WSSTH ตอนที่ 3,041 : พฤกษาเทพครองสวรรค์
ช่างเป็นถ้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลนัก อีกทั้งไม่อาจแลเห็นทางเข้าออกใดๆเลย ราวกับมันไร้ซึ่งช่องทางเข้าออก
“ที่นี่คือคลังสมบัติของนิกายอมตะเป้าผู่เรา”
ต้วนหลิงเทียนที่กวาดตามองสำรวจถ้ำอยู่ พลันได้ยินเสียงซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่เอ่ยขึ้นข้างหู “เจ้าอย่าได้เห็นว่าคลังสมบัตินิกายอมตะเป้าผู่เราแม้กว้างใหญ่แต่มีสมบัติไม่มากมายอะไรเล่า แต่ละชิ้นนั้นล้วนมีค่ามหาศาลทั้งสิ้น”
“อย่างน้อยๆอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่เจ้าเห็น ไม่ว่าชิ้นใดล้วนผ่านการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งยังจัดวว่ามีอานุภาพอยู่ในระดับแนวหน้า…อุปกรณ์ระดับราชาที่ไม่ผ่านการหล่อเลี้ยงขัดเกลาจากจอมราชันอมตะต่อให้ดีแค่ไหนล้วนไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่…”
เสียงกล่าววาจาประโยคถัดมาของซุนเหลียงเผิง ฉายความภาคภูมิใจไม่น้อย
“แล้วที่นี่มีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันรึเปล่า”
อย่างไรก็ตามความหยิ่งผยองบนใบหน้าของซุนเหลียงผิงจำต้องมลายหายไปทันทีเมื่อได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน กระทั่งมุมปากยังกระตุกไปอย่างแรง
จริงอยู่ที่นิกายอมตะเป้าผู่ของมันมีอุปกรณ์อมตะจอมราชัน อีกทั้งยังอู่ในมือของมันด้วย อย่างไรก็ตามในนิกายไม่มีใครล่วงรู้เลยว่ามันมี
กล่าวได้ว่าคนของนิกายอมตะเป้าผู่นั้น ผู้ที่ล่วงรู้ว่านิกายอมตะเป้าผู่มีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันไว้ในครอบครองก็มีแต่ตัวประมุขเท่านั้น เพราะมันคือมรดกตกทอดของประมุขนิกายจากรุ่นสู่รุ่น
และอุปกรณ์อมตะจอมราชันชิ้นนี้จะไม่มีวันถูกนำออกมาใช้ง่ายๆ เว้นเสียแต่นิกายจะพบเจอกับหายนะภัยภิบัติถึงขั้นถูกฆ่าล้างนิกาย
เนื่องเพราะหากอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันถูกเปิดเผยออกมา เกรงว่านิกายอมตะเป้าผู่คงไม่มีปัญญารักษาไว้
“ย่อมไม่”
ซุนเหลียงเผิงสูดอากาศเข้าลึกๆค่อยเอ่ยตอบต้วนหลิงเทียน “อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันล้ำค่าเกินไป นิกายอมตะเป้าผู่เราไหนเลยจะมีได้…และต่อให้มีจริงๆ พวกมันคงถูกส่งมอบให้คฤหาสน์เฉวียนโยวนานแล้ว”
“เนื่องเพราะอาศัยความแข็งแกร่งของนิกายอมตะเป้าผู่เรา ยังไม่ทรงพลังมากพอจะรักษาอุปกรณ์อมตะจอมราชันเอาไว้”
หลังกล่าวจบ ซุนเหลียงเผิงก็ผายมือไปเบื้องหน้า “อย่างไรก็ตามถึงนิกายอมตะเป้าผู่เราจะไม่มีอุปกรณ์อมตะจอมราชัน แต่พวกเราก็มีสมบัติล้ำค่ามากมาย…อย่างน้อยๆอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่เจ้าเห็นเบื้องหน้านับร้อยๆชิ้นนั้น ไม่เพียงมีเกราะอมตะระดับราชาที่ได้รับการหล่อเลี้ยงขัดเกลาจากจอมราชันอมตะ 3 ชิ้น ชิ้นอื่นๆก็มีมูลค่าไม่ด้อยกว่าเกราะที่ว่ากันทั้งสิ้น”
อันที่จริงตั้งแต่วินาทีแรกที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตัวว่ามาโผล่ในถ้ำแห่งนี้ เขาก็ได้แผ่สำนึกเทวะออกไปสำรวจคร่าวๆดูทั่วทั้งโถงถ้ำแล้ว
ในบรรดาอุปกรณ์อมตะระดับราชามากมาย มีเกราะอมตะระดับราชา 3 ตัวที่แผ่กลิ่นอายไม่ได้ด้อยไปกว่าเกราะอมตะระดับราชาที่เขาได้มาจากวังราชันอมตะทั้ง 2 ตัวนั่นเลย เห็นได้ชัดว่าผ่านการหล่อเลี้ยงขัดเกลาโดยจอมนราชันอมตะมานาน
นอกจากเกราะทั้ง 3 ตัวที่ว่า ยังมีอุปกรณ์อย่างอื่นอีกนับร้อยชิ้น
นอกจากอุปกรณ์อมตะประเภทศาสตรากับชุดเกราะแล้ว ยังมีเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณ ยันต์อมตะที่เต็มไปด้วยฝุ่นเกาะ จานค่ายกล แล้วก็วัตถุดิบล้ำค่าทั้งหลาย
ต้วนหลิงเทียนจดจำวัตถุดิบางชิ้นได้และทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นของหายากทั้งสิ้น ทว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขาในตอนนี้มากนัก
นอกจากนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้จักว่ามันคืออะไร
อย่างไรก็ตามในบรรดาสิ่งของทั้งหมด ที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความสนใจมากที่สุดก็คือกิ่งไม้แห้งๆกิ่งหนึ่งที่แลดูไม่น่าสนใจ
‘จะใช่สมุนไพรล้ำค่าอะไรที่ข้าไม่รู้จักรึเปล่านะ…’
ต้วนหลิงเทียนลอบคาดเดา จากนั้นค่อยละสายตาไปมองอย่างอื่น
“อุต๊ะ! เจ้าหนู เจ้านับว่าโชคดีเสียจริง!”
ทันใดนั้นเอง เสียงเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็ดังขึ้นในร่างต้วนหลิงเทียน “ข้าไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีพฤกษาเทพครองสวรรค์ขั้นที่ 1 อยู่ด้วย!”
พฤกษาเทพครองสวรรค์!
พอได้ยินคำพูดดังกล่าวของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลงโดยพลัน ใจยังสะท้านไปอย่างอดไม่ไหว “พฤกษาเทพครองสวรรค์ 1 ใน 5 ธาตุเทพ!?”
พฤกษาเทพครองสวรรค์นั้น เป็น 1 ใน 5 ธาตุเทพ และมีศักดิ์ศรีเท่ากับทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน แล้วก็วารีเทพชำระโลกา
“พฤกษาเทพครองสวรรค์อยู่ไหน”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน
“ตรงนั้นน่ะ”
พอปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินใช้พลังชักนำ ในที่สุดสายตาต้วนหลิงเทียนก็หันกลับไปตกลงบนกิ่งไม้แห้งแลดูธรรมดาๆอีกครั้ง
“กิ่งไม้นั่นน่ะหรือ…พฤกษาเทพครองสวรรค์?”
ต้วนหลิงเทียนตะลึงไม่น้อย เขาไม่คิดเลยว่ากิ่งไม้แห้งๆแลดูธรรมดาๆกิ่งนี้ ที่แท้กลับเป็นพฤกษาเทพครองสวรรค์ 1 ใน 5 ธาตุเทพ!
‘ก็นะมันจะแลดูธรรมดามากก็ไม่แปลกหรอก สุดท้ายมันก็เป็นแค่ขั้น 1 นี่นา กระทั่งทองเทพสุดลี้ลับขั้น 1 ที่ข้าเจอบนเขาใกล้ๆเมืองวายุโปรยยังแลดูไม่ต่างอะไรจากหินสีดำโง่ๆก้อนหนึ่งเลย…’
ต้วนหลิงเทียนสามารถเข้าใจสภาพของมันได้ทันที เพราะอย่างน้อยๆเขาก็เคยมีประสบการณ์มาก่อน ตอนเจอทองเทพสุดลี้ลับขั้น 1 ในอดีต
“ท่านประมุขนี่คืออะไรเหรอ? ใช่วัตถุดิบเอาไปหลอมปรุงโอสถอมตะอะไรรึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปเอ่ยถามซุนเหลียงเผิง พลางชี้ไปทางพฤกษาเทพครองสวรรค์
“ไม่ใช่หรอก”
ซุนเหลียงเผิงส่ายหน้าไปมา ขณะเดินไปหยิบกิ่งไม้แห้งๆแลดูธรรมดาชิ้นนั้นขึ้นมาถือ “กิ่งไม้นี่เป็นท่านประมุขรุ่นที่ 3 ของนิกายอมตะเป้าผู่เราพบพานโดยบังเอิญ มันเป็นสมบัติที่แปลกประหลาดนัก และงสงสัยว่าจะมีความลึกซึ้ง พัวพัน ของกฏแห่งไม้แฝงเร้นอยู่”
พอกล่าวอธิบายถึงจุดนี้มือที่ถือกิ่งไม้แห้งๆของซุนเหลียงเผิงก็ปรากฏพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขึ้นมาขุมหนึ่ง ค่อยถ่ายทอดลงสู่กิ่งไม้แห้งๆดังกล่าวทันที
จากนั้นต้วนหลิงเทียนจึงพบว่ากิ่งไม้แห้งๆที่อยู่ในมือซุนเหลียงเผิง อยู่ๆก็คล้ายมีชีวิตขึ้นมา กิ่งแห้งๆดังกล่าวเริ่มแผ่ขยายยืดยาวออกไป ม้วนพันมือของซุนเหลียงเผิง กระทั่งยังลุกลามไปถึงข้อศอก
จากนั้นมือของซุนเหลียงเผิงก็คล้ายจะกลมกลืนไปกับกิ้งไม้แห้งๆดังกล่าว ราวกับรากแก้ว
“เมื่อถอนรั้งพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดกลับมา กิ่งไม้นี่ก็จักหวนคืนสู่สภาพเดิม”
พอกล่าวจบซุนเหลียงเผิงก็ถอนรั้งพลังทันใด และกิ่งไม้แห้งๆที่ยืดยาวไปม้วนพันแขนดั่งเถาวัลย์รากไม้ก็หวนคืนสู่สภาพเดิมเร็วไว ราวกับไม่เคยบังเกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆมาก่อน กลับไปเป็นกิ่งไม้แห้งๆธรรมดาๆ ประหนึ่งกิ่งที่หักร่วงลงมาจากต้นไม้ทั่วๆไปเพราะความแห้งแล้ง
“อย่างไรก็ตาม แม้กิ่งไม้กิ่งนี้จะถูกสงสัยว่าอาจมีความลึกซึ้ง พัวพัน ของกฏแห่งไม้แฝงอยู่ แต่เป็นเวลานับหมื่นปีแล้วที่ไม่มีใครในนิกายอมตะเป้าผู่เราสามารถเข้าใจความลึกซึ้ง พัวพัน ของกฏแห่งไม้ได้เลยสักคน กระทั่งหลายพันปีที่ผ่านมานี้ เท่าที่ข้าทราบก็ไม่มีใครที่ใช้มันช่วยเพิ่มพูนระดับความเข้าใจของความลึกซึ้งพัวพันให้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้เช่นกัน”
ซุนเหลียงเผิงเอ่ยต่อ
“ที่ข้าบอกว่าช่วยเพิ่มพูนความลึกซึ้งพัวพันนั้นถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยนั้น ก็คือเคยมีคนที่เข้าใจความลึกซึ้งพัวพันของกฏแห่งไม้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นมาทดลองใช้มันดูแล้ว แต่ไม่อาจพัฒนาถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย…”
ซุนเหลียงเผิงกลัวต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้ว่าขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นกับเล็กน้อยแตกต่างกันอย่างไร ก็เร่งอธิบายออกมาปานกูรู “วรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชานั้น เพียงช่วยให้ผู้คนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏที่แฝงอยู่ถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเท่านั้น…”
“หากเจ้าคิดจะยกระดับความเข้าใจจากขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นไปยังขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย เจ้าต้องได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับจอมราชันที่มีความลึกซึ้งแห่งกฏที่แฝงอยู่สอดคล้องกับระดับราชา นอกจากนั้นหากเจ้าคิดจะพัฒนาขั้นตอนความสำเร็จจากเล็กน้อยไปเป็นยิ่งใหญ่ เจ้าก็จำต้อได้รับวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาที่มีความลึกซึ้งสอดคล้องเช่นกัน”
ซุนเหลียงเผิงค่อยๆอธิบายออกมาอย่างอดทน
“อ่า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เท่าที่ข้ารู้กิ่งไม้นี่ไม่อาจช่วยให้คนบังเกิดเข้าใจความลึกซึ้งพัวพันของกฏแห่งไม้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ และมิอาจช่วยยกระดับความเข้าใจให้บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้…แต่ก็ไม่แน่ว่ามันอาจจะช่วยให้คนที่เข้าใจความลึกซึ้งพัวพันขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ก็เป็นได้”
ซุนเหลียงเผิงกล่าวสืบต่อ แถมวาจายังอวดอ้างสรรพคุณของกิ่งแห้งๆในมือ ทำราวกับคิดจะขายของให้ต้วนหลิงเทียน
“ท่านประมุข ที่พูดมาน่ะ ท่านเชื่อแบบนั้นจริงๆ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตามองจ้องซุนเหลียงเผิงเขม็ง
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนมองจ้องมาตาเขม็ง ซุนเหลียงเผิงได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมา ด้วยมันเองก็รู้ดีว่ากิ่งไม้แห้งๆในมือคงไม่มีพลังอำนาจขนาดนั้น ไม่มีทางช่วยให้ผู้คนที่เข้าใจความลึกซึ้งพัวพันขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้แน่นอน
หากกิ่งไม้แห้งนี่มีความสามารถเลิศล้ำขนาดนั้นจริง ไหนเลยจะช่วยให้ผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งพัวพันขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น ยกระดับไปเป็นขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยไม่ได้?
“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นล่ะ…อันที่จริงมันไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรมากหรอก เพียงเป็นแค่ของสะสมชิ้นหนึ่งเท่านั้น หากเจ้าต้องการสมบัติที่มันใช้งานได้จริงๆ เจ้าควรเลือกอย่างอื่นประเสริฐกว่า”
หลังคลี่ยิ้มแห้งๆแล้ว ซุนเหลียงเผิงก็กล่าวตอบมาตามความจริง และแนะนำอย่างมีมารยาท
ขณะเดียวกันมันก็วางกิ่งไม้แห้งๆกลับที่เดิมของมัน
ในขณะที่ซุนเหลียงเผิงคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องหมดความสนใจในกิ่งไม้แห้งๆนี่ไปแล้ว มิคาดต้วนหลิงเทียนกลับหยิบมันขึ้นมาพลิกไปพลิกมาด้วยท่าทางทำราวกับสนใจไม่น้อย
“ประมุขพูดถูก สิ่งนี้อาจทำอะไรไม่ได้แต่ถ้ามีไว้สะสมก็ได้อยู่…กล่าวไปข้าบังเอิญเป็นคนชอบสะสมของแปลกๆที่ไม่รู้จักพอดี งั้นของในคลังสมบัตินี่ข้าขอเลือกมันชิ้นแรกแล้วกัน”
กล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็เก็บกิ่งไม้แห้งๆดังกล่าวลงแหวนพื้นที่ทันที
“ต้วนหลิงเทียน เจ้า…”
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนเก็บกิ่งไม้แห้งๆลงแหวนไปแล้ว ซุนเหลียงเผิงถึงจะฟื้นสติ จากนั้นก็ขมวดคิ้วกล่าวถามออกมา “นี่เจ้าคิดดีแล้วหรือ?”
ในความเห็นของมัน กระทั่งยอดคนของนิกายอมตะเป้าผู่ลองศึกษามากว่าหมื่นปีแล้ว แต่ยังไม่พบว่ามันมีประโยชน์อะไร เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีวันเข้าถึงความไม่ธรรมดาของมันได้แน่นอน
ทว่าเพื่อซื้อใจคน มันยังจงใจกล่าวเตือนออกมา “กิ่งไม้แห้งนั่นแม้จะดูไม่ธรรมดา แต่มันไร้ประโยชน์อันใดจริงๆ”
“เรื่องนี้ขอท่านประมุขอย่าได้กังวล ข้าไม่ได้เลือกมันเพราะประโยชน์…แค่ข้าไม่เห็นอะไรเข้าตาจริงๆ เลยเลือกมันเพราะเห็นว่าแปลกดี”
กล่าวถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกวาดตามองไปทั่วๆคลังสมบัติด้วยสีหน้าแววตาเฉยเมย อดทำให้ซุนเหลียงเผิงรู้สึกไม่ได้ ว่าต้วนหลิงเทียนใช่ทำเป็นไม่สนอยู่หรือไม่
“ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน มีเทพแห่งธาตุทั้ง 5 อื่นๆอยู่อีกไหมอย่างเช่น…วารีเทพชำระโลกาน่ะ น้ำในขวด 2 ขวดนั่น ข้าว่ามันน่าจะเป็นวารีเทพชำระโลกาใช่ไหม?”
เอ่ยถามปฐพีเทพแรกกำเนิดในร่างถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปหยีตามองน้ำในขวดใสที่ตั้งอยู่ไกลๆทันที
“เหอๆ เจ้าหนู…นี่เจ้าคิดว่าเทพธาตุเป็นหัวผักกาดเรอะ!?”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ปฐพีเทพแรกกำเนิดอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาเสียงดัง
และนี่ก็เป็นการบอกต้วนหลิงเทียนทางอ้อม ว่าน้ำในขวดทั้ง 2 นั่นไม่ใช่วารีเทพชำระโลกา
“ประมุข น้ำในขวดทั้ง 2 นั่นคืออะไรเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนชี้ไปยังขวดทั้ง 2 พลางหันไปถามซุนเหลียงเผิง
แม้เขาจะรู้แล้วว่ามันไม่ใช่วารีเทพชำระโลกา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าน้ำในขวดนั่นมันคืออะไรกันแน่ เพราะอะไรก็ตามที่นำมาเก็บไว้ในคลังสมบัติของนิกายอมตะเป้าผู่ได้ ก็ไม่น่าจะเป็นแค่น้ำธรรมดาๆ