หลัวซิวยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ผู้เพื่อนยุทธ์อิงให้พวกเรามาพบกันที่นี่ ในเมื่อทุกคนต่างก็มากันครบแล้ว มีบางเรื่องที่ผู้เพื่อนยุทธ์อิงถึงเวลาต้องบอกพวกเราแล้วใช่หรือไม่?”

บทสนทนาเมื่อครู่ของทั้งสอง แน่นอนว่าหลัวซิวได้ยินทั้งหมด ที่เขาเอ่ยถามแบบนี้ ก็เพราะอยากรู้ว่าสถานที่นั้นที่อิงบูเฉิงพูดถึงนั้น มันมีโอกาสและอันตรายใดซ่อนอยู่กันแน่ คุ้มค่ากับพอให้ตนไปต่อหรือไม่

พเนจรอยู่ในดาราแห่งกาลเวลามาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ เขาก็พอจะสรุปประสบการณ์บางอย่างออกมาได้ ทั่วทั้งดาราแห่งกาลเวลามองดูเหมือนว่าจะแห้งแล้งรกร้างอย่างมาก แต่ความจริงแล้วมีโอกาสและโชคดีซ่อนอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ว่าโอกาสและสมบัติเหล่านี้ไม่ได้หาเจอได้ง่าย ๆ อีกทั้งดาราแห่งกาลเวลาก็กว้างใหญ่เกินไป สามารถพบเจอได้หรือไม่นั้น ล้วนแต่ต้องอาศัยโชคชะตา หรือมีเบาะแสและข้อมูลที่เกี่ยวข้องอยู่ในมือของตนเอง

ในด้านของข่าวกรอง หลัวซิวรู้สึกว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่เขาขาดมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อได้ยินคำถามนี้ของหลัวซิว อิงบูเฉิงก็ไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด อีกทั้งต่อให้หลัวซิวไม่ถาม เขาก็จะพูดมันออกมาเองอยู่ดี

“สถานที่แห่งนั้นเรียกว่าเหวไร้สิ้นสุด ณ สถานที่ที่อยู่ก้นสุดของห้วงลึกมีตำหนักอยู่แห่งหนึ่ง นามว่าตำหนักปีศาจเพลิง ตำนานกล่าวว่าในสมัยบรรพกาลมีคนสามารถสังหารปีศาจเพลิงตนหนึ่งได้ จากนั้นก็นำปีศาจเพลิงมากลั่นแปรเป็นสถานที่นี้”

อิงบูเฉิงพูดสิ่งที่ตนรู้ออกมา “ในตอนนั้นอาจารย์ของข้าได้เข้าไปยังส่วนลึกของเหวไร้สิ้นสุด แต่กลับไม่สามารถเข้าไปในตำหนักปีศาจเพลิงได้ เพราะการเข้าไปในตำหนักปีศาจเพลิงยากลำบากเกินบรรยาย มีค่ายกลพรสวรรค์ที่มีระดับสูงหมากอยู่แห่งหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งที่พลังอันดุร้ายจะทำลายได้”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ อิงบูเฉิงก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “ว่าตามที่อาจารย์ของข้าได้ทิ้งบันทึกเอาไว้ ในตอนนั้นก็เป็นเพราะเขาฝืนโจมตีวิชาห้ามค่ายกลของตำหนักปีศาจเพลิง จึงถูกพลังย้อนเข้าตัว ทำให้บาดเจ็บสาหัส และเกือบเอาชีวิตไม่รอด”

“ดังนั้น หลังจากที่เราไปที่นั่นแล้ว พวกเจ้าทั้งสองต้องไม่ฝืนทำลายมันเด็ดขาด มิฉะนั้น ข้าก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น”

“ภายในตำหนักปีศาจเพลิงมีสิ่งใด?” หลัวซิวถามต่อ สามารถทำให้อิงบูเฉิงและอาจารย์ของเขาทั้งสองรุ่นต่างพากันเพียรพยายามที่จะเข้าไปให้ได้ เขาสงสัยเป็นอย่างมากว่าที่ตำหนักปีศาจเพลิงแห่งนั้นที่แท้แล้วมันมีสิ่งใดอยู่กันแน่

“สิ่งนี้ข้าก็ไม่สามารถไม่รู้ เพราะไม่ใช่แค่ข้า อาจารย์ของข้าก็ยังไม่เคยได้เข้าไป ดังนั้นแท้จริงแล้วด้านในมีสิ่งใดอยู่นั้น ก็ไม่มีใครสามารถรู้ได้แน่ชัด” อิงบูเฉิงตอบอย่างไม่ลังเล

ทั้งที่คำพูดเหล่านี้ของอิงบูเฉิงจะไม่มีข้อบกพร่องแต่อย่างใด แต่ลางสังหรณ์บอกกับหลัวซิวว่า อิงบูเฉิงไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด

บางทีเรื่องของเหวไร้สิ้นสุดและตำหนักปีศาจเพลิงนั้นเขาไม่ได้พูดเท็จ แต่ด้านในตำหนักปีศาจเพลิงที่จริงแล้วมีสิ่งใดอยู่นั้น เขาต้องรู้สิ่งใดบางอย่างเป็นแน่

เทพธิดายู่หรงยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้เอ่ยปากพูดสิ่งใด ภายในการรวมกลุ่มสามคนนี้ ดูเหมือนว่านางจะได้รับบทบาทเป็นตัวละครที่มีก็ได้ไม่มีก็ได้

……

“ด้านหน้านั้นก็คือเหวไร้สิ้นสุดแล้ว”

ภายใต้การนำทางของอิงบูเฉิง ทั้งสามใช้เวลาสองวัน ก็มาถึงยังอาณาเขตที่ค่อนข้างต่ำของดาราแห่งกาลเวลา

อาณาเขตนี้เป็นเหมือนหลุมลึกขนาดใหญ่ ราวกับว่าถูกวัตถุทรงกลมกระแทกอย่างรุนแรงจนกลายเป็นทิวทัศน์ดังกล่าว มีรัศมีราว ๆ แสนลี้

ในพื้นที่ใจกลางของหลุมขนาดใหญ่ มีหุบเขาที่ลึกมากอยู่แห่งหนึ่ง ด้านล่างเต็มไปด้วยความมืดมิด ลมหนาวพัดเข้ามาเป็นระลอก มีหลายร่างที่โฉบไปมาอยู่ในบริเวณใกล้เคียง

เมื่อเห็นร่างเหล่านั้นปรากฏขึ้นใกล้กับเหวไร้สิ้นสุด อิงบูเฉิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่ทันตั้งตัว

“ผู้เพื่อนยุทธ์อิง ดูเหมือนว่าข้อมูลที่เจ้ามีอยู่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เจ้ารู้เพียงผู้เดียวนี่” หลัวซิวปรายตามองอิงบูเฉิง

ได้ยินคำพูดนี้ อิงบูเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น “ข้าก็ไม่แน่ใจ ถึงอย่างไรดาราแห่งกาลเวลาปรากฏขึ้นสองครั้ง บางทีอาจจะมีคนอื่นค้นพบความลับของเหวไร้สิ้นสุด เพียงแต่หวังว่า ตำหนักปีศาจเพลิงแห่งนั้นจะยังไม่มีเคยใครเข้าไป”