ตอนที่ 1481 การเสนอจากศตวรรษที่แล้ว

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

ณ กลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี

ภายในสำนักงานใหญ่ของเอไอไอบี

หลังจากได้ฟังการรายงานทางวิดีโอคอล ผู้ว่าการโจว ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดพร้อมกับทำสีหน้าแปลกๆ

“ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง… คุณแน่ใจเหรอว่านี่คือสิ่งที่เขาพูด?”

“ผมค่อนข้างมั่นใจครับ” ในหน้าจอโฮโลแกรม จงจื้ออวี่พยักหน้า เขาพูดต่ออย่างสุภาพว่า “แม้ว่านักวิชาการลู่จะไม่ใช่ผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งประธาน แต่ข้อเสนอของเขาในเรื่องนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองประทับใจผมจริงๆ ตลอดครึ่งศตวรรษ โดยพื้นฐานแล้วอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ไม่ได้มีการพัฒนาอย่างมีแก่นสารอะไร เว้นแต่จะมีความแข็งแกร่งพอที่จะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในทุกอย่าง แม้ว่าฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองจะฟังดูเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ ผมคิดว่าอย่างน้อยมันก็สามารถจะนำความเปลี่ยนแปลงมาให้เราได้”

นิ้วของผู้ว่าการโจวเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ ขณะที่เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ต่ำว่า “แล้วเรื่องความเสี่ยงล่ะ?”

จงจื้ออวี่ตอบว่า “ความเสี่ยงอย่างเดียวก็คือในระดับเทคนิค แต่ถึงแม้จะมีเรื่องแย่ที่สุดเกิดขึ้น มันก็คงจะไม่แย่มากจนถึงกับไม่สามารถรับได้”

มีความเงียบสงัดอยู่นานในออฟฟิศ

ผู้ว่าการโจวซึ่งนั่งอยู่โต๊ะทำงานของเขา มัวแต่ครุ่นคิด เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักพัก

หลังจากผ่านไปราวห้านาที ในที่สุดเขาก็เผยอเปลือกตา ราวกับว่าเพิ่งตื่นขึ้นมา เขามองมาที่จงจื้ออวี่ซึ่งอยู่ในหน้าต่างโฮโลแกรมและอ้าปากพูด

“คุณทำได้ดีแล้ว”

“ถ้าความเสี่ยงมันยอมรับได้ ผมก็จะไม่ให้คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณอ้างมา”

“แต่จำไว้ว่าการเก็บหุ้นอิสระของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เป็นเรื่องที่ต้องมาก่อนสำหรับทุกเรื่อง ถ้ามีการค้นพบว่าเขาตั้งใจที่จะรวมหุ้นของหลายๆ บริษัทที่เขาถือไว้และชักจูงผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ เพื่อให้การควบรวมและการปรับองค์กรใหม่สำเร็จ… คุณต้องหยุดเขาซะ”

จงจื้ออวี่พยักหน้านิดๆ

“เข้าใจแล้วครับ”

วิดีโอคอลจบลง

ผู้ว่าการโจวซึ่งวางสายโทรศัพท์ไปแล้วได้คลายไหล่ของเขาลงเล็กน้อยและพิงหลังไปกับเก้าอี้ทำงาน

นักวิชาการลู่ในฐานะประธานของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้…

การเสนอเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองต่อคณะกรรมการบริหาร

แม้ว่าความเสี่ยงจะควบคุมได้จริงๆ แต่การพัฒนาของสิ่งต่างๆ นั้นอยู่เกินการคาดการณ์ของเขา

“มันยากจริงๆ ที่จะบอกว่านี่เป็นพรหรือคำสาป…”

เขายกนิ้วชี้ขึ้นและบีบหัวคิ้ว แล้วเขาก็มองไปที่เพดานและพึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงบนเก้าอี้ทำงานและแตะนิ้วชี้ลงบนมุมโต๊ะทำงาน

แผงโฮโลแกรมสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นมาอีกครั้งและหน้าต่างวิดีโอคอลก็เปิดขึ้นอีกครั้ง

เขามองไปยังผู้ช่วยอัจฉริยะในหน้าต่างที่ลอยอยู่และพูดด้วยเสียงที่ชัดเจนว่า

“โทรไปสำนักงานใหญ่สหการพาน-เอเชียน”

“ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับประธานหลี่”

สำหรับผู้คนในพาน-เอเชียน เดือนนี้นับว่ามีเหตุการณ์สุดระทึกน่าตื่นเต้นมากที่สุดในตลอดสองปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

อย่างแรกคือ เที่ยวบิน N-177 ถูกจี้และกำลังจะชนเข้ากับสถานีอวกาศเทียนโจว หลังจากนั้น จู่ๆ นักวิชาการลู่ก็ฟื้นขึ้นมา และรัฐสมาชิกทั้งหมดของสหการพาน-เอเชียนก็เฉลิมฉลองการกลับมาของเขา

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะมีอะไรที่จะทำให้ชาวพาน-เอเชียนประหลาดใจไปกว่าการฟื้นคืนชีพของนักวิชาการลู่ ก็น่าจะเป็นการตั้งโปรเจกต์นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง

ไอศกรีมหลงยุคผู้ซึ่งตื่นขึ้นมาจากเมื่อศตวรรษก่อน ได้เข้ามาสู่แถวหน้าของโลกวิชาการทันทีที่เขาตื่นขึ้น ด้วยความท้าทายที่ไม่อาจเอาชนะได้ของนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง…

หลังจากได้ยินข่าวนี้ ปฏิกิริยาของคนมากมายก็คือตกตะลึง

ปฏิกิริยาที่สองของพวกเขาก็คือสับสน

ในส่วนของความคิดเห็นในฟอรั่ม LSPM

เฉพาะในโซนแลกเปลี่ยนทางวิชาการอย่างเดียวนั้นไม่มีการขอโพสต์อะไรใดๆ การถกเถียงและแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นผู้ที่คลั่งวิทยาศาสตร์ซึ่งไม่ใช่มืออาชีพหรือไม่ก็นักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่กำลังเรียนในปีแรกและปีที่สอง

ด้วยเพราะมีประชากรจำนวนมหาศาลของสหการพาน-เอเชียน ถึงแม้ฟอรั่มเองจะเล็กมาก แต่การจราจรแต่ละวันนั้นไม่เล็กเลย

เพราะช่องทางการแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่เป็นดั่งสวรรค์นั้นออกแบบเองโดยนักวิชาการลู่ซึ่งกลับมาในวันนั้น พวกเขาจึงพูดถึงเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

ต่อมาเมื่อมีการประกาศข่าวต่างๆ เสียงของการสนทนาก็ปกคลุมส่วนของข่าวไปหมด บางคนพูดถึงเรื่องซุบซิบภายในและบางคนก็ถกเถียงกันในประเด็นวิชาการ

แต่ไม่ว่าจะถกเถียงกันเรื่องอะไร ความรู้สึกของทุกคนก็ไม่ต่างกัน…

“ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองอย่างนั้นเหรอ? เขาล้อเล่นหรือเปล่า?”

“หัวหน้าวิศวกรของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้เพิ่งจะพูดในการบรรยายที่มหาวิทยาลัยจินหลิงเมื่อไม่นานนี้เองไม่ใช่เหรอว่า พวกเราอยู่ห่างจากความเข้าใจในเรื่องนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้อย่างน้อยๆ ก็ 50 ปี?!”

“50 ปี… ถ้าคุณนับจากเวลาที่นักวิชาการลู่ยังหลับอยู่ มันก็น่าจะผ่านมา 150 ปีได้แล้วสำหรับเขา”

“คุณจะคำนวณอย่างนั้นไม่ได้… ยังไงก็แล้วแต่ สำหรับสัตว์ประหลาดอย่างนักวิชาการลู่ การเรียนรู้เทคโนโลยีของเมื่อ 100 ปีที่แล้วไม่น่าจะยากหรอก อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นหัวหน้านักออกแบบของผานกู่ และเขาก็เป็นผู้ออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นทั้งหมด ไม่มีใครจะรู้ขั้นตอนการออกแบบดีไปกว่าเขาหรอก!”

“มันก็พูดยาก! ผ่านมาร้อยปีแล้ว และไอเดียการออกแบบของเขาก็ล้าสมัยไปแล้ว!”

“แต่สมองอันปราดเปรื่องของเขาไม่ล้าสมัยนะ ฉันกำลังตั้งตารออยู่!”

ไม่ใช่แค่คนธรรมดาที่กำลังถกเถียงเรื่องนี้กันอย่างเผ็ดร้อน นักวิชาการซึ่งมีส่วนร่วมในงานวิจัยสาขานี้หรือมีความสนใจภายนอกในสาขานี้ก็กำลังถกเถียงเรื่องนี้เช่นกัน

ทันทีที่อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ประกาศการตั้งโปรเจกต์นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองและประกาศบทบาทส่วนตัวของนักวิชาการลู่ในฐานะหัวหน้าโปรเจกต์ กลุ่มสนทนาในฟอรั่ม LSPM ก็เต็มไปด้วยโพสต์สนทนาเรื่อง ‘นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง’ และ ‘นักวิชาการลู่ได้เป็นประธานของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้’

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองนั้น ผู้คนที่มีมุมมองต่างกันกำลังโต้เถียงกันจนหน้าดำหน้าแดง ถ้าพวกเขาไม่ได้ถูกอินเทอร์เน็ตแยกไว้ พวกเขาก็คงจะเริ่มลงไม้ลงมือกัน

ทางแผนกวิทยาศาสตร์ของสถานีโทรทัศน์พานเอเชียก็บันทึกรายการที่เกาะติดสถานการณ์ปัจจุบันทันทีและได้เชิญแขกรับเชิญคนสำคัญมาท่านหนึ่ง

แขกรับเชิญท่านนี้ไม่ใช่ตัวลู่โจวเอง แต่เป็นนักวิชาการจางเฟยเยว่ ผู้เชี่ยวชาญระดับสุดยอดในสาขาเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้ร่วมสมัยและผู้อำนวยการสถาบันวิศวกรรมนิวเคลียร์แห่งสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง!

ตราบใดที่มีความรู้ในเชิงทฤษฎีเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้แต่หัวหน้าวิศวกรของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก็ไม่สามารถจะมีความเข้าใจตรงกันได้ในเรื่องของเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้

“สวัสดีครับ นักวิชาการจาง!”

หลังจากพยักหน้าให้กับการทักทายอย่างสุภาพนี้ นักวิชาการจางก็พูดพร้อมกับยิ้ม

“สวัสดีครับ ขอบคุณที่เชิญผมมา”

พิธีกรพูดว่า “จากข้อเสนอล่าสุดของนักวิชาการลู่ที่จะสร้างเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองให้เป็นทิศทางการพัฒนาสำคัญของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ในอีกห้าปีข้างหน้า คุณมองประเด็นนี้อย่างไรบ้างครับ?”

“เป็นเรื่องที่พูดยาก…” หลังจากเอามือจับเคราบางๆ บนคาง นักวิชาการจางก็ตอบพิธีกรด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรหลังจากครุ่นคิดว่า “ผมไม่ได้มีความเข้าใจในเรื่องมุมมองทางเศรษฐกิจ ดังนั้นผมจะพูดถึงแค่สิ่งที่ผมรู้”

พิธีกรพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เชิญพูดได้เลยครับ!”

“หากเทียบกับนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นแรก ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองไม่ได้เพียงแต่มีลำดับขนาดที่สูงกว่าอันเก่าในแง่ของผลผลิตด้านพลังงานเท่านั้น แต่มันยังมีความแตกต่างอย่างมากในเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างทั้งสองรุ่น”

พิธีกรถามว่า “คุณช่วยขยายเรื่องนั้นได้ไหมครับ?”

นักวิชาการจางยิ้มและพูดว่า

“พูดง่ายๆ ก็คือไม่ว่าจะมีความแตกต่างในเรื่องการออกแบบยังไง จนถึงตอนนี้มีเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่น 37 เครื่องในภูมิภาคพาน-เอเชียนที่ใช้เทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นแรก รวมถึงสถานีสกัดดิวเทอเรียม-ทริเทียม 12 แห่ง และสถานีเก็บรักษาไฮโดรเจนหลายร้อยแห่ง ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาประจำปีของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้สำหรับเรื่องนี้ก็มากกว่า 7 พันล้านเครดิตพอยท์ คิดเป็น 40% ของค่าดำเนินการทั้งหมด

“และถ้ามีการนำเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองมาใช้ เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นรุ่นที่สอง 1 เครื่องจะสามารถแทนที่เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ใช้เทคโนโลยีแบบรุ่นแรกได้ 37 เครื่อง”

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของพิธีกรก็เปลี่ยนไปโดยฉับพลัน

เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นรุ่นที่สอง 1 เครื่องสามารถผลิตพลังงานได้มากเท่ากับเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นรุ่นแรก 37 เครื่อง?!

นี่มันบ้าไปแล้ว!

มันมีพลังถึงขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?!

พิธีกรกลืนน้ำลายอย่างประหม่า เขาถามต่อไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “มัน…ต่างกันถึงขนาดนั้นจริงเหรอครับ?”

“ความแตกต่างนั้นเหมือนกับเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นแรกเทียบกับพลังงานนิวเคลียร์ฟิชชั่น”

น้ำเสียงของนักวิชาการจางนั้นเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

“อันที่จริง สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้สำคัญอะไร สิ่งสำคัญคือว่าเทคโนโลยีฟิวชั่นรุ่นที่สองสามารถแทนที่ทริเทียมที่ค่อนข้างราคาสูงด้วยฮีเลียม 3 ซึ่งมีทรัพยากรอย่างเหลือเฟืออยู่บนดวงจันทร์และเก็บรวบรวมมาได้ไม่ยาก”

“ถ้าคุณไปไกลอีกสักนิดและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีฟิวชั่นรุ่นที่สองกับงานด้านการบินและอวกาศ สตาร์ชิปของเราก็จะไม่เพียงใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าจากที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แต่เชื้อเพลิงและระยะขับเคลื่อนที่มันสามารถจะขนส่งไปได้จะเพิ่มขึ้นตามลำดับขนาด”

“แม้แต่การประเมินในเชิงสงวน อนาคตของเราก็จะบังเกิดความเปลี่ยนแปลงแบบเขย่าโลกเพราะการกำเนิดของเทคโนโลยีนี้!”

หลังจากได้ฟังคำพูดอันน่าอัศจรรย์เหล่านี้จากนักวิชาการจาง พิธีกรที่ดูตกใจสุดขีดไปทันทีก็ลืมว่าจะพูดอะไร

หลังจากนั้นสักพักเขากลืนน้ำลายและถามว่า “แล้วเรื่องของเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สามล่ะครับ?”

“รุ่นที่สาม?” นักวิชาการจางอึ้งไปกับคำถามนี้ แล้วเขาก็พูดพร้อมกับยิ้ม “นั่นอาจจะเป็นไตรฟิวชั่นฮีเลียมบริสุทธิ์ อะตอมฮีเลียม 2 อะตอมรวมตัวกันเพื่อสร้างอะตอมฮีเลียมขึ้นมา 1 อะตอมและโปรตอน 2 โปรตอน… นี่คือสูตรฟิวชั่นที่สมบูรณ์แบบที่สุด”

“อย่างไรก็ตามมันก็คงจะอีกนาน นานมากกว่าที่จะเข้าใจเรื่องนั้น”

เพราะบทสัมภาษณ์ของนักวิชาการจาง การถกเถียงกันในเรื่องฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองจึงถูกผลักดันขึ้นไปถึงจุดสูงสุดครั้งใหม่

บทความวิจัยมากมายผุดขึ้นมาเหมือนกับหน่อไม้ที่โผล่ขึ้นมาหลังฝนตก จากมุมมองด้านวิชาการพวกเขาได้เริ่มอธิบายถึงความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีและการคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการลงทุน

อย่างไรก็ตามมุมมองส่วนใหญ่จากบทความวิจัยเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นไปในแง่ที่ดี

จากความเห็นที่เต็มไปด้วยอารมณ์ คนส่วนมากเต็มใจที่จะเชื่อว่านักวิชาการลู่ ซึ่งครั้งหนึ่งได้นำแสงสว่างมาสู่ดินแดนนี้ จะทำให้ดินแดนนี้สว่างขึ้นอีกครั้งด้วยไฟฉายที่ใหญ่กว่าเดิม

แต่วิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องอ่อนไหว

ระหว่างที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือ ลู่โจวกำลังจิบกาแฟ เขาพิมพ์เครื่องหมายวรรคตอนสุดท้ายลงบนแป้นคีย์บอร์ดโฮโลแกรมแล้วก็สั่งให้เสี่ยวไอส่งบทความวิจัยไปที่ฝ่ายบรรณาธิการของ ‘ฟิวเจอร์’

จะว่าไปแล้วครั้งสุดท้ายที่เขาเสนอวิทยานิพนธ์ไปที่ ‘ฟิวเจอร์’ ก็คือตอนส่งบทความวิจัยเรื่องข้อคาดการณ์ ABC

ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะถกเถียงปัญหาคณิตศาสตร์กับเพื่อนเก่าๆ เมื่อวานนี้เอง

ลู่โจวไม่ได้รู้สึกเหมือนว่าการเสนอครั้งที่แล้วเกิดขึ้นเมื่อ 100 ปีก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว…