เผยเฉียนส่ายหน้า “นอกจากเซียนกระบี่เซี่ยที่ได้เจอกันโดยบังเอิญบนที่ราบน้ำแข็งทางทิศเหนือของธวัลทวีปช่วงแรกๆ แล้ว ยังมีศาลเหลยกงจังหวัดหม่าหูที่ช่วยส่งจดหมายให้ข้า ผู้อาวุโสอาเซียงกับพี่หญิงสุ้ยอวี๋เป็นคนดีจริงๆ บวกกับที่ตอนนั้นพื้นฐานขอบเขตเดินทางไกลของข้ายังไม่แน่นหนามากพอ ก็เลยไม่คิดอยากจะฝ่าทะลุขอบเขต ข้าฝ่าทะลุขอบเขตอยู่ที่เกราะทองทวีป เพราะพี่หญิงไจ้ซีบอกว่าจะเฝ้าพิทักษ์ไม่อยู่แล้ว แทนที่จะเหลือทิ้งไว้ให้พวกสัตว์เดรัจฉานของใต้หล้าเปลี่ยวร้างพวกนั้น ก็ไม่สู้ให้ข้าแย่งชิงมาเองก่อน ให้มาอยู่ในกระเป๋าเพื่อความสบายใจ แล้วก็เพราะข้าไม่มีปัญญาที่จะฝ่าทะลุขอบเขตติดต่อกันได้ ไม่อย่างนั้นหากอิงตามคำกล่าวของพี่หญิงไจ้ซี หากใช้สถานะของขอบเขตยอดเขาที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าเลื่อนเป็นขอบเขตปลายทาง โชคชะตาบู๊จะยิ่งใหญ่จนเกินจะคาดการณ์ได้ถึง จากขอบเขตแปดเลื่อนเป็นขอบเขตเก้าไม่มีทางเทียบติดได้เลย อีกทั้งตอนนั้นเกราะทองทวีปเป็นของไพศาลครึ่งหนึ่งของเปลี่ยวร้างครึ่งหนึ่ง ขอแค่ได้สองคำว่าแข็งแกร่งที่สุดมา ข้าก็สามารถเอาอย่างอาจารย์พ่อที่ช่วงชิงโชคชะตาบู๊ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างมาไว้ที่ตัวเอง ใต้หล้านี้ไม่มีการค้าอะไรที่ไม่ต้องลงทุนแต่ได้กำไรมหาศาลเท่านี้อีกแล้ว ดังนั้นตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นการฝึกหมัดของตัวเองคนเดียว หรือการไปออกหมัดสังหารศัตรูบนสนามรบ ข้าล้วนตั้งใจอย่างมาก ก็เหมือน…”
เผยเฉียนหันหน้าไปมองชั้นสองของเรือนไม้ไผ่แวบหนึ่ง
วันเวลาที่ยากลำบากที่สุดของการฝึกหมัดล้วนอยู่ที่นั่น
ลำบากจนเหมือนว่าความยากลำบากทั้งหมดของชีวิตนี้ล้วนผ่านมาหมดสิ้นแล้ว
หลังจากที่ท่านปู่ชุยจากไป เผยเฉียนออกเดินทางไกลข้ามทวีปไปเพียงลำพัง ต่อให้อยู่บนสนามรบของเกราะทองทวีป ไม่ว่าการเข่นฆ่าจะดุเดือดรุนแรงแค่ไหน อันที่จริงเผยเฉียนก็ยังไม่รู้สึกทุกข์ทรมานสักเท่าใด
เผยเฉียนถอนสายตากลับมาแล้วก็ถามว่า “พ่อครัวเฒ่า ท่านปู่ชุยก็ถือว่าออกเดินทางไกลไปแล้ว ใช่ไหม?”
จูเหลี่ยนถอนหายใจ “คงเป็นเช่นนั้นกระมัง”
พลันมีศีรษะหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากหน้าผา เค้นน้ำตาหยดหนึ่งออกมาจากหัวตา จากนั้นก็แหงนหน้าเอ่ยอย่างเศร้าสร้อยเจ็บปวด “เจ้าคนงดงามเหมือนเทพธิดาไม่ถ่านดำ เจ้ารีบคืนศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่ทั้งน่ารักน่าเคารพมาให้ข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
หมี่ลี่น้อยตกใจสะดุ้งเพราะถูกเสียงดังปลุกให้ตื่นขึ้นมา นางเอ่ยด้วยสีหน้ามึนงง “เผยเฉียน เผยเฉียน ทำไมข้าถึงได้ยินเสียงของห่านขาวใหญ่ล่ะ?”
เผยเฉียนยิ้มกล่าว “ไม่มีสักหน่อย”
เมื่อครู่นี้ห่านขาวใหญ่ผู้นั้นถูกเผยเฉียนถีบร่วงหน้าผาไปแล้ว
ชุยตงซานนอนคว่ำอยู่บนเตียงเมฆขาวที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นสูงกลางอากาศ ว่ายน้ำพายเรือมาถึง ยิ้มหน้าเป็นเอ่ยว่า “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ หมี่ลี่น้อย พ่อครัวเฒ่า คิดถึงข้าหรือไม่”
หมี่ลี่น้อยนั่งตัวตรง สองมือปรบกัน พึมพำว่า “ฝันดี ฝันดี ข้าจะงีบอีกหน่อยแล้วกัน”
ชุยตงซานมานั่งยองข้างกายเผยเฉียน เอนตัวไปข้างหลังจนไหล่สองข้างสูงต่ำไม่เท่ากันเพื่อเขม้นมองเผยเฉียนให้ชัด “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเจ้าถึงตัวสูงกว่าศิษย์พี่เล็กอีกล่ะ”
หมี่ลี่น้อยเบิกตากว้างทันที ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งมาข้างกายชุยตงซาน มายืนอยู่ด้านข้างเขาแล้วยกมือขึ้นมาวัดส่วนสูงของทั้งสองฝ่าย หัวเราะฮ่าๆ อย่างชอบใจ “สูงพรวดๆ เลยนะ ว้าว ห่านขาวใหญ่เป็นเจ้าจริงๆ หรือ น่าสงสารจัง จากคนที่สูงอันดับหนึ่งกลายมาเป็นสูงอันดับสอง แต่อันดับของข้าไม่ได้ลดลง อย่าเสียใจไปเลย อย่าเสียใจเลย ข้าเอาความสุขของข้าให้เจ้ายืมก็แล้วกัน”
ชุยตงซานยิ้มตาหยีพยักหน้ารับ “ยังคงเป็นหมี่ลี่น้อยที่ดีที่สุด”
หมี่ลี่น้อยทำท่าเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ รีบขยิบตาให้อีกฝ่าย อะไรกัน อะไรกัน สมุดบัญชีเล่มเล็กที่อยู่กับเผยเฉียนนั่น มีส่วนที่เป็นของนางน้อยที่สุดแล้ว แน่นอนว่าพี่หญิงหน่วนซู่ไม่มีแม้แต่เล่มเดียว
ชุยตงซานทำท่าฮึดฮัด สะบัดไหล่เตรียมจะลุกขึ้นอย่างห้าวเหิม แต่กลับถูกหมี่ลี่น้อยรีบยื่นสองมือมากดเอาไว้ ชุยตงซานดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งก็ได้แต่ยอมหยุดอย่างห่อเหี่ยว
จูเหลี่ยนมองชุยตงซานแวบหนึ่ง แล้วก็หันมามองเผยเฉียน
ส่วนเผยเฉียนนั้นมองจูเหลี่ยน แล้วค่อยหันไปมองห่านขาวใหญ่
ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “เฉาฉิงหล่างก็เฉาฉิงหล่างแล้วกัน ข้าไม่มีความเห็นหรอก”
จูเหลี่ยนเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นพื้นที่มงคลก็เริ่มงานกันวันนี้เลยไหม? คนที่เดิมทีควรมาร่วมงานพิธี ต่างคนต่างก็มีธุระยุ่ง แม้ว่าคนจะยังมาไม่ถึง แต่ของขวัญที่นำมามอบให้ก็ไม่ได้น้อยลงเลย”
ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “วันนี้เหมาะแก่การขุดดินตั้งเสา เหมาะแก่การบวงสรวงลงนามสัญญา เหมาะแก่การเก็บเกี่ยวแต่งงาน ทุกเรื่องล้วนเหมาะจะทำในวันนี้ทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงตั้งใจเดินทางมาถึงวันนี้เล่า?”
จูเหลี่ยนถาม “สระน้ำด้านหลังเรือนไม้ไผ่?”
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “เอาไปไว้ในพื้นที่มงคลรากบัวถึงจะดี จะได้ประหยัดตราผนึกของข้าไปชั้นหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจได้รับของขวัญตอบแทนที่น่ายินดีอย่างไม่คาดฝันก็เป็นได้”
วันนี้สำหรับภูเขาลั่วพั่วแล้วถูกกำหนดมาให้เป็นวันฤกษ์งามยามดียิ่งใหญ่ที่จะถูกบันทึกลงในสมุดประวัติศาสตร์ทำเนียบของศาลบรรพจารย์
ต่อให้เจ้าขุนเขาหนุ่มจะไม่อยู่บนภูเขาก็มิอาจถ่วงเวลาล่าช้าไปได้อีกแล้ว
ในฐานะซานจวินของขุนเขาเหนือ เว่ยป้อยังคงทำหน้าที่เปิดร่มใบถงซึ่งเป็นทางเข้าของพื้นที่มงคล คนทั้งกลุ่มจึงทยอยกันเดินเข้าไปในพื้นที่มงคลรากบัว
จูเหลี่ยนผู้ฝึกยุทธขอบเขตยอดเขา เผยเฉียนขอบเขตยอดเขา ชุยตงซานขอบเขตเซียนเหริน เฉาฉิงหล่างผู้ฝึกลมปราณขอบเขตชมมหาสมุทร
ผู้ฝึกกระบี่หมี่อวี้ที่คอขวดขอบเขตหยกดิบใหญ่ราวผืนฟ้า อุตส่าห์มาถึงคอขวดแล้วแต่กลับเหมือนผู้ฝึกกระบี่ทั่วไปที่เพิ่งเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบ
ผู้คุมกฎฉางมิ่งแห่งภูเขาลั่วพั่วที่ราวกับว่าเกิดมาก็ได้ครอบครองวิชาอภินิหารขอบเขตหยกดิบแล้ว หลังจากที่ฝนสีทองห่าใหญ่ตกจากม่านฟ้าลงมาบนโลกมนุษย์สามครั้ง ขอบเขตของนางทุกวันนี้ก็กลายเป็นปริศนาอย่างหนึ่ง
เหวยเหวินหลงผู้ฝึกตนโอสถทองที่มีชาติกำเนิดจากเรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัว เฉินหลิงจวินที่เดินลงลำน้ำสำเร็จ หงเซี่ยที่เคยเดินผ่านหนึ่งลำคลองสี่แม่น้ำ
ผู้ดูแลน้อยเฉินหน่วนซู่ และผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของภูเขาลั่วพั่ว โจวหมี่ลี่
ยังมีเพ่ยเซียงเจ้าแห่งแคว้นหูที่เดิมทีก็อยู่ในพื้นที่มงคลอยู่แล้ว นางสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเสี้ยวหนึ่งที่ม่านฟ้าจงใจเปิดเผยแก่นาง จึงรีบทะยานลมจากแคว้นหูแห่งใหม่ที่เอาไปตั้งวางไว้บนเส้นชายแดนของแคว้นซงไล่ขึ้นมาบนอากาศ ยอบตัวคารวะทุกคนของภูเขาลั่วพั่ว สุดท้ายเลือกไปยืนอยู่ข้างกายหงเซี่ยที่ยืนอยู่ริมสุด
อันที่จริงการเลื่อนระดับขั้นของพื้นที่มงคลในครั้งนี้ พวกอาจารย์ผู้เฒ่าจ้งชิว ผู้ฝึกกระบี่ชุยเหวย ฯลฯ ต่างก็ไม่ได้มาเข้าร่วมพิธีเช่นเดียวกับเจ้าขุนเขาหนุ่ม
ส่วนบางคนนั้นยังไม่เหมาะที่จะมีความเกี่ยวข้องลึกซึ้งเกินไปนัก อย่างเช่นจางเจียเจิน เจี่ยงชวี่ สือโหรวตัวแทนเถ้าแก่แห่งร้านยาสุ้ยตรอกฉีหลง
จูเหลี่ยนยิ้มพลางมอบถุงเงินใบหนึ่งให้เฉาฉิงหล่าง
เฉาฉิงหล่างประหลาดใจอย่างมาก จากนั้นจึงส่ายหน้า “ให้ศิษย์พี่เล็กหรือไม่ก็เผยเฉียนเป็นคนทำเถอะ”
เผยเฉียนเงียบไม่เอ่ยคำใด
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “ให้คนที่ขอบเขตต่ำทำ ค่อนข้างจะเป็นมงคลน่ายินดี”
เฉาฉิงหล่างจนคำพูด
จูเหลี่ยนไม่ได้ดึงมือกลับ เฉาฉิงหล่างจึงได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง รับถุงเงินใบนั้นมา คีบเอาเงินฝนธัญพืชเหรียญหนึ่งในนั้นมา กวาดตามองไปรอบด้าน
เผยเฉียนกล่าว “เงินฝนธัญพืชรวมทั้งสิ้นแปดสิบเอ็ดเหรียญ ค่อยๆ ขว้างไปก็พอแล้ว”
ชุยตงซานทำมุทราก่อน ภาพเหตุการณ์ผิดปกติพลันเกิดขึ้นระหว่างฟ้าดิน
พื้นที่มงคลรากบัว ถ้ำสวรรค์บ่อน้ำ ถ้ำสวรรค์และพื้นที่มงคลผสานเชื่อมโยงกัน
จากนั้นชุยตงซานก็แบฝ่ามือออก เป่าลมใส่สระน้ำขนาดจิ๋วสูงแค่ชุ่นกว่าที่อยู่บนฝ่ามือ ให้มันหล่นลงบนตีนเขาใจกลางพื้นที่มงคล พอหล่นลงพื้นแล้วก็หยั่งรากขยายใหญ่จนเหมือนทะเลสาบ ในน้ำมีดอกบัวม่วงทองดอกหนึ่งที่ส่ายไหวเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาผุดขึ้นมา ใบบัวแต่ละใบล้วนมีขนาดใหญ่เท่าพื้นที่หลายไร่ ดอกบัวยังเป็นเพียงแค่ดอกบัวตูม ไม่ได้บานออก ส่ายสะบัดไปตามสายลม ดอกบัวสีม่วงทองดอกหนึ่งคลายจะเบ่งบานแต่ยังไม่เบ่งบาน
ในบรรดาผู้ฝึกลมปราณในพื้นที่ของพื้นที่มงคลรากบัว มีเพียงคนที่เลื่อนเป็นโอสถทองเท่านั้นที่ถึงจะมองออกอย่างคร่าวๆ เพียงแต่ว่าในพื้นที่มงคลทุกวันนี้ยังไม่มีผู้ฝึกตนเซียนดิน
เฉาฉิงหล่างกำเงินฝนธัญพืชเหรียญหนึ่งไว้แน่น หลอมให้มันกลายเป็นปราณวิญญาณแล้วคลายฝ่ามือออกเบาๆ
ปราณวิญญาณแผ่ซ่านไปทั่วสี่ทิศของฟ้าดิน
เว่ยป้อยิ้มบางๆ หยิบเอาปูน้อยสีทองตัวหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ ก่อนหน้านี้อยู่ดีๆ เจ้าตัวน้อยก็ได้รับโองการคำสั่งให้เดินลงน้ำกลายเป็นเจียว ทำให้ปูน้อยที่พอไปถึงลำน้ำใหญ่ร้อนใจจนหัวหมุน หลี่ซีเซิ่งจึงข่มกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ ถือเสียว่าช่วยให้เป่าผิงน้อยทำตามถ้อยคำหยอกล้อที่เคยเอ่ยกับเจ้าตัวน้อยให้เป็นจริง จากนั้นก็จับอีกฝ่ายจากลำน้ำใหญ่มาไว้บนฝ่ามือ สุดท้ายมอบให้กับเว่ยซานจวินแห่งภูเขาพีอวิ๋น ให้เขานำมามอบให้แก่ภูเขาลั่วพั่ว อีกทั้งยังเอ่ยอย่างชัดเจนว่าให้ไว้ในสระน้ำเป็นทูตผู้ปกป้องน้ำของดอกบัวม่วงทองดอกนั้น
เจ้าปูน้อยหล่นลงไปในสระน้ำ เหนือกระดองหลังของมันก็มีแสงสีทองที่มาจากยันต์โองการเปล่งวาบแล้วหายไป เปลือกห่อหุ้มร่างของเจ้าตัวน้อยพลันถูกถอดจางหาย กลายมาเป็นจวนขนาดใหญ่ยักษ์แห่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกับวังมังกรซึ่งค่อยๆ จมตัวลงไปใต้น้ำ
ส่วนชุยตงซานก็สะบัดชายแขนเสื้อ ร่ายวิชาอภินิหารจักรวาลในชายแขนเสื้อ มีไข่มุกฉิวจูหลายเม็ดประหนึ่งหยาดฝนหล่นลงโลกมนุษย์อย่างต่อเนื่อง พวกมันพากันหล่นไปยังลำธารลำคลองและแม่น้ำในโลกมนุษย์ของพื้นที่มงคล
นี่ก็คือของที่ชิงจงฮูหยิน ซึ่งก็คือ ‘สาวใช้’ ของหลี่หลิ่วมอบให้ อันที่จริงเป็นไข่มุกฉิวจูที่เก็บสะสมมาหลายพันปีของหินพักมังกรของหลุมน้ำลู่ก้อนนั้น นางเอามามอบให้ชุยตงซานหมดในรวดเดียว ถึงอย่างไรของสิ่งนี้ก็ไม่ใช่ของหายากในหลุมน้ำลู่อยู่แล้ว ทว่าสำหรับโชคชะตาน้ำแม่น้ำลำคลองแห่งใดก็ตามในพื้นที่มงคล กลับเป็นของบำรุงชิ้นใหญ่อันดับหนึ่ง
แรกเริ่มสตรีร่างอ้วนท้วนยังรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง รู้สึกว่ามีไข่มุกฉิวจูบางส่วนซึ่งมีลางว่าจะกลายเป็น ‘ไข่มุกเหลือง’ ที่ไม่ควรเอาออกมา นางอยากจะคัดเลือกก่อนสักหน่อย เอาแค่ไข่มุกฉิวจูที่สีสันดีหน่อยมามอบให้ ผลกลับถูกชุยตงซานพ่นน้ำลายแตกฟองใส่เต็มหน้า ไม่เพียงแต่เอาไข่มุกฉิวจูทุกเม็ดที่มีมอบออกไป ยังถูกชุยตงซานขอสมบัติล้ำค่าวิชาน้ำไปอีกชิ้นหนึ่ง
นอกจากนี้สำนักพีหมาของชายหาดโครงกระดูก สวนน้ำค้างวสันต์ จวนไช่เฉวี่ย นครเหนือเมฆ หวนอวิ๋นเจินเหรินผู้เฒ่า ลี่ไฉ่แห่งทะเลสาบกระบี่ฝูผิง หลิวจิ่งหลงแห่งสำนักกระบี่ไท่ฮุย เสิ่นหลินหลิงหยวนกงแห่งลำน้ำจี้ตู๋ หลี่หยวนหลงถิงโหว…
ฮว่อหลงเจินเหรินแห่งยอดเขาพาตี้ สายป๋ายอวิ๋น สายเถาซาน สายยอดเขาจื่อเสวียน สายไท่เสีย ล้วนส่งของขวัญร่วมงานพิธีมามอบให้ภูเขาลั่วพั่ว
ยกตัวอย่างเช่นทะเลสาบกระบี่ฝูผิงที่มีทะเลสาบน้อยใหญ่รวมทั้งสิ้นสิบแปดแห่ง ลี่ไฉ่จึงเอาทะเลสาบหนึ่งในนั้นที่มีชื่อว่า ‘เมฆหมอกขนกระบี่’ น่านน้ำไม่กว้างใหญ่ แต่มีปราณกระบี่เปี่ยมล้น คือหนึ่งในสองสถานที่ชำระล้างกระบี่ขนาดใหญ่ของผู้ฝึกกระบี่เซียนดินทะเลสาบกระบี่ฝูผิง
หรือยกตัวอย่างเช่นสำนักกระบี่ไท่ฮุยที่ไหว้วานให้สำนักพีหมาส่งยอดเขายอดหนึ่งมาให้ หลอมให้กลายเป็นภูเขาจิ๋วขนาดเท่าฝ่ามือ ทว่าขนาดแท้จริงกลับไม่เป็นรองภูเขาฮุยเหมิงเลย
เสิ่นหลินมอบหอเก๋งศาลาที่ทอดยาวติดกันแถบใหญ่ในตำหนักวารีหนันซวินมาให้ ส่วนหลี่หยวนก็เอาลำคลองสีเขียวมรกตที่ชะตาน้ำเข้มข้นสายหนึ่งมามอบให้
หยวนไหลเจ้าเด็กนี่ก็ไม่ขี้เหนียวแม้แต่น้อย ผู้ฝึกยุทธหนุ่มที่ชอบอ่านตำรามากกว่าผู้นี้ได้รับโชควาสนาตระกูลเซียนอย่างหนึ่งมาจากภูเขาทายาทของขุนเขากลาง คือพื้นที่ลับปริแตกทั้งแห่ง ในนั้นซ่อนตำราทองทำเนียบหยกที่มีปราณมังกรเต็มเปี่ยมไว้สองเล่ม พื้นที่ลับที่ปริแตกนั้นมิอาจเคลื่อนย้ายได้ หยวนไหลจึงนำตำราทองทำเนียบหยกที่มีค่ามากที่สุดมามอบให้ภูเขาลั่วพั่ว
เว่ยป้อซานจวินแห่งภูเขาพีอวิ๋น แน่นอนว่าไม่มีทางไม่แสดงท่าที
ส่วน ‘โจวเฝย’ ผู้ถวายงานของภูเขาลั่วพั่วที่ใช้สถานะของเจ้าประมุขสกุลเจียงวางเดิมพันไว้ในพื้นที่มงคล ตอนที่ช่วยพื้นที่มงคลรองรับชาวบ้านลี้ภัยก็ได้เตรียมของขวัญหนักชิ้นหนึ่งไว้เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ฟ่านเอ้อเจ้าประมุขหนุ่มของตระกูลฟ่านนครมังกรเฒ่า ซุนเจียซู่เจ้าประมุขตระกูลซุน เมื่อแต่ละคนได้รับจดหมายลับไปจากภูเขาลั่วพั่วต่างก็พากันส่งของขวัญมาให้
ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่สำนักกระบี่หลงเฉวียน หร่วนฉงก็ยังให้หลิวเสี้ยนหยางนำของขวัญหนักชิ้นหนึ่งมามอบให้ภูเขาลั่วพั่ว
เมื่อเฉาฉิงหล่างโยนเงินฝนธัญพืชซึ่งนับถอยหลังเป็นเหรียญที่สอง
ฟ้าดินก็พร้อมใจกันส่งเสียงขานรับ
เฉาฉิงหล่างโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก จากนั้นลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อชุดเขียวก็ประสานมือคารวะไปยังสี่ทิศของฟ้าดินอย่างเคร่งขรึมจริงจัง
คนอื่นๆ ที่เหลือก็คารวะฟ้าดินด้วยพิธีการเช่นเดียวกันนี้ บ้างก็ประสานมือ บ้างก็กุมหมัด บ้างก็ยอบตัวคารวะ
วัตถุดิบวิเศษแห่งฟ้าดินแต่ละชิ้นพากันผุดโผล่ขึ้นมาตามสถานที่ต่างๆ ของโลกมนุษย์
โชควาสนาบนเส้นทางการฝึกตนทั้งหลายก็ยิ่งปรากฏไม่ขาดสาย
ผีและวิญญาณวีรบุรุษตามสถานที่ต่างๆ ที่เดิมทียังล่องลอยไปทั่วอย่างมึนๆ งงๆ รวมถึงพวกภูตแห่งขุนเขาสายน้ำต่างก็รวมตัวกันขึ้นเป็นจิตวิญญาณที่แท้จริง บ้างก็ตามหาเค้าโครงร่างชื่อจริงได้เจอ สติปัญญาเริ่มเปิดออกและได้เหยียบย่างลงบนเส้นทางการฝึกตนอย่างแท้จริง
อาณาเขตของสี่แคว้น ปราณวิญญาณฟ้าดินเริ่มมารวมตัวกันโดยอัตโนมัติ กลายมาเป็นพื้นที่ฮวงจุ้ยดีเยี่ยมใหม่เอี่ยมหลายแห่ง
ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อฉางมิ่งผู้คุมกฎแห่งภูเขาลั่วพั่วดีดนิ้ว ฝนสีทองพร่างพราวก็ตกกระหน่ำลงมา ราวกับได้รับคำสั่งจึงแผ่ปกคลุมทั่วพื้นดิน มอบความชุ่มชื้นให้กับขุนเขาสายน้ำหมื่นลี้
ชุยตงซานกระโดดขึ้น ชายแขนเสื้อสองข้างโบกสะบัด ท่องคำว่า ‘สั่ง’ สองรอบซ้ำกัน
ทันใดนั้นก็มีจุดแสงหนึ่งจุดผุดตามคำกล่าวของเขาแล้วพุ่งขึ้นไปราวกับเซียนกระบี่ที่เหยียบอยู่กลางอากาศ
เวลาเดียวกันนั้น ไม่เพียงแต่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ปรากฏตัวกลางนภาพร้อมกัน ยังคล้ายจะสว่างกว่าปกติหลายส่วนด้วย
หลังจากพลิ้วกายลงบนพื้นแล้ว ชุยตงซานก็ถอนหายใจหนึ่งที
ทุกเรื่องล้วนเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ขาดก็แค่อาจารย์กลับคืนมายังบ้านเกิด
ขาดแค่ลมหิมะที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดที่จะพาคนในครอบครัวของภูเขาลั่วพั่วกลับคืนมายามค่ำคืนเท่านั้น
——