คุณชายสามตระกูลขงเริ่มพูดจาสร้างปัญหา ทำให้คุณท่านซ่งรู้สึกวางตัวลำบาก

เขารู้ว่าอำนาจของตระกูลซ่งสู้ตระกูลขงแห่งเย่นจิงไม่ได้ ดังนั้นถึงระมัดระวังเกรงอกเกรงใจ แต่ความเกรงใจก็เป็นเพียงมารยามที่พึงมีเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะอาศัยโอกาสนี้ ไปเกี่ยวดองกับตระกูลขง

อย่างไรเสียในชั่วชีวิตนี้ของคุณท่านซ่งจะมรสุมคลื่นลมอันใดล้วนเคยพบเห็นมาหมดแล้ว ดังนั้นเขามองแวบเดียวก็ดูออกแล้วว่าวันนี้คุณชายสามตระกูลขงมาด้วยจุดประสงค์ใด

ช่างเรื่องที่อยากจะร่วมมือกับตระกูลซ่งอันใดไปก่อน คุณชายสามตระกูลขงคนนี้หมายตาซ่งหวั่นถิงหลานสาวของตนอยู่แน่นอน

หากเป็นเช่นในอดีต หากตระกูลขงต้องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลซ่ง ตนคงจะตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกแน่นอน

แต่ตนเองในตอนนี้ไม่สนใจอะไรพวกเขาแล้วจริงๆ

เนื่องจากในสายตาของคุณท่านซ่ง ว่าที่หลานเขยที่ดีที่สุดก็คือปรมาจารย์เย่ที่ยืนไม่หือไม่อืออยู่ด้านข้าง

หากว่าปรมาจารย์เย่กลายมาเป็นของหลานเขยของตนใด เช่นนั้นต่อให้นำทรัพย์สมบัติทั้งหมดมาแลกกับตน ตนก็ไม่ยินยอมทั้งนั้น

แล้วที่หาได้ยากยิ่งกว่านั้นคือ หลานสาวคนนี้ของตนก็มีใจให้ปรมาจารย์เย่แล้วเช่นกัน

หากไม่ได้ลูกกลอนย้อนวัยเยาว์จากปรมาจารย์เย่ เกรงว่าตอนนี้ตนคงจะนอนทื่อไปแล้ว จะมีท่าทีแข็งแรงกระฉับกระเฉงแบบนี้ได้ยังไง?

ดังนั้นในสายตาของคุณท่านซ่งแล้ว บนโลกนี้ไม่มีใครสามารถเทียบกับปรมาจารย์เย่ได้ทั้งนั้น

เนื่องจากสิ่งที่เย่เฉินนำมาให้นั้น คือชีวิตซึ่งมีค่าที่สุด

ซ่งเทียนหมิงที่อยู่ด้านข้างเห็นแบบนี้ ก็เกรงว่าบิดาจะล่วงเกินคุณชายตระกูลขง ด้วยเหตุนี้จึงรีบก้าวออกไปเอ่ยว่า “ไอ้หยา ขอบพระคุณคุณชายซ่งจริงๆ ครับ ของขวัญชิ้นนี้มีมูลค่าขนาดนี้ คิดว่าหวั่นถิงจะต้องชอบมากแน่นอน เพียงแต่เด็กคนนี้นิสัยค่อนข้างซื่อตรง พูดไม่ค่อยเป็น ดังนั้นตัวผมในฐานะอา จะทำการรับของขวัญชิ้นนี้ไว้แทนเอเอง และขอบคุณความมีน้ำใจของคุณชายแทนเธอด้วย!”

ซ่งหวั่นถิงยังคิดจะพูดอะไรอยู่ แต่คุณท่านซ่งที่อยู่ด้านข้างส่งสายตาให้เธอ

คุณท่านซ่งเอ่ยกระซิบข้างหูเธอ “ฟังนะ ไม่อาจยื่นมือไปตบหน้าคนยิ้มได้ พวกเรารับไว้ก่อนชั่วคราว รอให้งานเลี้ยงผ่านพ้นไปแล้วค่อยส่งคืนให้เขาเป็นการส่วนตัวก็ได้”

ซ่งหวั่นถิงเห็นคุณปู่พูดแบบนี้ จึงได้แต่พยักหน้ารับ

จากนั้น คุณชายสามตระกูลขงที่ถูกประกบด้วยสองพ่อลูกเย่เทียนหมิง เย่หรงวี่ ก็เดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง

คุณชายสามตระกูลขงเย่อหยิ่งหัวสูง มีใจเหยียดหยามไม่ไยดีใคร ทักทายเพียงเฉินจื๋อข่ายคนเดียวเท่านั้น “คุณเฉิน นั่งด้วยกันไหมครับ?”

เฉินจื๋อข่ายมองไปที่เย่เฉินตามสัญชาตญาณ แต่เขาก็นึกขึ้นได้อีกครั้งว่า เย่เฉินไม่อยากเปิดเผยฐานะ ตนไม่ควรจะสื่อสารกับเขาอย่างเปิดเผยมากเกินไป

ในขณะที่เขาเตรียมจะเอ่ยปฏิเสธคุณชายสามตระกูลขง คุณท่านเฉินที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวกับเย่เฉินว่า “ปรมาจารย์เย่ มาด้วยกันเถอะ!”

ภายในห้องจัดเลี้ยงมีโต๊ะจีนอยู่หกโต๊ะ แต่โต๊ะสำหรับแขกผู้มีเกียรติมีอยู่เพียงโต๊ะเดียวเท่านั้น

โต๊ะแขกผู้มีเกียรติก็มีความหมายตามชื่อเลยเป็นโต๊ะสำหรับแขกเหรื่อผู้ทรงเกียรติที่ทางเจ้าภาพเรียนเชิญมา

นายผู้เฒ่าของสกุลซ่ง เดินนำซ่งเทียนหมิง ซ่งหรงวี่รวมถึงซ่งหวั่นถิง เข้านั่งในโต๊ะสำหรับแขกผู้มีเกียรติที่มีอยู่สิบที่

ที่ว่างที่เหลืออยู่หกตำแหน่ง จะจัดสรรให้ตามอำนาจของคนทั้งหมดที่อยู่ในงาน จัดการไปตามลำดับศักดิ์

สองพ่อลูกซ่งเทียนหมิงและซ่งหรงวี่ ย่อมเชื้อเชิญคุณชายสามตระกูลขงมานั่ง คุณท่านซ่งก็เชื้อเชิญเย่เฉินให้นั่งที่ตะนี้ด้วยเช่นกัน

เหลือที่ว่างอีกสี่ที่ จึงมอบให้เฉินจื๋อข่าย หวังตงเสวี่ยน หลี่ไท่หลายรวมถึงฉินกัง

แม้ว่าอิทธิพลของหวังเจิ้งกางก็ไม่อ่อนด้อยเช่นกัน แต่ด้อยกว่าฉินกังอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่อาจนั่งที่โต๊ะสำหรับแขกผู้มีเกียรติได้

แม้ว่าแม่สาวแสบฉินเอ้าเสวี่ยนอยากจะนั่งด้วยกันกับผู้เป็นพ่อ นั่งร่วมโต๊ะกับปรมาจารย์เย่อย่างยิ่ง

———-