ก็แค่คนกระจอกงอกง่อยที่เรียกว่าปรมาจารย์เย่คนหนึ่ง ยังกล้าเผยอตัวมาเทียบชั้นกับเขาอีก เขานับว่าเป็นอาจมอันใดกัน?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็คร้านจะสนใจเย่เฉินอีก ประสานหมัดให้เฉินจื๋อข่ายแทน “ไม่นึกเลยว่าวันนี้คุณเฉินก็อยู่ที่นี่ด้วย เดิมทีผมเตรียมจะไปเยี่ยมคารวะที่ป๋ายจินฮ่านกงอยู่พอดีเลยครับ”
เฉินจื๋อข่ายตอบเสียงเรียบ “คุณชายสามเกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ทราบว่าทำไมคุณชายสามถึงมีเวลาแวะมาที่จินหลิงได้ล่ะ?”
คุณชายสามตระกูลขงมองไปที่ซ่งหวั่นถิงแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้องสาวของผมเป็นเพื่อนนักเรียนกับคุณหนูหวั่นถิงสมัยที่อยู่เมืองนอกน่ะครับ ที่ผมมาจินหลิงครั้งนี้ เดิมทีจะมาหารือเรื่องการร่วมมือกับนายผู้เฒ่าตระกูลซ่ง ตอนแรกผมวางแผนไว้ว่าอีกสองวันค่อยมา แต่พอได้ยินว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณหนูหวั่นถิง ก็เลยเดินทางมาก่อนกำหนด”
พอเอ่ยจบ เขาก็หยิบกล่องของขวัญที่งดงามยิ่งนักชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หลังจากเปิดออก ก็เผยให้เห็นสร้อยทับทิมที่ส่องประกายแวววาวเส้นหนึ่ง แล้วเอ่ยกับซ่งหวั่นถิง “คุณหนูหวั่นถิง สร้อยคอเส้นนี้ผมเลือกให้คุณเองกับมือเลย ทับทิมที่ประดับอยู่เป็นทับทิมธรรมชาติที่มาจากแถบแอฟริกา”
ทุกคนต่างมองเขาไปในกล่อง เห็นเพียงว่าในกล่องจัดวางสร้อยคนที่งามเลอค่าเส้นหนึ่งไว้ แถมยังประดับด้วยทับทิมขนาดพอๆ กับไข่ไก่ ที่ส่องประกายระยิบระยับ
คนมากมายที่อยู่ในงานต่างอุทานออกมาอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้
ทุกคนล้วนเป็นคนที่รู้จักมูลค่าสิ่งของเช่นกัน ทราบว่าทับทิมชนิดนี้มีค่าควรเมือง
คุณชายสามตระกูลขงมองเห็นทุกคนถูกสร้อยคอทับทิมของตนทำให้ตกตะลึง ก็ยิ่งยิ้มอย่างภาพภูมิใจแล้วเอ่ยว่า “คุณหนูหวั่นถิงก็น่าจะรู้นะครับ ทับทิมเป็นอัญมณีชนิดหนึ่งที่มีราคาแพงที่สุดในหมู่อัญมณี ราคาในตลาดสากลกะรัตเดียวก็ปาข้าไปหลายหมื่นดอลล่าห์สหรัฐแล้ว โดยเฉพาะทับทิมที่บริสุทธิ์เป็นพิเศษแบบนี้ แถมมันยังมีน้ำหนักถึงยี่สิบหกกะรัตด้วย แถมผมยังเสาะหาช่าวงจิวเวอรี่ที่ดีที่สุดของทิฟฟานี่ ให้เจียรไนอัญมณีชิ้นนี้ด้วยตัวเองด้วยนะครับ พร้อมทั้งให้ฝังประดับด้วย มูลค่าของอัญมณีชิ้นนี้มากกว่ายี่สิบล้านดอลล่าห์สหรัฐ หวังว่าคุณหนูหวั่นถิงจะพึงพอใจ”
คนมากมายนึกอิจฉาแล้ว ตาแทบจะหลุดออกมา
จัดงานวันเกิดหนหนึ่ง ก็ได้รับของขวัญมูลค่ายี่สิบล้านดอลล่าห์สหรัฐแล้ว นี่ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
เพียงแต่ซ่งหวั่นถิงกลับดูคล้ายจะไม่สนใจสร้อยคอเส้นนี้สักเท่าไหร่ เธอพูดด้วยท่าทางสงบเยือกเย็น “คุณชายสาม สร้อยคอเส้นนี้มีมูลค่าเกินไปจริงๆ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“มีอะไรให้รับไว้ไม่ได้กันครับ?” คุณชายสามตระกูลกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่สร้อยคอเส้นหนึ่งเท่านั้น สำหรับพวกเราตระกูลขงแล้ว ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกครับ และผมก็รู้สึกว่าสร้อยคอเส้นนี้เข้ากับบุคลิกของคุณหนูหวั่นถิงจริงๆ ดังนั้นถึงได้ซื้อมามอบให้คุณโดยเฉพาะ ดังนั้นคุณหนูหวั่นถิงไม่จำเป็นต้องเกรงใจผมหรอกครับ แค่รับมันไว้ก็พอ”
ซ่งหวั่นถิงเอ่ยปฏิเสธด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณชายคะ คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ภาษิตกล่าวไว้ไม่มีความชอบไม่รับรางวัล ฉันจะรับของขวัญที่สูงค่าขนาดน้ากคุณมาเปล่าๆ ได้ยังไงกันคะ? น้ำใจของคุณฉันรับเอาไว้แล้ว เพียงแต่สร้อยคอเส้นนี้คุณโปรดนำกลับไปเถอะค่ะ”
ท่าทีของคุณชายสามตระกูลขงอึมครึมลงทันที เอ่ยถามเธอ “คุณหนูซ่ง ระหว่างคุณกับผมยังมีอะไรต้องเกรงใจกันอยู่อีก? การมาในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่มาร่วมงานวันเกิดคุณ แต่มาเพื่อความร่วมมือในเชิงกับตระกูลซ่งของคุณด้วย หากเริ่มต้นมาคุณก็เกรงอกเกรงใจขนาดนี้แล้ว ถ้างั้นการร่วมมือนี้จะพัฒนาต่อไปได้ยังไงกันครับ?”
ซ่งหรงวี่ที่อยู่ด้านข้างรีบเอ่ยขึ้นมา “หวั่นถิง เธอคิดอะไรอยู่น่ะ? คุณชายสามมอบของขวัญที่ดีขนาดนี้ให้เธอแล้ว ทำไมเธอถึงหักหาญน้ำใจของคุณชายสามกันล่ะ? ยังไม่รีบรับไว้อีก!”
ซ่งเทียนหมิงบิดาของซ่งหรงวี่ก็หยักหน้ารัวๆ เช่นกัน “หวั่นถิง เธอไม่เห็นหรือไง มีใครลบล้างที่จัดงานวันเกิดแล้วได้ของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้ คุณชายสามมีน้ำใจมากแล้วนะ”
ซ่งหวั่นถิงเอ่ยยืนกราน “ทราบดีว่าของขวัญจากคุณชายสามมากน้ำใจเหลือเกิน ดิฉันก็รู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งเช่นกัน แต่ของขวัญที่มีราคาสูงขนาดนี้ฉันรับไว้ไม่ได้จริงๆค่ะ ยังคงต้องขอให้คุณสามอภัยด้วย นี่เป็นปัญหาด้านจริยธรรมส่วนตัวของดิฉัน และไม่ได้มีอคติอะไรต่อคุณชายสามหรือว่าสร้อยคอนี้ทั้งสิ้น ขอความกรุณาจากคุณชายอย่าได้เข้าใจผิดไป”
ในตอนนี้คุณท่านซ่งก็ยื่นมือเข้ามาคลี่คลายแล้ว “คุณชายสาม ของขวัญชิ้นนี้ของคุณราคาสูงเกินไปหน่อยแล้วจริงๆ หวั่นถิงเลยไม่สะดวกจะรับไว้ ก็เป็นเรื่องที่พบเห็นกันทั่วไป ขอให้คุณช่วยอภัยด้วย”
คุณชายตระกูลขงขมวดคิ้วเอ่ยถาม “นายผู้เฒ่าเย่ คุณกับคุณหนูหวั่นถิง คิดจะดูหมิ่นผม หรือว่าดูหมิ่นตระกูลขงของพวกเรากัน?”
————