บทที่ 753.1 ไม่มีความบังเอิญก็ไม่อาจแต่งตำรา

กระบี่จงมา! Sword of Coming

ค่ำคืนวันขึ้นสิบห้าค่ำ แสงจันทร์เหมือนสายน้ำ ยามค่ำคืนจึงสว่างราวกับกลางวัน หาดหินหวงเฮ้อหนึ่งในสิบแปดทัศนียภาพของพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา ทิวทัศน์งามเลิศล้ำ ค่ำคืนนี้ก็ยิ่งชวนให้จิตใจคนหวั่นไหว ศาลาชมทัศนียภาพแห่งหนึ่งสร้างขึ้นบนหน้าผาหิน เด็กหนุ่มชุดขาวที่อยู่ในศาลากระดกก้นขึ้น ฟุบตัวลงบนราวกั้นหลุบตาลงต่ำมองสายน้ำไหล พื้นผิวแม่น้ำกว้างขวาง คลื่นลมสงบนิ่ง

ด้านนอกหาดหินหวงเฮ้อคือแม่น้ำแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าหลิวเซียนคู เกิดจากการรวมตัวกันของสามลำคลองสิบแปดลำธารที่มาบรรจบกันซึ่งมีลำคลองโหยวโอ่วฉือ และลำธารกู่เยี่ยนเป็นหนึ่งในนั้น หลังจากไหลผ่านวัดจินซานที่ตั้งอยู่ตอนบนของหาดหินฮวงเฮ้อ กระแสน้ำก็พลันเปลี่ยนเป็นไหลช้าเรียบนิ่ง สงบสบายตา พอมาเจอกับหาดหินหวงเฮ้อก็เหมือนหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นคนชนบทได้แต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลสูงศักดิ์ นิสัยของนางจึงต้องเปลี่ยนมาเป็นเพียบพร้อมมีคุณธรรม

เคยมีเซียนกระบี่ยุคโบราณคนหนึ่งมาเมามายอยู่ในศาลาแห่งนี้ และมีเรื่องเล่าของการพิฆาตยุงเหนือแม่น้ำเล่าลือออกไป

เด็กหนุ่มชุดขาวก้มหน้าพึมพำ “เพราะใจคนเหมือนน้ำไหล ดวงจันทร์ในน้ำจึงเป็นดั่งเรือ”

เจียงซ่างเจินถอดรองเท้านั่งเอนหลังพิงเสาศาลา ในมือถือจอกเหล้า เหล้าหมักตระกูลเซียนที่อยู่ในจอกมีชื่อว่าเหล้าแสงจันทร์ จอกเหล้าทำมาจากกระเบื้องขาว สุราสีเหมือนหิมะขาวโพลน เจียงซ่างเจินแกว่งจอกเหล้าเบาๆ ยิ้มเอ่ย “ประโยคนี้ของตงซานเรียกว่าถ้อยคำแห่งเทพเซียนได้เลยนะ”

เด็กหนุ่มชุดขาวก็คือชุยตงซาน เพราะสัมผัสได้ถึงเหตุการณ์ผิดปกติที่ภูเขาไท่ผิง เขาจึงรีบเดินทางจากที่ตั้งเก่าของขุนเขาใต้ ทุ่มสุดชีวิตเพื่อเดินทางไกลข้ามทวีปมา เซียนเหรินคนหนึ่งที่เพื่อเร่งเดินทางแล้วถึงกับยอมให้ตัวเองมีจุดจบที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ปราณวิญญาณถูกผลาญหมดสิ้น ทอดสายตามองไปทั่วทั้งใต้หล้าไพศาลก็ยังพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก

และในฐานะเจ้าของพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา เจียงซ่างเจินเดินทางมาเยือนพื้นที่มงคลบ้านของตน แต่กลับยังร่ายเวทอำพรางตา สวมกวานหยวนโหยวหยกขาวใสแวววาว สวมชุดสีเขียวรัดเข็มขัดเหลือง สวมรองเท้าปักลายเมฆ เป็นการแต่งตัวที่แตกต่างจากบัณฑิตชุดเขียวยากจนที่ปีนั้นไปเยือนโรงเตี๊ยมนอกเมืองหูเอ๋อร์ริมชายแดนของต้าเฉวียนอย่างสิ้นเชิง

เฉินผิงอันนอนหลับอยู่ในเรือนพักส่วนตัวของสกุลเจียงบนยอดเขาอวิ๋นจี๋ที่มีการป้องกันอย่างเข้มงวดเกือบสิบวันแล้ว เขาหลับลึก หลับสนิทอย่างมาก จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ตื่น ชุยตงซานนั่งเฝ้าอยู่บนธรณีหน้าประตูห้องคนเดียวถึงสามวันสามคืนเต็มๆ เจียงซ่างเจินทนดูต่อไปไม่ไหวเลยมอบปิ่นหยกขาวให้กับชุยตงซาน ชุยตงซานมองเห็นพวกเด็กๆ ที่มาจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ถึงได้พอจะคืนสติกลับมาได้บ้าง กลับมามีมาดอย่างในอดีตทีละน้อย ยามสนธยาของวันนี้ เจียงซ่างเจินเสนอว่าไม่สู้ไปดื่มสุราชมจันทร์ที่หาดหินหวงเฮ้อ ชุยตงซานจึงพาพวกเด็กๆ ที่ยินดีออกจากบ้านไปเดินเล่นมาผ่อนคลายจิตใจที่นี่ด้วยกัน

เจียงซ่างเจินใจกว้างใช้เงินมือเติบ อีกทั้งน้ำยังเข้าสมอง จึงถึงขั้นทุ่มทองพันชั่งให้วันนี้หาดหินหวงเฮ้อปิดประตูไม่ต้อนรับแขก ลูกหลานสกุลเจียงที่ทำหน้าที่ดูแลหาดหินหวงเฮ้อได้เงินฝนธัญพืชก้อนนั้นไปแล้วก็ร่วมมือกับเค่อชิงผู้ถวายงานของทางตระกูลปิดเส้นทางขุนเขาสายน้ำจากสำนักกุยหยกจนมาถึงหาดหินหวงเฮ้อแห่งนี้ แล้วยังต้องขัดขวางเจ๋อเซียนของพื้นที่มงคลทุกคนที่ตั้งใจจะมาชมทัศนียภาพที่หาดหินหวงเฮ้อเอาไว้ด้วย

ทัศนียภาพสิบแปดแห่งของพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาตั้งอยู่แถบริมอาณาเขตขุนเขาสายน้ำ สกุลเจียงต้องทุ่มเงินเทพเซียนจำนวนมากเชื้อเชิญนักสำรวจชัยภูมิและอาจารย์ค่ายกลสำนักโม่ ให้มาร่วมมือกันสร้างค่ายกลขุนเขาสายน้ำย่อพื้นที่แห่งหนึ่งที่เชื่อมโยงอยู่ด้วยกัน เพื่อสะดวกให้พวกเจ๋อเซียนท่องเที่ยวไปได้ตลอดทาง ยกตัวอย่างเช่นหาดหินหวงเฮ้อนี้ก็คือศูนย์กลางที่เชื่อมโยงยอดเขาอวิ๋นจี๋และภูเขาเหล่าจวินไว้ด้วยกัน นี่เป็นเหตุให้เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่มาท่องเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่จึงมักจะไปเยือนสิบแปดทัศนียภาพให้ครบหมดในรวดเดียว อีกทั้งสิบแปดทัศนียภาพของถ้ำเมฆายังขึ้นชื่อว่าเป็นถ้ำละลายทอง ขอแค่มีเงินอยู่ในกระเป๋าก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มว่าจะไม่มีที่ให้ใช้จ่าย

ก่อนหน้านี้เจียงซ่างเจินถือโอกาสมอบแผ่นหยกถือศีลที่เท่ากับเป็นเอกสารผ่านด่านชิ้นหนึ่งให้กับเด็กๆ สี่คนคนละแผ่น ไม่เพียงแต่ไปเที่ยวภูเขาเหล่าจวินได้ตามใจปรารถนา ในมือของพวกเด็กๆ ที่ถือครองป้ายถือศีลลำดับหนึ่งของพื้นที่มงคลยังสามารถเก็บหินฝนหมึกที่ภูเขาเยี่ยนซานมาได้อีกด้วย เป็นหินที่มีเอกลักษณ์ซึ่งนำไปสร้างเป็นแท่นฝนหมึกมังกรน้ำหนึ่งในสิบแท่นฝนหมึกที่มีชื่อเสียงของตระกูลเซียน ขอแค่ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนไม่ใช้วิชาอภินิหารจักรวาลในชายแขนเสื้อ อย่างอื่นๆ อย่าว่าแต่สะพายตะกร้าไม้ไผ่ แบกถุงป่านขึ้นเขาเลย ต่อให้ใช้วัตถุฟางชุ่นหรือวัตถุจื่อชื่อก็ล้วนไม่ถูกห้ามปราม ภูเขาเยี่ยนซานนั้นใหญ่มาก สกุลเจียงขุดค้นมานานหลายพันปีก็ยังไม่มีลางว่าจะถูกเผาผลาญจนหมดสิ้น น่าหลันอวี้เตี๋ยหนึ่งในเด็กสี่คน พอแม่นางน้อยได้ยินเรื่องนี้ก็มีสีหน้าสดใสทันใด เพียงแต่ว่าไม่กล้าเปิดปากขอยืมวัตถุจื่อชื่อจากชุยตงซานและ ‘โจวเฝย’ เพียงแค่ให้เหยาเสี่ยวเหยียนกับเฉาเฉิงลู่เตรียมสมบัติของบ้านตัวเองไว้ให้ดี พอไปถึงภูเขาเยี่ยนซานแล้วจะต้องขุดกวาดหน้าดินให้หนักสักรอบ จะต้องกลับมาพร้อมของเต็มไม้เต็มมืออย่างแน่นอน ส่วนป๋ายเสวียนนั้นก็ช่างเถิด นางเกลี้ยกล่อมไปเขาก็ไม่ฟัง

ดังนั้นพอออกจากยอดเขาอวิ๋นจี๋มาถึงหาดหินหวงเฮ้อ น่าหลันอวี้เตี๋ยก็ไม่มีอารมณ์จะเดินเล่นแม้แต่น้อย นางถามจากโจวเฝยตามตรงว่าประตูใหญ่ค่ายกลของภูเขาเหล่าจวินอยู่ที่ใด จากนั้นก็พาสหายชักเท้าออกวิ่งจากไปอย่างรีบร้อน

ตอนนั้นชุยตงซานที่มองดูอยู่รู้สึกสะท้อนใจยิ่งนัก แม่นางน้อยที่ในสายตามีแต่เงินผู้นี้ ถูกชะตากับภูเขาลั่วพั่วอย่างมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะปรับตัวไม่ได้แล้ว

เจียงซ่างเจินหันมายกจอกเหล้าให้ชุยตงซาน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ขุนเขาสายน้ำหมื่นลี้แตกสลาย ดวงจันทร์กลับยังกลมโต โชคดีได้เชิญท่านมาชมจันทร์ร่วมกัน มาดื่มเหล้าร่วมกันที่นี่”

ชุยตงซานกลับมานั่งบนม้านั่งยาว หยิบกาเหล้าและจอกเหล้ากระเบื้องขาวใบหนึ่งขึ้นมา พึมพำประโยคหนึ่งว่ารินเหล้าเต็มจอกเพื่อท่าน ตะวันจันทราล่องลอยอยู่ในจอกของท่าน จากนั้นก็ชูจอกเหล้าขึ้นสูง ยิ้มดื่มร่วมกับเจียงซ่างเจินหมดจอก

ชุยตงซานส่งเสียงซูดหนึ่งที แล้วทำท่าทางเหมือนคนถูกฟ้าผ่า ตาเหลือกขึ้นบน ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านไม่หยุด ปากก็ร้องครวญอืออาไปด้วย เจียงซ่างเจินเกือบจะเข้าผิดคิดว่าถูกใครวางยาพิษในเหล้าเสียแล้ว

แล้วชุยตงซานก็ส่งเสียงเรอออกมา ก่อนจะชวนคุยว่า “เหวยอิ๋งเหมือนเจ้าเกินไปแล้ว หลายสิบปีร้อยปีแรกยังพูดได้ง่าย สำหรับสำนักพวกเจ้าถือเป็นเรื่องดี ด้วยนิสัยและฝีมือของเขา สามารถรับประกันได้ว่าสำนักกุยหยกจะต้องเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ วัน แต่ในนี้ก็มีปัญหาที่ใหญ่ที่สุดอยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือหากวันหน้าเหวยอิ๋งคิดจะเป็นตัวเองก็ได้แต่เลือกสังหารเจียงซ่างเจินแล้ว”

ไม่เพียงแต่พูดจายุแยง ยังตกเป็นที่ต้องสงสัยว่าคิดจะเสี้ยมเขาควายให้ชนกันระหว่างเจ้าสำนักสองคนของสำนักกุยหยก

แต่เจียงซ่างเจินกลับฟังเข้าใจความหมายของชุยตงซาน ถึงอย่างไรสำนักกุยหยกก็เป็นสำนักกุยหยกของเหวยอิ๋งแล้ว เหวยอิ๋งเป็นคนทะเยอทะยาน ปณิธานสูงส่งยาวไกล ไม่มีทางยอมกลายเป็นเจียงซ่างเจินคนที่สองอย่างแน่นอน

มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าวันหน้ารากฐานและกลยุทธในการหยัดยืนของสำนักกุยหยก วิธีการสะสมความสัมพันธ์ควันธูปบนภูเขา ล้วนจะจงใจทำให้ตรงกันข้ามกับเจียงซ่างเจิน และตราประทับที่เจ้าสำนักสองคนอย่างเจียงซ่างเจินและสวินยวนได้นาบเอาไว้ก็จะต้องถูกเหวยอิ๋งทยอยลบทิ้งไป สุดท้ายสำนักกุยหยกก็จะเป็นแค่สำนักกุยหยกของเหวยอิ๋งเพียงคนเดียว จากนั้นผ่านไปอีกร้อยกว่าปี สภาพการณ์ของเจียงซ่างเจินในสำนักกุยหยกจะยิ่งเปลี่ยนมาเป็นน่ากระอักกระอ่วน สถานการณ์ของสกุลเจียงและพื้นที่มงคลถ้ำเมฆามีแต่จะลุ่มลึกชวนให้ขบคิดมากขึ้นในทุกๆ วัน เว้นเสียจากว่าเจียงซ่างเจินถอนตัวออกไปอย่างสิ้นเชิง เก็บซ่อนตัวตนไม่เปิดเผยหน้าตาอีก เป็นเจ้าสำนักไท่ซ่างไม่ได้ จะให้วิ่งไปเป็นเจ้าสำนักของสำนักเบื้องล่างที่อยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนก็ไม่ได้ และด้วยนิสัยของเจียงซ่างเจินก็ไม่มีทางยอมอุดอู้อยู่ในพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาอย่างแน่นอน ทางถอยเพียงหนึ่งเดียวก็คือออกเดินทางไปทั่วสารทิศ ประดุจนกกระเรียนที่โบยบินอย่างอิสระเสรี ไม่ได้บอกว่าเหวยอิ๋งจะมองเจียงซ่างเจินที่คุณูปการด้านการสู้รบเป็นเลิศในใบถงทวีปเป็นศัตรู แต่โอรสสวรรค์หนึ่งรัชสมัยก็มีขุนนางหนึ่งรัชสมัย คนข้างกายและสถานการณ์ของสำนักจะต้องบีบให้เหวยอิ๋งทำให้เจียงซ่างเจินเหลือแต่มาดที่ว่างเปล่า อันที่จริงสถานการณ์การที่สามารถคาดการณ์ไว้ได้ล่วงหน้าประเภทนี้เป็นสิ่งที่เจียงซ่างเจินรนหาที่เอง เจียงซ่างเจินยอมถอยออกจากตำแหน่งเร็วเกินไป สามารถรอให้เหวยอิ๋งเป็นขอบเขตบินทะยานก่อนค่อยว่ากันก็ยังได้ ถึงเวลานั้นเหวยอิ๋งมารับหน้าที่เป็นเจ้าสำนักต่อก็ถือว่าชอบธรรมสมเหตุสมผล และเจียงซ่างเจินเองก็ได้ประคับประคองลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนสนิทกลุ่มใหญ่ขึ้นมาได้อีก ยกตัวอย่างเช่นคนรุ่นเยาว์ของสำนักกุยหยกที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงยินดีบูชาเจียงซ่างเจินเป็นดั่งเทพเจ้า รอกระทั่งพวกคนมีพรสวรรค์รุ่นเยาว์เหล่านี้พากันเติบโตขึ้นมา ศาลบรรพจารย์บนยอดเขาเสินจ้วนก็แทบจะมีแต่ผู้ติดตามเขาเจียงซ่างเจินทั้งหมด นับจากนี้ไปในเวลาพันปี เจียงซ่างเจินก็จะเป็นเจ้าแห่งหนึ่งสำนัก เป็นผู้นำเซียนซือของหนึ่งทวีปได้สมชื่ออย่างแท้จริง

เจียงซ่างเจินยิ้มกล่าว “เดิมทีข้าผู้แซ่เจียงก็เป็นเจ้าสำนักที่พาสำนักข้ามไปส่งให้ถึงฝั่งเท่านั้น อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนของในทวีปเลย ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนทำเนียบวงศ์ตระกูลของสำนักบ้านตัวเองก็จดจำข้าได้แค่ไม่กี่ปีหรอก”

ชุยตงซานเงยหน้าขึ้น พูดกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “ผู้ถวายงานโจวเป็นคนที่ชอบดูถูกตัวเองหรือนี่? ทำไมเมื่อก่อนข้าไม่เคยรู้เลย”

เจียงซ่างเจินเอนหลังพิงเสา ยกขานั่งไขว่ห้าง จิบสุราแสงจันทร์ในจอกหนึ่งคำ เอ่ยว่า “พูดไปพูดมาก็ยังคงเป็นข้าที่ขี้เกียจ คนอื่นเขาร้องขอแต่ก็ยังไม่ได้มา ข้ากลับโยนทิ้งเหมือนรองเท้าคู่เก่า หากทำเรื่องที่สมเหตุสมผล ข้าก็ไม่ใช่เจียงซ่างเจินแล้ว”

ชุยตงซานเองก็ไม่ยินดีจะพูดคุยเรื่องของสำนักกุยหยกให้มากความ ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องในบ้านของคนอื่น มองดูหาดหินหวงเฮ้อที่เงียบสงบไร้ผู้คนก็พูดบ่นว่า “เอิกเกริกถึงเพียงนี้ สั่งห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวมาที่หาดหินหวงเฮ้อ ทางท่าเรือยอดเขาอวิ๋นจี๋และภูเขาเหล่าจวินคงมีเสียงบ่นดังระงมแน่แล้ว เจ้าทำอะไรของเจ้า มีความจำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยหรือ หากอาจารย์ข้ารู้เข้าจะต้องด่าเจ้าว่าเป็นพวกล้างผลาญแน่นอน”

เจียงซ่างเจินยิ้มกล่าว “ข้าใช้สถานะของเจ๋อเซียนนักท่องเที่ยวควักเงินตัวเองจ่ายเองนะ ไม่ได้ทำให้สกุลเจียงพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาได้เงินน้อยลงสักเหรียญเกล็ดหิมะสักหน่อย แล้วยังให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดเป็นเท่าตัว ข้าไม่ได้ขอเงินจากทางตระกูลมาใช้นานมากแล้ว เอาแต่เก็บไว้ที่นั่นไม่มีการเคลื่อนไหว เงินส่วนแบ่ง ผลกำไรของแต่ละปีล้วนไหลมาเทมาอยู่บนสมุดบัญชี ตอนนี้ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แล้ว แน่นอนว่าเงินของข้าก็คือเงินของข้า เงินของตลอดทั้งสกุลเจียงก็ยังคงเป็นเงินของข้า”

ชุยตงซานเอนหลังพิงเสา รินสุราแสงจันทร์ให้ตัวเองอีกหนึ่งจอก สูดดมกลิ่นแล้วจุ๊ปาก “หากจะพูดถึงความสามารถในการหาเงิน พี่น้องโจวต้องได้เลื่อนขั้นอยู่ในลำดับสิบคนของไพศาลอย่างแน่นอน หลิวจวี้เป่า ตาเฒ่าอวี๋เสวียน นักเล่นหมากล้อมฝีมือห่วยแตกตาเฒ่าอวี้…พี่น้องเจียงเจ้าคือคนที่มีความสามาถจริงนะนี่”

เจียงซ่างเจินโบกมือ “ไม่สู้เจ้า…พวกเจ้าสองคน”

ชุยตงซานเองก็โบกมือ ยิ้มหน้าทะเล้น “คำพูดนี้ทำลายบรรยากาศแล้ว ไม่พูดถึงเรื่องนี้ พูดแล้วหงุดหงิด”

อาจารย์จะได้ตื่นขึ้นมาเร็วๆ หน่อย มามองดูวิธีการหาเงินของพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาแห่งนี้

อาณาบริเวณของหาดหินหวงเฮ้อกว้างใหญ่อย่างยิ่ง หน้าผาล้วนก่อราวรั้วหยกขาวที่ทอดยาวไปไกลสิบกว่าลี้ ล้วนหลอมมาจากเงินเกล็ดหิมะของแท้แน่นอนทั้งสิ้น

และอิฐเขียวที่ปูอยู่บนพื้นก็ล้วนทำมาจากดินชิงอวี้ที่เกิดจากการเอารากภูเขาและรากเมฆมาผสมผสานกัน นอกจากศาลาชมทัศนียภาพที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีเยี่ยมที่สุดหลังนี้แล้ว ทางตระกูลเจียงทั้งเชื้อเชิญให้ยอดฝีมือใช้วิชาอภินิหารสองอย่างอย่างการ ‘ทำพิธีกรรมในเปลือกหอย’ และ ‘ถ้ำสวรรค์ตะวันจันทราในกา’ มาทับซ้อนเข้าด้วยกันอย่างมหัศจรรย์ แล้วสร้างจวนตระกูลเซียนอีกเกือบร้อยกว่าหลัง แต่ละแห่งกินพื้นที่หลายสิบไร่ ดังนั้นหาดหินหวงเฮ้อ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวก็ดี หรือแขกที่เข้าพักในจวนก็ช่าง แต่ละคนล้วนได้รับความสงบ ต่างฝ่ายต่างไม่รบกวนกันและกัน จวนเซียนที่อยู่ในเปลือกหอยของหาดหินหวงเฮ้อเหล่านั้นไม่ขาย แค่ให้เช่าอย่างเดียวเท่านั้น แต่ว่าระยะเวลาที่เช่าก็สามารถตกลงกันได้ จะเข้าพักชั่วคราวสามห้าวัน หรือจะอยู่ในระยะยาวสามห้าปี ราคาก็ล้วนไม่เหมือนกัน หากคิดจะเช่าจากสกุลเจียงแห่งพื้นที่มงคลถ้ำเมฆานานสามร้อยห้าร้อยปี ก็มีแค่ความเป็นไปได้สองอย่างเท่านั้น เงินฝนธัญพืชในกระเป๋ามีมากพอ หรือไม่ก็มีความสัมพันธ์อันดีพอกับสกุลเจียงเท่านั้น

จวนเซียนทุกหลังมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป สร้างขึ้นอย่างประณีติงดงาม เป็นเหตุให้ลำพังเพียงแค่เรือนจำลองย่อส่วน (หรือทั่งย่าง เรือนย่อส่วนสามมิติที่สร้างขึ้นในสมัยโบราณเพื่อให้ฮ่องเต้ได้เห็นแบบแปลนทั้งหมดของสิ่งปลูกสร้าง) หนึ่งในเจ็ดหลังก็เป็นของสะสมล้ำค่าของพรรคตระกูลเซียนและราชวงศ์ชั้นสูงแห่งอื่นแล้ว ทุกปีล้วนขายออกไปได้หลายร้อยชิ้น ประเด็นสำคัญคือสกุลเจียงยังมีบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำอยู่ในหาดหินหวงเฮ้ออีกด้วย ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกตนหญิงบนภูเขากี่มากน้อยที่ตั้งใจเดินทางมาที่จวนหาดหินหวงเฮ้อของพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา อาศัยเรื่องบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำมาแบ่งส่วนแบ่งกับสกุลเจียงอวิ๋นหลิน ไม่แน่ว่าไม่เพียงแต่ได้อยู่เปล่าไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ยังได้รับเงินเทพเซียนก้อนใหญ่เพิ่มเติมมาใช้ซื้อของกระจุกกระจุกทั้งหลายจากสิบแปดทัศนียภาพ ทั้งผงชาดเครื่องประทินโฉม ชุดคลุมอาคม ปิ่นปักผม เทียบอักษรม้วนภาพวาด ภาพเหมือนคนเซียนกระบี่อายุน้อย…

และยังมีสุราแสงจันทร์ในจอกที่อยู่ในมือของเจียงซ่างเจินและชุยตงซานที่ได้สัมผัสกับแก่นวิญญาณดวงจันทร์ของดวงจันทร์ในพื้นที่มงคลมาอย่างแท้จริง และการเผาผลาญเล็กน้อยแค่นี้ก็สามารถชดเชยกลับคืนมาจากเงินค่าสุราที่แพงลิบลิ่วได้อย่างสบายๆ

จอกเหล้าคือของแถมจากพื้นที่มงคล ผู้ฝึกตนดื่มเหล้าเสร็จรู้สึกว่ายุ่งยากก็ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นก็แค่โยนทิ้งไปในน้ำนอกหาดหินหวงเฮ้อได้เลย

แต่ขอแค่ยินดีนำกลับไป นั่นหมายความว่าอะไร? จอกเหล้าไม่ใช่ของตกแต่งห้องหนังสืออะไร สามารถมาท่องเที่ยวในพื้นที่มงคลแห่งนี้ ได้มาดื่มเหล้าแสงจันทร์ ย่อมไม่มีทางมองจอกเหล้าเป็นของล้ำค่ามีราคาค่างวดอะไร เพียงแต่ว่าหากเอามาใช้ดื่มเหล้าเป็นประจำ เรียกสหายพรรคพวกมา จัดงานเลี้ยงร้องรำทำเพลง ทุกๆ คืนที่มีแสงจันทร์ทอประกาย กระเบื้องขาวก็จะมีแสงจันทร์สาดสะท้อนเหมือนภาพนูนที่ลอยขึ้นมา ลวดลายธรรมชาติของกระเบื้องขาวเหมือนลายเมฆ เวลาผ่านไปร้อยปีพันปี เหล้าแสงจันทร์ของหาดหินหวงเฮ้อพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาจึงกลายเป็นของสะสมที่สง่างามซึ่งผู้ฝึกตนบนภูเขาและตระกูลชนชั้นสูงล่างภูเขารู้จักกันทั่ว

ทำการค้าคือการประทังชีพโดยการควักเงินมาจากกระเป๋าของผู้อื่น สืบสาวราวเรื่องกันแล้วยังคงเป็นเรื่องของการทุ่มความสามารถลงบนใจคน และใจคนสำหรับเจียงซ่างเจินแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจที่มีต่อความคิดจิตใจของสตรี ควรจะช่วงชิงเงินเทพเซียนมาจากมือของสตรีอย่างไร ฝีมือของเขาเรียกได้ว่าล้ำเลิศเป็นเอก นี่ยังเป็นแค่การหาเงินจากหาดหินหวงเฮ้อเท่านั้น สิบแปดทัศนียภาพของพื้นที่มงคล แต่ละแห่งล้วนเป็นเส้นทางทรัพย์สินไหลดั่งสายน้ำที่เงินเทพเซียนไหลเชี่ยวกราก สุราแสงจันทร์ของหาดหินหวงเฮ้อ นอนหลับบนกลุ่มเมฆขาวเหนือยอดเขาอวิ๋นจี๋ ได้ทั้งชมทัศนียภาพและฝึกตนไปพร้อมๆ กัน ต้นกกขาวกวาดเมฆใส่ชายแขนเสื้อกลับบ้าน…

และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความจริงที่ปรากฏอยู่บนมือของเจียงซ่างเจิน ตอนที่เจียงซ่างเจินรับช่วงต่อเอาพื้นที่มงคลถ้ำเมฆามาดูแล แม้ว่าพื้นที่มงคลได้กลายเป็นพื้นที่มงคลระดับสูง มีชื่อเสียงเรื่องเงินทองไหลมาเทมาเป็นที่เลื่องลือแล้ว แต่ก็ยังอยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบภาพบรรยากาศในทุกวันนี้ได้ติด เจ้าสำนักหนุ่มสกุลเจียงที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้เสเพลใครก็กำราบไม่ได้ผู้นี้ หากพูดให้น่าฟังก็คือปีนั้นที่อยู่ในศาลบรรพจารย์ได้ตัดสินใจโดยพลการ ใช้ทั้งความรู้สึกมาทำให้ซาบซึ้ง ใช้เหตุผลมาทำให้เข้าใจ พูดไม่น่าฟังหน่อยก็คือใครที่กล้าพูดคำว่าไม่ในศาลบรรพจารย์ตระกูลเจียง วันนี้ข้าผู้อาวุโสก็จะเอาคนผู้นั้นให้ถึงตาย ให้พวกเจ้าเดินเข้ามาแล้วต้องนอนออกไป

สุดท้ายเจียงซ่างเจินก็ขอยืมเงินก้อนใหญ่จากเจ้าสำนักสวินยวนและซ่งเซิงถังท่านเทพเจ้าแห่งโชคลาพของสำนักกุยหยกในเวลานั้น ถึงสามารถยกระดับให้พื้นที่มงคลถ้ำเมฆาไปถึงคอขวดของพื้นที่มงคลระดับสูงได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ความคิดมากมายที่เจียงซ่างเจินคิดวางแผนมาไว้นานแล้วถึงได้กลายเป็นความจริงไปทีละเรื่อง คำว่าสิบแปดทัศนียภาพแห่งถ้ำเมฆา อันที่จริงก็คือพื้นที่ต้องห้ามสิบแปดแห่งของพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา อาณาเขตที่อยู่ด้านนอก สำหรับผู้ฝึกตนในท้องถิ่นจำนวนมากแล้วจึงเป็นเหมือนดินแดนเซียน ผู้ที่สร้างสิบแปดทัศนียภาพของพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลเอกสารรูปแบบสิ่งปลูกสร้างให้กับสกุลเจียงมาโดยตลอด แซ่เฉา ถูกเรียกขานว่าย่างซื่อเฉา (ย่างซื่อแปลว่ารูปแบบ) บรรพจารย์เคยเป็นผู้ฝึกตนสำนักโม่ที่ตกอับคนหนึ่ง จึงถูกเจียงซ่างเจินรับตัวมาไว้ ลูกหลานรุ่นหลังล้วนมีขอบเขตด้านการฝึกตนไม่สูง คนแต่ละรุ่นล้วนเป็นบุตรที่สืบทอดกิจการต่อจากบิดา สุดท้ายจึงมีความสำเร็จที่เชื่อมโยงอยู่กับพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา สกุลเฉาจึงมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งทวีปว่าเป็นตระกูลแห่งผู้ก่อสร้าง

——