บทที่ 2205 ชีวิตโหดร้ายแบบนี้แหละ + ตอนที่ 2206 ช่วยได้ก็ช่วย

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2205 ชีวิตโหดร้ายแบบนี้แหละ

หลังจากส่งผลงานจบการศึกษาไปความจริงก็ถือว่าเรียนจบแล้ว แต่ยังต้องเข้าร่วมพิธีจบการศึกษาเพื่อเข้ารับใบจบการศึกษาถึงจะนับว่าสิ้นสุดการศึกษาอย่างแท้จริง

พิธีจบการศึกษาถูกกำหนดขึ้นในอีกสิบวันให้หลังซึ่งคาดว่าอยู่ประมาณกลางเดือนมิถุนายน จู่ ๆเหมยเหมยก็รู้สึกใจหวิวขึ้นมา ช่างเป็นความเศร้าของวันเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปและความสลดของการจากลา

เพื่อนร่วมห้องกันมาสี่ปีแม้จะเคยเกิดข้อบาดหมางระหว่างกันบ้าง ปกติก็ไม่ถือว่ามีปฏิสัมพันธ์กันมากเท่าไรนักแต่ระหว่างเพื่อนร่วมชั้นมีมิตรภาพกันอยู่แล้ว เมื่อต้องจากกันไปคงรู้สึกเศร้าใจไม่มากก็น้อย

“เฮ้อ ห้องเรามีเพื่อนกว่าครึ่งห้องที่ไม่ได้ใบตอบรับจากที่ทำงาน” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคีบหมูตุ๋นน้ำแดงมาหนึ่งชิ้นพลางถอนหายใจยาวเหยียด แต่กลับไม่ส่งผลต่อความอยากอาหารของเธอที่ยังคงทานได้อย่างเอร็ดอร่อย

มื้อเที่ยงเหมยเหมยเชิญชวนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อมาทานข้าวที่บ้าน เหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่บ้าน ช่วงนี้เขางานยุ่งมากดึกดื่นถึงจะกลับบ้าน เวลานั้นเหมยเหมยหลับไปแล้วทำให้ทั้งคู่ได้สนทนากันเพียงไม่กี่ประโยคในช่วงเช้าเท่านั้น

เหมยเหมยรู้ว่าเป็นเพราะเหยียนหมิงซุ่นเตรียมเก็บแหจัดการหนิงเฉินเซวียนแล้ว ความพยายามในหลายปีจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้ ฉะนั้นถึงได้ลุยงานไม่หยุดหย่อน เธอช่วยอะไรไม่ได้จึงจะเป็นตัวถ่วงให้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้เช่นกัน

ดังนั้นเธอไม่เคยถามไถ่อะไรแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง วัน ๆนอนให้เต็มอิ่มกินเต็มท้อง ดูแลตัวเองและลูกให้ดีเพื่อไม่ให้เหยียนหมิงซุ่นเสียสมาธิก็นับว่าช่วยได้มากที่สุดแล้ว

ฝีมือการทำอาหารของป้าฟางยังคงอร่อยเช่นเคย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานไม่หยุดคีบหมูตุ๋นน้ำแดงชิ้นแล้วชิ้นเล่าจนหน้าดูอิ่มเอม

สีหน้าฉีฉีเก๋อดูเคร่งเครียดอยู่บ้างและไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไร แถมยังไม่ค่อยช่างพูดเหมือนแต่ก่อน เธอทานข้าวเงียบ ๆ เป็นผู้ฟังอยู่อย่างเดียว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานเนื้ออีกหนึ่งชิ้นก่อนเอ่ยต่อ “แต่เพื่อนส่วนมากเลือกจะอยู่เมืองหลวงต่อ”

เหมยเหมยถามด้วยความตกใจ “แต่พวกเขาไม่มีงานนะแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไร?”

ถูกส่งกลับบ้านเกิดอย่างน้อยก็มีงานที่มั่นคง แต่เลือกอยู่เมืองหลวงต่อก็เท่ากับว่าเป็นคนว่างงาน พวกเขาจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ชีวิตกัน?

“แล้วจะทำอย่างไรได้ล่ะ? ทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วยก็หางานไปด้วยน่ะสิ ต้องลำบากแน่ละ แต่ถ้าไม่ลำบากแล้วจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนค่อนข้างชื่นชมเพื่อนที่มีความกล้าจะอยู่ต่อ

หากเปลี่ยนเป็นเธอที่ไม่มีแรงสนับสนุนจากครอบครัว ไม่มีพื้นหลังใด ๆ อยู่ตัวคนเดียวคงไม่มีความกล้าจะอยู่ต่อไป

เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ชีวิตก็โหดร้ายอย่างนี้แหละ คนที่ไม่ต้องห่วงชีวิตอย่างเธอ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อมีความสุขมากจริง ๆ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดต่อ “ฉันรับเพื่อนสองคนเข้ามาทำงานในบริษัทฉัน คนหนึ่งห้องเรา อีกคนห้องอิงจวี้กัง”

เหมยเหมยเลิกคิ้วพร้อมพูดกลั้วหัวเราะ “ยินดีด้วยยินดีด้วย ดูท่าบริษัทเธอต้องไปไกลแน่นอน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าได้ใจ นานทีจะพูดอ่อนน้อมสักหน่อย “ไม่หรอก ๆเพราะผู้ชายของเธอดูแลต่างหาก”

กระทั่งตอนนี้ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทโฆษณาเธอก็คือบริษัทโฆษณาลูกพี่ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่น เวลาบริษัทแม่งานชุกชุมก็จะเหมาเอางานเล็ก ๆมาให้บริษัทเล็กทำ เรื่องเช่นนี้พบเจอได้ทั่วไปไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในวงการ

สำหรับบริษัทใหญ่พวกนั้นแล้วโฆษณาน้อยนิดแค่นี้ไม่ได้ทำเงินให้สักเท่าไรหรอก แต่สำหรับบริษัทขนาดเล็กของเธอกับอิงจวี้กัง งานพวกนี้มากพอจะทำให้เธอไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทองไปอีกนาน

เหมยเหมยเองก็ขำด้วยอีกคน “นั่นก็เพราะพวกเธอทำได้ดีไง ลูกพี่ลูกน้องของพี่หมิงซุ่นเข้มงวดมากเลยนะ ถ้าพวกเธอทำได้ไม่ดีเขาไม่ยอมไว้หน้าพี่หมิงซุ่นหรอก!”

“ก็ต้องทำให้ดีอยู่แล้วสิ ฉันจะทำให้เธอขายหน้าไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ตามคำโบราณที่ว่าอาจารย์รับลูกศิษย์เข้าสำนัก แต่วิชาการฝึกฝนขึ้นอยู่กับตัวบุคคลไงล่ะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบหน้าอก รู้สึกซาบซึ้งเหมยเหมยอย่างมาก

บรรษัทข้ามชาติอย่างไท่หนิงกรุ๊ป หากไม่ใช่เพราะเหมยเหมยเธอคงไม่มีทางก้าวเข้าประตูได้ด้วยซ้ำ!

เหมยเหมยเป็นผู้มีพระคุณของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจริง ๆ!

………………………..

ตอนที่ 2206 ช่วยได้ก็ช่วย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “แต่บริษัทฉันเล็กเกินไปไม่อย่างนั้นคงช่วยเพื่อนได้อีกหลายคน อย่างไรเสียก็เพื่อนกัน ทนเห็นพวกเขาลำบากไม่ได้จริง ๆ”

เหมยเหมยอมยิ้มพลันฉุกนึกถึงภาพครั้งแรกที่เธอเจอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขึ้นได้ ช่างเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย เมื่อนั้นเธอหลงคิดว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนโลภที่เห็นแก่เงินจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องอยู่ให้ห่างจากหญิงสาวคนนี้เอาไว้

แต่ใครจะรู้เล่า ถึงคุณหนูใหญ่เหริ่นจะเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ก็จริง เห็นเงินเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่ความกระตือรือร้นชอบช่วยเหลือผู้อื่นขี้ใจอ่อนก็เป็นเรื่องจริง เป็นเพื่อนที่คู่ควรคบหาด้วย

ฉะนั้นความประทับใจแรกใช่ว่าจะเชื่อถือได้เสมอ

“เธอทำสุดความสามารถแล้ว อย่าคิดมากไปเลย ในเมื่อนี่เป็นการตัดสินใจของพวกเขา งั้นพวกเขาก็ต้องเตรียมใจพร้อมจะลำบากแล้วแน่ ๆ” เหมยเหมยพูดปลอบ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า “ฉันก็พูดไปงั้นแหละ มีความสามารถแค่ไหนก็ทำเท่านั้นเถอะ”

เหมยเหมยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ย “เอางี้แล้วกัน เธอไปบอกเพื่อนพวกนั้นทีว่าพิพิธภัณฑ์ศิลปะของแม่ฉันสามารถช่วยขายรูปวาดของพวกเขาได้และอาจจะมีงานจ้างเฉพาะงานบ้าง ถ้าพวกเขาสนใจก็ให้ไปติดต่อพิพิธภัณฑ์แม่ฉันได้ ถ้าพวกเขามีความสามารถก็พอหาเงินใช้ประทังชีวิตได้แหละ”

จู่ ๆเธอก็เกิดความคิดขึ้นมาชั่วขณะ อย่างไรเสียก็เป็นเพื่อนกัน ช่วยได้ก็ช่วยกันไป

ในเวลานี้เหยียนซินหย่าเป็นศิลปินชื่อดังระดับโลกบวกกับมีลูกค้าที่เซียวจิ่งหมิงแนะนำมาจึงทำให้พิพิธภัณฑ์ศิลปะของเธอขายดีไม่น้อย มีลูกค้ามาสั่งวาดรูปประจำหรือที่เรียกกันว่ารูปภาพทางพาณิชย์ ซึ่งจะมีส่วนแบ่งให้ทั้งพิพิธภัณฑ์และนักวาด

พิพิธภัณฑ์อื่นส่วนมากจะแบ่งสัดส่วนเป็นสามต่อเจ็ดหรือหกต่อสี่ พิพิธภัณฑ์จะรับมากหน่อย ส่วนนัดวาดจะรับน้อยหน่อย ถึงขั้นมีแบ่งสัดส่วนสองต่อแปดก็ยังมี แต่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนเหมยเหมยจะบอกเหยียนซินหย่าให้ช่วยแบ่งเป็นสี่ต่อหก พิพิธภัณฑ์หกส่วนนัดวาดสี่ก็ย่อมได้ แต่หากมากกว่านั้นคงไม่ได้เพราะจะทำลายกฎระเบียบของสายอาชีพนี้เอา

ความจริงเรื่องฝากขายก็แค่พูดให้น่าฟังเท่านั้น นักวาดที่ไร้ชื่อเสียงพวกนี้แถมยังเพิ่งเรียนจบ ฝีมือการวาดยังค่อยโดดเด่นเท่าไรนัก ภาพวาดของพวกเขาไม่มีใครอยากซื้อ ฉะนั้นเหมยเหมยจึงคิดว่าพวกเขาเหมาะกับการวาดรูปเชิงพาณิชย์ไปก่อนระยะหนึ่ง

หลายปีมานี้รูปเชิงพาณิชย์ค่อนข้างเป็นที่นิยม ชนชั้นกลางส่วนหนึ่งชอบสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อจะแสดงถึงรสนิยมด้านศิลปะของพวกเขาได้

แต่สำหรับนักวาดรูปแล้ว การวาดภาพเชิงพาณิชย์เป็นเรื่องน่าเบื่อเพราะถูกกฎเกณฑ์ตีกรอบ ไม่มีอิสระและจิตวิญญาณในการออกแบบ นักวาดที่มีความเป็นตัวเองสูงมักจะไม่ยอมวาด คนที่วาดส่วนมากเป็นนักวาดวัยหนุ่มสาวที่ถูกชีวิตบีบบังคับให้ทำเช่นนั้น

แต่ต่อให้เบื่อเพียงใดก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการหาเงินเลี้ยงชีพที่ดีไม่หยอก มีนักวาดมากมายเคยวาดรูปเชิงพาณิชย์มาก่อนจะเป็นนักวาดชื่อดังเช่นกัน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีใจมาก “เหมยเหมยเธอเป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเขาจริง ๆ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จฉันจะไปบอกพวกเขานะ”

เหมยเหมยหยิบนามบัตรผู้รับชอบดูแลพิพิธภัณฑ์ของเหยียนซินหย่าจากลิ้นชักให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “เธอให้พวกเขาไปติดต่อผู้จัดการหลิวคนนี้ บอกว่าฉันเป็นคนแนะนำเอง เดี๋ยวฉันจะไปบอกผู้จัดการหลิวไว้แล้วกัน”

ผู้จัดการหลิวเป็นผู้จัดการดูแลพิพิธภัณฑ์มืออาชีพที่เซียวจิ่งหมิงแนะนำมา อดีตเคยทำงานในพิพิธภัณฑ์ของเซียวจิ่งหมิงมาก่อนแต่ภายหลังด้วยเหตุผลทางสุขภาพเลยขอลาออกพักฟื้นอยู่บ้านหลายปี เซียวจิ่งหมิงจึงแนะนำให้เขาไปทำงานกับเหยียนซินหย่า ความสามารถดีไม่เบา พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การจัดการดูแลเป็นระบบระเบียบของเขาทำให้เหยียนซินหย่าไม่ต้องกังวลอะไรเลย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเก็บนามบัตรไว้อย่างดี แก้ปัญหาเรื่องใหญ่ได้เธอก็มีอารมณ์สอดรู้เรื่องชาวบ้านอีกแล้ว

“ฉีฉีเก๋อ ช่วงนี้เธอเป็นอะไรไป? ข้าวน้ำไม่กิน จนเกือบจะเป็นสาวอมทุกข์ไปแล้วนะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบ่น

……………………..