล่วงเกิดนึกอยากฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง และตนในตอนนั้นก็ไม่ทราบถึงภูมิหลังที่แท้จริงของอู๋ฉีเลย

ไม่นึกเลยว่าเพื่อตนแล้ว เย่เฉินจะลงโทษคุณชายสองของสกุลอู๋ตระกูลอับดับหนึ่งของเจียงหนานอย่างไม่ลังเลเลย

ยังมีอีก เขายังทำให้คุณชายสองของสกุลตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชด้วย นั่นช่างทำให้ผู้อื่นมีความสุขเหลือเกิน!

นับตั้งแต่วินาทีนั้น เย่เฉินก็กลายเป็นเทพเจ้าในหัวใจของฉินเอ้าเสวี่ยนแล้ว

แถมยังเป็นเทพเจ้าที่ทำให้ฉินเอ้าเสวี่ยนหลงรักอย่างลึกล้ำด้วย

ตอนนี้ได้เห็นว่าในที่สุดชายในฝันของตนก็มาถึงแล้ว อารมณ์ของฉินเอ้าเสวี่ยนจึงเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาได้

เธอลากพ่อของเธอ สับเท้าก้าวเข้ามาหา เมื่อมาหยุดเบื้องหน้าเย่เฉิน ก็เขินอายจนหน้าแดงก่ำ

เธอมองเย่เฉินอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง แล้วเสตาหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็วน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความอ่อนหวาน “ปรมาจารย์เย่ เอ้าเสวี่ยนรอคุณอยู่นานมากเลย ในที่สุดคุณก็มาแล้ว…”

—–