บทที่ 1450 สายเลือดคลั่ง

The king of War

อวี๋เหวินปิงไม่เคยเห็นการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน ตอนนี้เขาได้เห็นด้วยตาตนเอง ผมสีดำของหยางเฉินเปลี่ยนเป็นสีขาว และรูม่านตาสีดำเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด

เขาตกใจกลัวจนตัวสั่นไปหมด และทรุดตัวลงบนพื้น

หลังจากที่หลิวเหล่าก้วยและเย่หลินสัมผัสได้ถึงพลังบูโดที่พุ่งสูงขึ้นของหยางเฉิน ทำให้ทั้งสองคนตกตะลึง หลังจากหลิวเหล่าก้วยกล่าวจบ ทั้งสองคนพุ่งเข้าไปหาหยางเฉิน

“ฆ่า!”

วินาทีต่อมา พวกเขาสองคนปรากฏอยู่ต่อหน้าหยางเฉิน และพวกเขาโจมตีหยางเฉินพร้อมกัน

“ปัง!”

“ปัง!”

การโจมตีที่รุนแรงของสองคนนั้นปะทะไปบนร่างกายของหยางเฉินทันที

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าหยางเฉินจะไม่เป็นไร ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น โดยกอดร่างกายที่เย็นยะเยือกของอวี๋เหวินเกาหยางไว้ในอ้อมแขน

พลังที่น่าสะพรึงกลัวได้ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา

“นี่……”

ขณะนี้ดวงตาของหลิวเหล่าก้วยและเย่หลินเบิกกว้าง และเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อย่างน้อยพวกเขานั้นยังเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า แม้แต่ในตระกูลซ่อนเร้น ก็เป็นการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัว

พวกเขารู้ดีว่าการระเบิดพลังออกมาทั้งหมดนั้นมันแข็งแกร่งเพียงใด

อย่างไรก็ตาม การที่พวกเขาสองคนโจมตีหยางเฉินพร้อมกันอย่างรุนแรงนั้น ไม่สามารถทำร้ายหยางเฉินได้แม้แต่น้อย พวกเขารู้สึกว่าการโจมตีของพวกเขาเหมือนกับการโจมตีแผ่นเหล็ก

“อย่าออมพลัง โจมตีสุดพลัง!” หลิวเหล่าก้วยสบตาเย่หลิน และกล่าวด้วยความโมโห

หลังจากกล่าวจบ ทั้งสองคนร่วมมือกันโจมตีหยางเฉินอีกครั้ง

“ปัง!”

“ปัง!”

ทั้งสองโจมตีอย่างบ้าคลั่ง แต่หยางเฉินยังคงนิ่งเฉย เพียงแต่การโจมตีของทั้งสองคนนั้น ทำให้ร่างกายของเขาขยับเล็กน้อยเท่านั้น

คราวนี้ หัวใจของพวกขาทั้งสองคนตกลงไปที่ตาตุ่ม พวกเขารู้ว่าด้วยพลังความแข็งแกร่งตอนนี้ของพวกเขาหลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถทำอะไรหยางเฉินได้

การป้องกันของหยางเฉินแข็งแกร่งขนาดนี้ แล้วพลังการโจมตีของเขาจะน่ากลัวขนาดไหน?

เกรงว่าพวกเขาจะรับการโจมตีของหยางเฉินไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียวใช่ไหม?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความคิดเดียวกันปรากฏขึ้นในสมองของพวกเขาพร้อมกัน “หนี!”

ทั้งสองหันหลังแล้วหนีไปโดยไม่มีความลังเลใด ๆ

สองพี่น้องซ่งจั่วและซ่งโหย่วที่อยู่ด้านข้างต่างตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้

เมื่อเห็นว่าหลิวเหล่าก้วยและเย่หลินหนีไปแล้ว หยางเฉินไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ ซึ่งทำให้สองพี่น้องตระกูลซ่งรู้สึกกังวลมาก

“คุณหยาง ถ้าคุณยังไม่ลงมืออีก หลิวเหล่าก้วยและเย่หลินจะหนีไปได้จริง ๆ” ซ่งจั่วกล่าวด้วยความกังวล

อย่างไรก็ตาม หยางเฉินยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะล้างความโกรธแค้นออกไปจากร่างกายของหยางเฉิน

“ผิดปกติ เขาผิดปกติเป็นอย่างมาก!”

ซ่งโหย่วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“มีอะไรผิดปกติ?” ซ่งจั่วถาม

“เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม แต่เขาสามารถระเบิดออกมาด้วยความแข็งแกร่งเทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า และตอนนี้พลังความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม”

ซ่งโหย่วกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หลิวเหล่าก้วยและเย่หลินเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า ถึงแม้พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส และพลังของพวกเขาลดลงไปมาก แต่เมื่อพวกเขาร่วมมือกันระเบิดพลังโจมตีจนสุดพลังแล้ว ซึ่งมันทรงพลังเป็นอย่างมากเช่นกัน”

“อย่างไรก็ตาม การโจมตีที่ทรงพลังขนาดนั้นไปปะทะไปที่ร่างของหยางเฉินแล้ว แต่ไม่สามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บใด ๆ ไม่เพียงแค่นั้น พลังบูโดบนร่างกายของเขายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”

“ดวงตาของเขาไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย เหมือนหุ่นยนต์สังหาร และการเปลี่ยนแปลงบนตัวของเขานั้นทำให้ผมนึกถึงตำนานเล่าขาน”

ซ่งจั่วหรี่ตาลง และทันใดนั้นเขาก็นึกถึงตำนาน ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หยางเฉิน และกล่าวทีละคำ “สายเลือดคลั่ง!”

“ถูกต้อง!”

ซ่งโหย่วพยักหน้าและกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เป็นตำนานเล่าขานเมื่อหลายร้อยปีก่อน มีตระกูลบู๊โบราณทรงพลัง ที่ปกครองโลกบูโดแห่งเมืองจิ่วโจว”

“ไม่ใช่ทุกคนของตระกูลนี้จะมีสายเลือดคลั่ง ว่ากันว่าสายเลือดแบบนี้หายากมาก เพราะร้อยปีถึงจะปรากฏออกมาหนึ่งคน ตอนนั้นผู้นำตระกูลที่ปกครองโลกบูโดในเมืองจิ่วโจวก็มีสายเลือดคลั่งเช่นกัน”

“เมื่อสายเลือดคลั่งระเบิดออกมา พลังการต่อสู้จะพุ่งสูงขึ้น ตอนแรกนั้นยังไม่สามารถควบคุมได้ แต่เมื่อควบคุมสายเลือดคลั่งได้แล้ว ก็จะสามารถควบคุมสภาวะคลุ้มคลั่งเพื่อต่อสู้ได้”

“ตามตำนานเล่าขาน ทุกคนของตระกูลนี้ถ้าสายเลือดคลั่งถูกปลุกตื่น ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ในโลกบูโดแห่งเมืองจิ่วโจว”

สองพี่น้องเข้าใจสายเลือดคลั่งเป็นอย่างมาก ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงบนร่างกายของหยางเฉิน เหมือนกับสายเลือดคลั่งในตำนานเล่าขาน ซึ่งทำให้สองพี่น้องเต็มไปด้วยความตกใจ

“ดังนั้น ตอนนี้เขากำลังปลุกสายเลือดคลั่ง และช่วงเวลาสั้น ๆ เกรงว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้”

ซ่งจั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม มองซ่งโหย่วและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าพวกเราจำเป็นต้องออกไปจากที่นี่ มิเช่นนั้นพวกเราจะตกอยู่ในอันตราย”

“ไป!”

ทั้งสองไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขาขยับเท้า หันหลังแล้วเดินจากไป

ไม่ว่าตำนานเล่าขานนั้นจะจริงหรือไม่ก็ตาม พวกเขาก็ไม่กล้าเอาชีวิตของตนเองไปเดิมพัน เพราะตอนนี้หยางเฉินไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ หากไม่ใช่เพราะพลังบูโดที่พุ่งทะยาน

แม้แต่หลิวเหล่าก้วยและเย่หลินซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า ยังเลือกที่จะหลบหนี นับประสากับพวกเขา

ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีความแค้นกับหยางเฉิน แต่ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าหยางเฉินจะสามารถควบคุมตนเองได้

“ไป…ไปให้หมด!”

อวี๋เหวินปิงตกตะลึงเมื่อเห็นผู้แข็งแกร่งที่กำลังจากไปทีล่ะคน เขาหลบซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหิน ถึงจะสามารถต้านพลังบูโดที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของหยางเฉินได้

เขาอาศัยอยู่ในตระกูลอวี๋เหวินตั้งแต่เล็ก และคุ้นเคยกับชีวิตที่โอหังอวดดีมานาน จนกระทั่งภายหลัง กองกำลังที่ทรงพลังเข้ามาตั้งรกรากเมืองเยี่ยนตู มีเพียงตระกูลอวี๋เหวินที่ไม่ได้ถูกยึดครองเท่านั้น

ทำให้เขาคิดว่าตระกูลอวี๋เหวินแข็งแกร่งมาก จนไม่มีใครกล้าที่จะรุกราน ดังนั้นตระกูลอวี๋เหวินถึงได้สามารถโดดเด่นในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และกลายเป็นตระกูลเก่าแก่ที่แข็งแกร่งสุดในเมืองเยี่ยนตู

แต่เขาไม่รู้ว่าพลังของผู้แข็งแกร่งบูโดระดับสูงนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เขายังไม่เคยเห็นแม้แต่ผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอด ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์

วันนี้ หลังจากได้เห็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์เป็นครั้งแรก และรู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์แล้ว เขาถึงได้ตระหนักว่าการที่ตนเองริษยายางเฉินนั้นมันน่าขบขันมากเพียงใด

ตามที่อวี๋เหวินเกาหยางกล่าว ด้วยพลังความแข็งแกร่งในตอนนี้ของหยางเฉิน ถึงแม้ต้องการยึดราชวงศ์มันก็เป็นเรื่องง่าย เพียงแต่อวี๋เหวินปิงไม่เคยเชื่อ

จนกระทั่งเมื่อสักครู่ เขาเห็นด้วยตาตนเองว่าผู้แข็งแกร่งระดับสูงของราชวงศ์เย่ไม่สามารถทำร้ายหยางเฉินได้แม้แต่น้อย กระทั่งหลบหนีไป ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าตระกูลอวี๋เหวินที่เป็นเพียงตระกูลเล็ก ไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้หยางเฉินรับสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เมื่อสักครู่คนที่หลบหนีลงมาจากภูเขานั้นคือผู้อาวุโสเย่หลินแห่งราชวงศ์เย่ และหลิวเหล่าก้วยแห่งเมืองเหมียว?”

ใต้ภูเขาเยี่ยนซาน ตระกูลชั้นต่าง ๆ ที่รอผลการต่อสู้บนภูเขาเยี่ยนซาน พวกเขาเห็นเย่หลินและหลิวเหล่าก้วยหนีลงมาจากภูเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยตื่นตระหนก ทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกตกตะลึง

“ทุกคน รีบออกไปจากภูเขาเยี่ยนซาน เร็วเข้า!”

และขณะนี้ สองพี่น้องซ่งจั่วและซ่งโหย่วลงมาจากภูเขาอย่างรวดเร็ว และตะโกนใส่ฝูงชน

“บูม บูม บูม!”

หลังจากสองพี่น้องตระกูลซ่งกล่าวจบ ภูเขาเยี่ยนซานสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

ขณะที่พวกเขากำลังตื่นตระหนก ยอดเขาของภูเขาเยี่ยนซานพังทลายลงมาราวกับถูกระเบิด

“โอ้สวรรค์! เกิดอะไรขึ้น? ยอดเขาสูงที่สุดของภูเขาเยี่ยนซานพังทลายลงได้อย่างไร”

มีคนอุทานขึ้น ดวงตาของพวกเขาจ้องภูเขาที่ค่อย ๆ พังทลายลงมา

“ถ้าไม่อยากตายก็รีบออกไปจากที่นี่ซะ!”

สองพี่น้องตระกูลซ่งคำรามด้วยความโกรธ พวกเขารู้ดีว่าหลังจากสายเลือดคลั่งถูกปลุกตื่นแล้ว ถ้าสูญเสียการควบคุมแล้วมันน่ากลัวเพียงใด