ในใจของฉินเอ้าเสวี่ยนเขินอายอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมายังไงไปชั่วขณะ
เย่เฉินจึงยิ้มเอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “นี่ยังใช่ฉินเอ้าเสวี่ยนสาวน้อยจอมซ่าที่ผมเคยรู้จักอยู่หรือเปล่าเนี่ย? ฉินเอ้าเสวี่ยนคนนั้นที่เคยลงมือกับผมในตลาดของโบราณในตอนนั้นที่ผมรู้จักอยู่หรือเปล่า? ทำไมฉินเอ้าเสวี่ยนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้กลับพูดจาไม่คล่องแคล่วเลยล่ะ?”
ฉินเอ้าเสวี่ยนได้ยินประโยคนี้ก็เขินอายเข้าไปใหญ่ เอ่ยอย่างทั้งตื่นเต้นทั้งละอาย “ปรมาจารย์เย่คะ ตอนนั้นคนอื่นเขาไม่รู้ถึงความร้ายกาจของคุณนี่นา ดังนั้นจึงมีตาแต่ไร้แวว คุณอย่าเอามาล้อคนอื่นเค้าสิคะ”
ว่าไปแล้ว เธอก็นึกถึงก้นของตนที่ถูกเย่เฉินถีบเข้าในวันนั้น ขายหน้าอยู่ในใจ ทว่าก็มีความดีใจแบบเด็กสาวอยู่บ้าง
จากนั้น เธอก็ปลุกความกล้าขึ้นมา กล่าวกับเย่เฉินว่า “ปรมาจารย์เย่คะ อันที่จริงแล้วเอ้าเสวี่ยนอยากจะเรียนเชิญคุณไปชมการแข่งขันซานโฉ่ว (วูซู) แบบนานาชาติที่เมืองจินหลังจัดขึ้นในปีนี้ค่ะ”
เย่เฉินขมวดคิ้วเอ่ยไปว่า “การแข่งขันซานโฉ่วแบบนานาชาติ?”
จู่ๆ เย่เฉินก็นึกถึงรายละเอียดหนึ่งขึ้นมาได้
เว่ยเลี่ยงเคยบอกตนไว้ว่า บริษัทโคบายาชิต้องการโปรโมทผลิตภัณฑ์ยาตัวใหม่ จึงเป็นสปอนเซอร์ในการแข่งขันครั้งนี้
เย่เฉินจำได้ว่าฉินเอ้าเสวี่ยนฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาโดยตลอด จึงเอ่ยถามอย่างสนใจ “เอ้าเสวี่ยน หรือว่าเธอจะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย?”
ฉินเอ้าเสวี่ยนหน้าแดงพยักหน้ารับแล้วกล่าวว่า “ปรมาจารย์เย่ ครั้งนี้เอ้าเสวี่ยนเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปร่วมประลองค่ะ…”
“หือ?” เย่เฉินเอ่ยอย่างประหลาดใจระคนยินดี “ร้ายกาจขนาดนี้เชียว? มั่นใจไหมว่าจะได้แชมป์?”
ฉินเอ้าเสวี่ยนตอบอย่างขลาดเขิน “ไม่กล้านึกถึงขั้นได้แชมป์หรอกค่ะ เพราะว่าครั้งนี้ผู้เล่นที่ญี่ปุ่นคัดเลือกมาร้ายกาจเป็นพิเศษ ตอนนี้หล่อนเป็นตัวเต็งที่จะได้แชมป์ค่ะ ความสามารถก็เหนือกว่าฉันมากจริงๆ”
ว่าแล้ว ฉินเอ้าเสวี่ยนกล่าวต่อว่า “เพียงแต่ฉันก็ไม่ย่อท้อเหมือนกันค่ะ เป้าหมายของฉันคือเข้าไปติดท้อปทรี!”
เย่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมื่อมีความฝันก็ต้องมีความกล้าด้วยถึงเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นความจริง ผมก็คิดว่าเธอยอดเยี่ยมมากนะ ผมรู้สึกว่าเธอชิงที่ได้ไม่มีปัญหาเลย ศิลปะการต่อสู้ซานโฉ่วของชาวญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ล้วนลอกเลียนเอาส่วนดีๆ ในศิลปะการต่อสู้ของพวกเราชาวจีนไปทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาเธอต้องต่อสู้เพื่อเกียรติยศของประเทศให้ได้ สั่งสอนผู้เล่นชาวญี่ปุ่นสักหน่อย คว้าแชมป์มาให้ประเทศจีนของพวกเรา เพื่อศักดิ์ศรีของประเทศ!”
ฉินเอ้าเสวี่ยนเอ่ยถามอย่างเป็นสุขว่า “ปรมาจารย์เย่คะ คุณเชื่อว่าเอ้าเสวี่ยนจะคว้าที่หนึ่งได้จริงๆ เหรอคะ?”
เย่เฉินพยักหน้า “แน่นอน ผมว่าเธอยอดเยี่ยมมาก”
ฉินเอ้าเสวี่ยนกล่าวอย่างดีใจ “ปรมาจารย์เย่คะ ถ้างั้นพอถึงเวลาแล้วเอ้าเสวี่ยนขอเชิญคุณมาชมการแข่งขันของเอ้าเสวี่ยนได้ไหมคะ?”
เย่เฉินตอบตกลงอย่างไม่ลังเล “เอวางใจเถอะ ถ้าถึงตอนที่คุณแข่งขันผมจะไปแน่นอน จะไปให้กำลังใจคุณแบบชิดขอบสนามเลย”
“เยี่ยมไปเลยค่ะ!” ฉินเอ้าเสวี่ยนกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี
เธออยากโผเข้ากอดเย่เฉินตามสัญชาตญาณ ออดอ้อนออเซาะ เหมือนปกติที่ออดอ้อนบิดาในบ้าน
แต่ทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าเย่เธอเป็นคนที่แต่งงานแล้ว ตนไม่สามารถประพฤติตัวสนิทสนมถึงขั้นนั้นได้ ด้วยเหตุนี้จึงล่าถอยอีกครั้ง
ในเวลานี้เองเย่เฉินได้เอ่ยถามฉินเอ้าเสวี่ยนว่า “ใช่แล้ว อ๋าเสวี่ยน ยาวิเศษที่ผมหลอมก่อนหน้านี้ แล้วมอบให้เธอไปสองเม็ด อีกเม็ดหนึ่งพ่อของคุณได้มอบให้คุณเก็บไว้ไหม?”
“มีค่ะ!” ฉินเอ้าเสวี่ยนล้วงกล่องจิ๋วใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อตัวนอกของเธอ แล้วเปิดออก ด้านในคือยาเม็ดนั้นที่เย่เฉินมอบให้เธอในตอนนั้น
เธอเอ่ยด้วยใบหน้าแดงเรื่อ “ยาที่ปรมาจารย์เย่มอบให้ คุณพ่อมอบให้ฉันในคืนวันนั้นเลยค่ะ ฉันพกติดตัวเอาไว้ตลอดเลย”
เย่เฉินพยักหน้า บอกไปว่า “ยาเม็ดนี้มีส่วนช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงอย่างมหาศาล ถ้าถึงเวลาที่คุณเข้าแข่ง รู้สึกว่ากินแรงหรือว่าไม่มั่นใจ ก็กินยาลูกกลอนเม็ดนี้เลยนะ”
ฉินเอ้าเสวี่ยนเอ่ยโพล่งออกไป “จะทำแบบนั้นได้ยังไงคะ นี่เป็นยาที่ปรมาจารย์เย่มอบให้เชียวนะ เอ้าเสวี่ยนเก็บรักษาไว้อย่างดีมาโดยตลอด ทะนุถนอมอย่างดี”
เย่เฉินหัวเราะแผ่วๆ “สิ่งของประเภทยา หลอมออกมาเพื่อให้คนกินนะ ทำไมต้องใส่ใจมากขนาดนี้ด้วย?”
ฉินเอ้าเสวี่ยนตอบอืมคำหนึ่ง “ได้ค่ะปรมาจารย์เย่ เอ้าเสวี่ยนเข้าใจแล้ว”
————