หลังจากนัดแนะกับฉินเอ้าเสวี่ยนแล้วว่าจะไปดูเธอแข่งแน่นอน เย่เฉินพาเธอกลับไปที่ห้องจัดเลี้ยง

ตอนนี้ในสถานที่จัดเลี้ยงมีแขกเหรื่อบางส่วนมาถึงแล้ว บรรยากาศค่อยๆ คึกคักขึ้นเรื่อยๆ

คุณท่านซ่งได้ยินว่าเย่เฉินมาแล้ว ก็รีบออกมาถามไถ่ทักทาย แต่ตอนที่เขามาถึง เย่เฉินก็ตามฉินเอ้าเสวี่ยนออกไปแล้ว

ทันทีที่เย่เฉินกลับไปถึง คุณท่านเย่ก็ปรี่เข้ามาหา เอ่ยอย่างปิติยินดี “ไอ้หยาปรมาจารย์เฉิน ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!”

เมื่อเย่เฉินเห็นคุณซ่ง ก็ยิ้มน้อยๆ “คุณท่านซ่ง ท่านยังดูเฉียบแหลมแข็งแรงมากเลย ระยะนี้สุขภาพไม่เลวเลยใช่ไหมครับ?”

คุณท่านซ่งเอ่ยด้วยสีหน้าที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้ง “ปรมาจารย์เย่ ติดค้างคุณมากมายเหลือเกิน ที่ทำให้ตาแก่ที่เป็นไม้ใกล้ฝั่งอย่างฉันสามารถกลับมาแข็งแรงสดชื่นได้อีกครั้ง”

ว่าแล้ว ก็เอ่ยถามเย่เฉินอีกครั้ง “ปรมาจารย์เย่ ช่วงนี้คุณสบายดีไหม?”

เย่เฉินพยักหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมสบายดีครับ หมือนเดิมทุกอย่างเลย”

คุณท่านซ่งเอ่ยอย่างมีลับลมคมใน “ปรมาจารย์เย่ ที่คุณผิดใจกับตระกูลอู๋อยู่ในครั้งก่อน ก็เริ่มขึ้นหลังจากงานเลี้ยงวันนั้น ตระกูลอู๋ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้คุณใช่ไหม?”

เย่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเขาจะสร้างความลำบากแล้วยังไงล่ะครับ ไมว่ายังไงก็ไม่ต่างจากตัวตลกกลุ่มหนึ่งเท่านั้น”

ท่าทีของคุณท่านซ่งเต็มไปด้วยความชื่นชม

เขารู้ว่าเย่เฉินมีความสามารถล้นฟ้า ถึงแม้ตระกูลอู๋จะเป็นตระกูลอับดับหนึ่งแห่งเจียงหนาน แต่ก็ไม่อาจทำอะไรเย่เฉินได้อยู่ดี

ในตอนนี้เอง ซ่งหรงวี่เดินเข้ามา เอ่ยกระซิบข้างหูคุณท่าซ่ง “คุณปู่ คุณชายขงจากตระกูลขงแห่งเย่นจิงมาแล้ว”

คุณท่านซ่งเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ “คุณชายขงมาจริงๆ น่ะเหรอ?”

“ใช่แล้ว” ซ่งหรงวี่ตอบ “รอของคุณชายขง เพิ่งเข้าเขตคฤหาสน์มา คาดว่าจะถึงในเร็วๆ นี้”

คุณท่านซ่งพยักหน้า “ไปเรียกหวั่นถิงมา พวกเราจะออกไปต้อนรับพร้อมกัน”

พอเอ่ยจบ เขาก็หันกลับมา เอ่ยกับเย่เฉินด้วยสีหน้าขออภัย “ปรมาจารย์เย่ อภัยให้ตาแก่ด้วย ทักทายได้ไม่ทั่วถึง ยังมีแขกสำคัญมาอีกคน เดินทางไกลมาจากเย่นจิง ฉันต้องออกไปต้อนรับสักหน่อย”

เย่เฉินก็ไม่ได้ถือสาอะไร พยักหน้ารับเบาๆ

กลับเป็นเฉินจื๋อข่ายที่อยู่ข้างที่ประหลาดใจอยู่บ้าง เขากระซิบบอกเย่เฉินว่า “นายน้อยครับ ตระกูลขงแห่งเย่นจิง เป็นตระกูลชั้นนำ เป็นตระกูลชั้นรอง ขุมกำลังที่แท้จริงอยู่ที่อันดับหกหรืออันดับเจ็ดของเมืองเย่นจิง ถึงแม้จะห่างชั้นกับตระกูลเย่มากนัก แต่ทรัพย์สินของพวกเขาเพิ่มขึ้นถึงห้าหกแสนล้านเลย ตระกูลซ่งเพิ่งแสนล้านต้นๆ เท่านั้น ว่ากันตามเหตุผลแล้วตระกูลขงน่าจะไม่เห็นตระกูลซ่งอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไมคุณชายของพวกเขาถึงมาที่นี่ได้”

เย่เฉินยิ้มบางๆ เอ่ยตอบ “ถึงแม้ผมจะไม่ทราบสถานการณ์โดยละเอียดของตระกูลขง แต่ตระกูลขงมีอำนาจขนาดนี้ สถานที่เสือหมอบมังกรซ่อนอย่างเมืองเย่นจิง ถ้าคิดจะเหยียบเข้าไปอีก นั่นคงยากเย็นยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก หากว่าอยู่ในสภาพที่แผ่ขยายไปทั่วท้องถิ่นเดิมแล้ว คุณคิดว่าพวกเขาจะทำยังไงล่ะ?”

เฉินจื๋อข่ายใคร่ครวญอย่างละเอียด เอ่ยตอบ “ถ้าหากว่าในท้องถิ่นแผ่ขยายเต็มที่แล้ว ถ้างั้นก็มีแต่ต้องบุกเบิกไปยังพื้นที่ข้างเคียง”

พอพูดไปแล้ว เขาก็เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “นายน้อย ความหมายของคุณคือเป็นไปได้ว่าตระกูลขงอยากจะบุกเบิกขยายมายังจินหลิงเหรอครับ?”

เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จินหลิงเป็นแค่ทางผ่านสายหนึ่งเท่านั้น คนในตระกูลจงคงคิดมาคิดมาดีแล้วแน่นอนตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะขยายลงมาทางใต้”

“เพราะว่าตระกูลอู๋พ้นจากตำแหน่งตระกูลอับดับหนึ่งแห่งเจียงหนานแล้ว กุญแจสำคัญในตอนนี้คือสุดท้ายแล้วใครจะได้เป็นตระกูลอับดับหนึ่งของเจียงหนาน ขุมกำลังของตระกูลซ่งถึงแม้จะอ่อนแอไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลย”

“หากว่าผมเป็นคนคุมบังเหียนของตระกูลขง ผมก็จะมองหาตระกูลที่ขุมกำลังค่อนข้างไม่เลวเลยสักตระกูลหนึ่งในเจียงหนาน ช่วยเหลือให้พวกเขาได้กลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนาน ขณะเดียวกันก็ทำให้พวกเขาจงรักภักดีต่อตัวเองไปด้วย กลายเป็นขุมกำลังจากภายนอกของพวกเขา”

“พูดอีกอย่างคือ เท่ากับว่าเองได้ยื่นมือเข้ามาสู่เจียงหนานแล้ว ขณะเดียวกันก็ได้หยั่งรากสร้างฐานลงในเจียงหนานด้วย”

เฉินจื๋อข่ายเอ่ยขึ้นว่า “นายน้อยครับ ผมเข้าใจความหมายของคุณแล้ว เห็นแบบนี้แล้วตระกูลขงน่าจะเล็งตระกูลซ่งไว้ คิดจะร่วมมือกับตระกูลซ่ง”

เย่เฉินพยักหน้า “ตอนนี้คนตระกูลขงมาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดคุณหนูตระกูลซ่ง ผมคิดว่าพวกเขาคงมีความคิดลึกซึ้ง ถึงขั้นที่อาจคิดแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลซ่ง”

———-