ฉินเอ้าเสวี่ยนกล่าวอย่างเขินอาย “ฉันไม่ใช่ยัยพริกขี้หนูสักหน่อย … ”

เย่เฉินยิ้มและถาม “งั้นเธอเป็นอะไร?”

ฉินเอ้าเสวี่ยน “ฉัน…ฉัน…ฉัน…ฉันเป็นผู้หญิงสวย เป็นคนน่ารัก!”

หลังจากพูด ก่อนที่เย่เฉินจะตอบอะไร เธอก็ได้วางสายไปอย่างเขินอาย

เมื่อเย่เฉินได้ยินเสียงตู้ดตู้ดจากโทรศัพท์ เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะอย่างลับๆ ยัยพริกขี้หนูตัวน้อยนี้น่ารักจริงๆ

หลังจากที่เซียวชูหรันกินข้าวเสร็จ ก็ตรงดิ่งไปที่สตูดิโอของตน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ขนาดของสตูดิโอเธอได้ขยายตัวไปมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน พนักงานบางคนได้รับคัดเลือกมาแล้ว ในขณะเดียวกัน โครงการเองก็กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ นี่อาจถือได้ว่าว่าเป็นช่วงกำลังเฟื่องฟู

ส่วนเซียวฉางควนก็หมกตัวอยู่ที่สมาคมศิลปะจีน ดูยุ่งเกินควร

วันนี้เมื่อเขากินข้าวเสร็จ ก็รีบไปที่สมาคมศิลปะจีนเลยทันที มันทำให้เย่เฉินรู้สึกประหลาดใจ

ดังนั้นเย่เฉินจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พ่อ ทำไมวันนี้ไปเร็วจังเลยล่ะครับ?”

เซียวฉางควนยิ้มและพูดว่า “วันนี้ที่สมาคมศิลปะจีนมีกิจกรรมบางอย่างน่ะ คลาสงานอดิเรกเขียนพู่กันและระบายสีของมหาวิทยาลัยที่จัดขึ้นเพื่อผู้สูงอายุ แล้วบังเอิญว่าวันนี้เขาจะมาจัดกิจกรรมเยี่ยมชมศึกษากันที่นี่พอดี”

เมื่อพูดถึงวิทยาลัยสำหรับผู้สูงอายุ เย่เฉินก็เข้าใจได้ทันที มหาวิทยาลัยสำหรับผู้สูงอายุเป็นที่ที่หานเหม่ยฉิงทำงานและศึกษาอยู่ทุกวัน

เพื่อนที่ดีของป้าหานได้เชิญเธอเป็นศาสตราจารย์รับเชิญด้านการศึกษากฎหมายที่มหาวิทยาลัยสำหรับผู้สูงอายุ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็กำลังศึกษาการประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดจีนที่มหาวิทยาลัยอีกด้วย

ดูเหมือนว่าป้าหานจะพบกับเซียวฉางควนในวันนี้แน่

ไม่แปลกใจเลยที่เช้าวันนี้ชายชราจะมีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแม่ยายหม่าหลันอยู่ข้างหน้าเขา เย่เฉินจึงไม่ได้ทำอะไร

เขาเองอีกเดี๋ยวก็ต้องไปที่ยิมเนเซียมจินหลิงแล้ว ดังนั้นเขาจึงถามเซียวฉางควนพ่อตาของเขาว่า “พ่อครับ งั้นพ่อขับรถไปส่งผมห่อยได้ไหม พอดีว่าผมจะไปที่ยิมเนเซียมเพื่อดูการแข่งขันน่ะ?”

“ตกลง!” เซียวฉางควนพูดด้วยรอยยิ้ม: “ทางผ่านพอดี นายไปกับฉันได้!”

หม่าหลันพูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่พวกเธอสามคน จงใจทำให้ฉันอารมณ์เสียใช่ไหมเนี่ย?”

เซียวฉางควนถามด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “คุณกำลังพูดถึงอะไร ใครจงใจทำให้คุณโกรธกัน?”

หม่าหลันพูดอย่างโกรธเคือง “หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็ออกไปทีละคน ออกไปเล่น ออกไปสนุกกัน ฉันอยู่บ้านคนเดียวน่าเบื่อขนาดไหนรู้ไหม?”

เซียวฉางควนขบริมฝีปาก พร้อมกับจงใจพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “ใครกันที่ห้ามไม่ให้คุณออกไปข้างนอก ถ้าคุณอยากจะออกก็ออกไป ไปเล่นไพ่นกกระจอกกับเพื่อเก่าของคุณสิ หรือไม่ก็ชวนพี่น้องของคุณไปทำหน้าไป!”

หม่าหลันกล่าวอย่างดุเดือด “เซียวฉางควน นี่นายกำลังทำร้ายฉันเหรอ?ขาฉันหักไปข้างหนึ่ง จะให้ฉันออกไปข้างนอกอย่างสะดวกสบายได้ยังไงกัน?อีกอย่าง ฟันหน้าของฉันจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ไปทำเลย จะมีหน้าไปเจอเพื่อนเจอพี่น้องได้ยังไง มันจะน่าอายแค่ไหนกัน?”

เซียวฉางควนเปิดฝ่ามือและพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “งั้นฉันก็ช่วยไม่ได้ ยังไงซะ ขาก็อยู่บนตัวของคุณ ถ้าคุณอยากจะออกไปข้างนอกก็ออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากก็อยู่บ้านไปซะ แต่คุณอย่าห้ามไม่ให้เราออกไปข้างนอก เราไม่ได้มีหน้าที่จะต้องอยู่บ้านกับคุณ!”

หลังจากพูดจบ เขาโบกมือให้เย่เฉิน เขย่ากุญแจรถรถบีเอ็มดับบลิวในมือและพูดอย่างเป็นกันเองว่า “ลูกเขยที่รัก ไปกันเถอะ!”

…..