“ไม่มีทางน่า? หลี่โจวมันจะอ่อนแอได้ปานนี้ถึงขั้นกลัวจนตายลง?”
“มันก็ไม่ได้เกินจริงไปหรอก เพราะว่าคลื่นพลังจากตัวเย่หยวนแข็งแกร่งจนเกินรับจริง! หลี่โจวนั้นมันเคยถูกเย่หยวนจับหักขามาครั้งหนึ่ง และเย่หยวนยังเคยสังหารลู่จ้านหยวนนายเก่าของมันลง เวลานี้เขายังกลับออกมาจากแดนเนรเทศได้อย่างปลอดภัยมันย่อมทำให้ความกลัวแต่เก่าก่อนของหลี่โจวปะทุขึ้นมา! กอปรกับเรื่องที่ว่าหลี่โจวนั้นเป็นคนที่ชอบรังแกคนอ่อนแอแต่หวาดกลัวผู้แข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย แน่นอนว่ามันจะกลัวจนถึงขั้นตายลงได้!”
“ตั้งแต่ที่เข้านิกายมานั้นแต่ละเรื่องที่เย่หยวนทำมันเล็กๆ ที่ไหน! สังหารลู่จ้านหยวน ต่อสู้กับฉินชุนและกดหัวฉือเฟยหยู วางยาคนทั้งนิกายกลับรอดมาจากแดนเนรเทศได้ มีเรื่องไหนบ้างเล่าที่มันไม่เหลือเชื่อ? การเป็นศัตรูกับคนเช่นนี้นั้นคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดแล้ว!”
…
หลี่โจวกลัวเย่หยวนจนตายลงนั้นมันทำให้เกิดความแตกตื่นขึ้นทั้งยอดพันปักษา
การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของเขานี้มันทำให้คนทั้งนิกายสวรรค์ยุทธมั่นต่างต้องแตกตื่นไปตามๆ กัน
ตั้งแต่ที่เขาเข้านิกายสวรรค์ยุทธมั่นมานั้นแต่ละสิ่งที่เย่หยวนทำไว้มันย่อมมีแต่เรื่องเหลือจะเชื่อได้
เวลานี้เมื่อเขากลับมาอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้แล้วมีหรือที่คนทั้งหลายจะยังอยู่นิ่งได้? พวกเขาต่างอยากจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เย่หยวนต้องรับมือย่อมเป็นความคับแค้นของคนทั้งนิกาย!
การถูกพันธมิตรโอสถคว่ำบาตรย่อมทำให้คนทั้งนิกายต่างไม่พอใจกันสิ้นทำให้เวลานี้เย่หยวนกลายเป็นศัตรูของคนแทบทั้งนิกายไป
หากเขาตายลงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คือว่าจบกันไป แต่เย่หยวนนั้นกลับมา!
เรื่องนี้มีหรือที่จะปล่อยผ่านไปได้?
แต่คนทั้งหลายต่างไม่มีใครจะเข้าข้างเขา
เพราะเรื่องนี้มันมิใช่สิ่งที่กำลังของคนผู้เดียวจะฝ่าฟันไปได้
ไม่ว่าเย่หยวนจะแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็ไม่มีทางเทียบอำนาจกับพันธมิตรโอสถได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายปีมานี้ที่เหล่าคนนิกายสวรรค์ยุทธมั่นต่างได้รับรู้ถึงพลังอำนาจของพันธมิตรโอสถอย่างสุดล้ำ
ในเวลานี้เองที่มันได้มีคลื่นพลังรุนแรงสายหนึ่งพุ่งมายังยอดพันปักษา
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นสีหน้าของพวกเขาก็ซีดขาวลง
“เย่หยวน ส่งชีวิตของเจ้ามาเสีย!” ฮั่นเฉียนหยุนนั้นร้องลั่นขึ้นมาอย่างคับแค้นสุดหัวใจจนดังลั่นไปทั้งยอดพันปักษา
นี่มันคือพลังแห่งความโกรธแค้นของยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำ
ตอนที่ฮั่นเฉียนหยุนได้สติขึ้นมานั้นเขาก็รู้สึกระบมไปทั้งหน้า
เขานั้นชักเอากระจกขึ้นมาส่องหน้าตัวเองและพบว่าบนใบหน้าของเขานั้นมันมีแต่รอยเท้าประทับอยู่ทุกจุด
ที่สำคัญไปกว่านั้นเย่หยวนยังประทับรอยเท้าลงไปด้วยปราณเทวะทำให้มันไม่อาจจะลบให้หายไปได้ง่ายๆ
รอยเท้านี้มันมีแต่ต้องรอเวลาให้จางหายไปเอง!
ถูกเย่หยวนเหยียบหน้าเข้าเช่นนี้อีกตัวฮั่นเฉียนหยุนย่อมจะไม่อาจทนรับไว้ได้!
เขาจึงพุ่งตัวมายังยอดพันปักษาตามคลื่นพลังของเย่หยวนอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลานี้เย่หยวนกำลังรักษาบาดแผลต่างๆ ให้หลินหลานอยู่
หลินหลานนั้นมีบาดแผลเก่าใหม่ทับซ้อนกันมากล้น ทำให้เย่หยวนต้องใช้เวลาในการค่อยๆ แก้ไขแต่ละแผลไปเรื่อยๆ
ได้ยินเสียงร้องของฮั่นเฉียนหยุนนั้นเย่หยวนก็หันหน้ากลับไปเหลือบตามอง
สายตานี้มันทำให้ฮั่นเฉียนหยุนผงะถอยหลังไปทันที!
ฟุบ!
เขานั้นดีดตัวกลับไปอย่างรวดเร็วในทิศทางที่เขาพุ่งมา
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นคนทั้งหลายต่างต้องอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เจ้ามาสังหารคนมิใช่หรือ?
แต่แค่ถูกเหลือบมองก็กลัวจนต้องถอยกลับหากจุกตูดแล้ว?
ขับไล่ศัตรูไปด้วยสายตานั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อและอีกฝ่ายนั้นยังเป็นถึงผู้พิทักษ์ฮั่นเฉียนหยุน!
เรื่องนี้มันทำให้เย่หยวนยิ่งกลายเป็นตัวประหลาดในสายตาของผู้คน
มันราวกับว่าระดับพลังบ่มเพาะนั้นไร้ค่าใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวน
“เจ้าอยากจะเอาชีวิตข้ามิใช่หรือ? ชีวิตข้าอยู่ตรงนี้ มาเอามันไปเสียสิ!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงเย็นเยือก
หลี่โจวนั้นบอกก่อนตายไปว่าเขานั้นได้กราบฮั่นเฉียนหยุนเป็นอาจารย์
เช่นนั้นที่หลี่โจวกล้ามากลั่นแกล้งหลินหลานจนปางตายนี้ก็คงเพราะมีฮั่นเฉียนหยุนให้ท้ายแล้ว
หากรู้ว่าเรื่องมันเป็นเช่นนี้เขาคงฆ่าสังหารไปตั้งแต่บนยอดเมฆาเคลื่อนแล้ว!
แต่น่าเสียดายที่พิษโค่นสายลมฉบับปรับปรุงนั้นเขาใช้มันไปจนหมดแล้ว เวลานี้เขาจึงทำได้แค่ขู่หลอก
แต่ฮั่นเฉียนหยุนคนนั้นกลับเชื่อมัน
แน่นอนว่าที่ฮั่นเฉียนหยุนกลัวถึงขนาดนี้ก็เพราะแรงกดดันจากตัวของเย่หยวนนั้น เขานั้นมีนิสัยไม่ได้ต่างจากหลี่โจวมากมาย
เขานั้นมีแผลใจที่เคยพ่ายแพ้แก่เย่หยวนมาหลายครั้ง
“เจ้าอย่าได้ใจไป! ในเมื่อเจ้าออกมาแล้วเจ้าก็ต้องรับโทษที่ทำให้นิกายตกต่ำ! ข้าอยากจะรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะผ่านมันไปได้อย่างไร!” ฮั่นเฉียนหยุนนั้นกล่าวขึ้น
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าไม่ต้องมากังวลแทนข้าหรอก เจ้าไปกังวลเรื่องของตัวเองเถอะ จิงซวน พาเขาไปพัก”
พูดจบเย่หยวนก็ลุกขึ้นเดินจากไป
ฮั่นเฉียนหยุนร้องขึ้นอย่างตกตะลึง “เจ้าคิดจะหนี!”
เย่หยวนที่ได้ยินต้องหัวเราะตอบกลับไป “หนี? ทำไมข้าต้องหนีด้วย? เรื่องจิงซวน เรื่องหลินลานและเรื่องผู้อาวุโสหลัวนั้นพวกเจ้าศิษย์อาจารย์คงมีส่วนร่วมไม่น้อย? เจ้าล้างคอรอความตายไว้เถอะ!”
พูดจบเขานั้นก็เดินลงเขาไปทันที
ฮั่นเฉียนหยุนนั้นคิดอยากจะลงไปหยุดแต่ก็ไม่กล้าพอ
แต่เย่หยวนนั้นกลับทำให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง
แน่นอนว่าเวลานี้คนทั้งหลายย่อมจะเดินลงเขาตามเขาไปเพราะอยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อ
แต่เป้าหมายที่เย่หยวนมุ่งหน้าไปนั้นมันกลับเป็นยอดปีกเที่ยง
ที่แห่งนี้มันคือเขาที่หลัวหยุนชิงพักอยู่
ในฐานะผู้อาวุโสของนิกายเขานั้นย่อมจะมีเขาส่วนตัว
แต่ว่าบนยอดเขาปีกเที่ยงนี้มันไม่มีบ้านเรือนที่พักหรูหราใดๆ และไม่มีศิษย์เดินทางผ่านไปมามากมายด้วย
มันมีเพียงแค่กระท่อมเล็กๆ ในสวนกลางป่า
ในสวนนั้นมันมีดาบหนึ่งห้อยอยู่อย่างเงียบงัน
หลัวหยุนชิงนั้นกำลังนั่งมองดาบนี้ด้วยความหนักใจ สีหน้าของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยความลังเลอย่างยากจะเข้าใจ
หลังจากจ้องมองมันมานานเขาก็ค่อยๆ ยกนิ้วขึ้นลูบตัวดาบนั้น
เขาถอนใจยาวออกมา “ข้าขอโทษด้วยสหายข้า!”
“ผู้อาวุโสหลัว เย่ผู้นี้มาขอรับคำแนะนำ ท่านจะช่วยต่อสู้กับข้าได้หรือไม่?” ในเวลานั้นเองที่มันมีเสียงหนึ่งร้องดังขึ้นมาจากนอกกระท่อม
หลัวหยุนชิงหน้าเปลี่ยนสีผุดตัวลุกขึ้นอย่างดีใจ
เขานั้นพุ่งตัวออกมาดูในสวนและพบว่าเย่หยวนกำลังยืนมองหน้าเขาอยู่ตรงนั้น
“น้องเย่! เจ้ากลับมาแล้ว!” หลัวหยุนชิงยิ้มกว้างออกมา
เย่หยวนนั้นกล่าวถามขึ้นมาด้วยปราณดาบพุ่งพล่าน “พี่หลัว สู้หรือไม่?”
หลัวหยุนชิงนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะส่ายหัวตอบกลับมา “น้องเย่ จากวันนี้ไปข้าจะขอทิ้งดาบลงแล้ว!”
เย่หยวนนั้นเหมือนไม่ได้ยินคำตอบของเขาและกล่าวถามขึ้นอีกครั้ง “พี่หลัว สู้หรือไม่?!”
คลื่นพลังของเขานั้นมันพุ่งพล่านรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทะลุฟ้า!
คลื่นพลังที่รุนแรงเช่นนี้มันย่อมจะกลายเป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คนที่อยู่ไม่ไกลออกไป
แม้แต่หลัวหยุนชิงเองก็ยังตกตะลึง
คนที่เพิ่งบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่นั้นกลับจะมีปราณดาบที่เฉียบคมปานนี้ได้อย่างไร?
และราวกับว่ามันสัมผัสได้ถึงปราณดาบของเย่หยวน ดาบที่ห้อยอยู่นั้นมันกลับส่งเสียงสะท้อนออกมา!
หลัวหยุนชิงนั้นผสานเป็นหนึ่งกับดาบ เขาย่อมจะเข้าใจว่าสหายของเขาต้องการอะไร
มันต้องการต่อสู้!
ก่อนหน้านี้เย่หยวนสัมผัสได้ชัดเจนว่าหลัวหยุนชิงคิดจะหักดาบของตนลง
ทำเช่นนั้นความภาคภูมิใดๆ ของหลัวหยุนชิงก็จะหักลงไปด้วย
ไม่มีใครที่จะทำให้เขาก้มหัวลงได้นอกจากตัวเขาเอง!
หากไม่หักมันลง เขาก็จะไม่มีทางก้มหัวลงได้!
มีแต่ต้องหักดาบของตนลงและออกหน้าช่วยเหลือรับความผิดแทนนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเท่านั้น
ในหมู่นักดาบนั้นมันมีความเชื่อหนึ่งอยู่ ‘หากเทพขวางก็ฟันเทพ หากพระโพธิสัตว์ขวางก็ฟันพระโพธิสัตว์’
แต่หากไม่มีดาบในมือแล้วพวกเขาก็จะไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้แม้แต่ก้าวเดียว!
แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเขาจึงไม่คิดจะกล่าวทักทายใดๆ และท้าหลัวหยุนชิงดวลทันที
เสียงของคนที่มองดูอยู่ห่างๆ นั้นต่างแตกออกเป็นหลายด้าน
พวกเขานั้นต่างตกตะลึงในการกระทำของเย่หยวนอย่างถึงที่สุด
“เขานั้นกลับคิดจะท้าหลัวหยุนชิงสู้! นี่เขาไม่รู้หรือว่าหลัวหยุนชิงนั้นเป็นยอดฝีมือแปลงยอดเต๋า?”
“เขาคิดจะช่วยให้หลัวหยุนชิงกลับมายืนได้อีกครั้ง!”
“เจ้านี่มันบ้าจริงๆ! หลัวหยุนชิงนั้นมิใช่ขยะอย่างลู่จ้านหยวน ต่อให้จะกดพลังบ่มเพาะลงมาเขาก็มีฝีมือพอจะสังหารลู่จ้านหยวนในกระบวนท่าเดียว!”
…………………………