เฉินจื๋อข่ายขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “นายน้อย หากว่าตระกูลขงต้องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ก็ไม่จำเป็นต้องเล็งไปที่ตระกูลซ่งก็ได้นี่ครับ”
เย่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จุดสำคัญขึ้นอยู่กับว่าสรุปแล้วคุณชายขงที่ถูกส่งมาคนนี้มีฐานะอย่างไรในตระกูลขง หากว่าเขาเป็นทายาทสายตรงของตระกูลขง ถ้างั้นความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นจริงก็มีน้อยมาก แต่ถ้าเขาเป็นแค่หนึ่งในลูกหลานที่มีอยู่มากมายของตระกูลขง แถมอาจเป็นคนที่ไม่ค่อยมีหน้ามีตาด้วย ถ้าส่งเขามาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลซ่ง ตระกูลขงก็ไม่เสียหายอะไรใช่ไหมล่ะ?”
เฉินจื๋อข่ายเอ่ยอย่างมีความคิด “จากที่คุณเอ่ยมา ก็ไม่เสียหายจริงๆ ครับ ดูเหมือนตระกูลขงจะมีลูกหลานพรั่งพร้อมมาก ทายาทหนุ่มสาวในรุ่นนี้ของพวกเขา น่าจะมีทายาทชายอยู่หกเจ็ดคนได้”
เย่เฉินกล่าวไปว่า “การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ก็เหมือนการแทงม้านั่นแหละ การที่อีกฝ่ายมีขุมอำนาจมากกว่าคุณ ไม่ได้แปลว่าม้าทุกตัวของเขาจะแข็งแกร่งกว่าม้าที่ดีที่สุดเพียงตัวเดียวของคุณ เป็นไปได้ว่าม้าในสังกัดของเขาอาจจะด้อยกว่าม้าชั้นดีของคุณก็ได้”
เฉินจื๋อข่ายพยักหน้ารัวๆ “นายน้อย คำพูดของคุณมีเหตุผลมากเลยครับ กระผมได้รับการสั่งสอนแล้ว!”
เย่เฉินโบกมือ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณบ่มเพาะอยู่ในจินหลิงมานานหลายปี จากเหตุผลในข้อนี้แล้ว ผมเชื่อว่าคุณจะมองออก ต่อให้ไม่เข้าใจไปชั่วขณะ แต่ถ้าสะกิดไปสักประโยคคุณก็คิดได้กระจ่างแล้ว”
ตอนนี้ ไม่ไกลออกไปนักพอลที่ยืนถือแก้วไวน์เอ้อระเหยอยู่คนเดียว มองเย่เฉินด้วยความชื่นชมอย่างแท้จริง
เขารู้สึกว่าเย่เฉินได้สร้างภาพจำอันน่าประทับใจครั้งใหม่ของตนให้เขาอีกแล้ว
เนื่องจากไม่ว่ายังไงเขาก็คาดไม่ถึงเลยว่า คนในวงสังคมชั้นสูงของเมืองจินหลิงจะให้เกียรติยกย่องเย่เฉินเป็นอย่างยิ่ง
คนที่ติดตามอยู่ข้างกายเย่เฉิน กระซิบกระซาบคุยกับเขาอยู่ คือตัวแทนของตระกูลเย่สาขาเมืองจินหลิง
แม้แต่เขาก็ยังให้ความนับถือเย่เฉินขนาดนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าที่แท้แล้วเย่เฉินมีอิทธิพลในเมืองจินหลิงมากน้อยเพียงใด
ในเวลานี้ จู่ๆ ใครบางคนในห้องจัดเลี้ยงก็ตะโกนขึ้นมาว่า “คุณชายสามของตระกูลขงแห่งเย่นจิงมาแล้ว!”
ด้วยประโยคนี้ ยิ่งทำให้ทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยงมีเสียงฮือฮาไปทั่ว
ตระกูลขงแห่งเย่นจิง ติดท้อปสิบในอันดับผู้ทรงอิทธิพลของเย่นจิง มูลค่าทรัพย์สินโดยรวมกว่าห้าแสนล้านหยวน ภูมิหลังของตระกูลล้ำลึกยิ่ง อำนาจก็เหนือชั้น
ในแง่ของทรัพย์สินเพียงอย่างเดียว อย่างน้อยตระกูลขงก็เหนือกว่าตระกูลซ่งไปห้าเท่าแล้ว
คุณชายสามของตระกูลขงมาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคุณหนูใหญ่ตระกูลซ่งที่เมืองจินหลิง นี่ยิ่งทำให้คนรู้สึกถึงกลิ่นที่ไม่ชอบมาพากลอย่างหนึ่งได้
บางครั้งถึงขั้นร้องอุทานออกมา “หรือว่าตระกูลขงคิดจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลซ่ง?”
ละมีบางคนเอ่ยว่า “เป็นไปได้สูง คุณหนูซ่งสวยขนาดนี้ มีคุณสมบัติถึงขนาดนี้ แถมยังมีความสามารถขนาดนี้ แต่ในสายตาของคนตระกูลขงแห่งเย่นจิงแล้ว ก็เป็นสะใภ้ที่ดีเลิศเด็ดขาดแน่นอน!”
เฉินจื๋อข่ายคุยกับเย่เฉิน “นายน้อยครับ คุณชายสามตระกูลขงคนนี้ ฐานะในตระกูลขงยังคงไม่เลวเลยจริงๆ ครับ”
“เย่เฉินสอบถามอย่างสนอกสนใจ ”ไหนเล่าซิ?”
เฉินจื๋อข่ายเอ่ยชี้แจง “ตระกูลขงรุ่นก่อนมีทายาทชายสี่คน ในบรรดาพวกเขาแต่ละคน ลูกกันอย่างน้อยๆ สองคน แถมแต่ล่ะคนยังมีลูกชายทั้งนั้น คุณชายสามคนนี้เป็นบุตรชายโทนของนายท่านสองตระกูงขง ถึงแม้ลำดับศักดิ์จะอยู่ที่สาม แต่อำนาจและอิทธิพลกลับอยู่ในลำดับที่สอง”
เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดูทรงแล้ว ตระกูลขงคงคิดจะใช้ม้าชั้นกลางของพวกเขา มาเทียมม้าชั้นสูงของตระกูลซ่ง”
เฉินจื๋อข่ายยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง “ผมคิดว่าคุณหนูซ่งอาจจะไม่ถูกใจเขาก็ได้”
เย่เฉินถามอย่างอยากรู้ “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ?”
เฉินจื๋อข่ายตอบอย่างจริงจัง “นายน้อย คุณก็น่าจะดูออกนี่ครับ ในสายตาของคุณหนูซ่ง ส่องประกายให้กับผู้ชายอย่างคุณคนเดียวตลอดมา ผมเชื่อว่าคุณหนูซ่งจะต้องชอบคุณมากแน่นอน เมื่อน้ำมาเทียบกับคุณแล้ว อย่าว่าแต่คุณชายสามตระกูลขงเลยครับ ต่อให้คุณชายทั้งหมอของตระกูลขงแห่กันมา ก็ไม่อาจสู้คุณได้”
เย่เฉินโบกมือ “ต่อไปอย่าพูดจาแบบนี้ส่งเดชอีก คุณหนูหวั่นถิงยังไม่ได้แต่งงานเลย แต่ผมเป็นผู้ชายที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว คุณพูดแบบนี้ถ้าหากว่าข่าวแพร่ออกไปล่ะก็ จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเธอได้”
“เข้าใจแล้วครับ” เฉินจื๋อข่ายตอบด้วยสีหน้าที่ได้รับการอบรมแล้ว “นายน้อยครับ คุณวางใจได้เลย คำพูดแบบนี้ผมเอ่ยแค่กับคุณครับ”
———-