ตอนที่ 2842 คุกเข่า

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 2842 คุกเข่า!
“ฟังคำเจ้าแล้ว? เจ้าก็คิดจะมาประณามความผิดข้าด้วย?” หวู่เจียงนั้นมองหน้าเย่หยวนก่อนจะยิ้มออกมา

“ทำไมเล่า? ข้าทำไม่ได้?” เย่หยวนถามกลับไป

หวู่เจียงนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นเยือก “มีฝีมือนิดหน่อยก็คิดว่าตัวเองเหนือล้ำฟ้าหรืออย่างไร! แค่จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งนี้เจ้ากลับกล้ามาอวดอ้างตัวตนต่อหน้านิกายยาสุดล้ำเรา เจ้าไปเอาความกล้านี้มาจากที่ใด?”

เย่หยวนนั้นตอบกลับไปอย่างไม่หันหลังไปมอง “นิกายยาสุดล้ำนั้นคือนิกายเดียวของทวีปสวรรค์แรกที่ยังอยู่ครบดีและยังเป็นนิกายโอสถอันดับหนึ่งด้วย ในสงครามกับเผ่าเลือดศิษย์ของนิกายยาสุดล้ำมากมายได้ต่อสู้บนสนามรบและรักษาคนเจ็บนับไม่ถ้วน สร้างชื่อเสียงความนับถือขึ้นมา แต่พวกเจ้านั้นกลับยืนมองปล่อยคนนับหมื่นๆ ตายไปตรงหน้า พวกเจ้าช่างใจเหี้ยมโหด! ชื่อเสียงของนิกายยาสุดล้ำมันเสียลงก็เพราะคนอย่างพวกเจ้านี้!”

คนทั้งหลายที่ได้ยินต่างก็ต้องพยักหน้าขึ้นตามๆ กัน

นิกายยาสุดล้ำนั้นมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ล้ำฟ้าขึ้นมาหลังจากเกิดสงคราม

เพราะนอกจากศิษย์ของนิกายยาสุดล้ำนั้นจะลงไปสู้ในสนามรบด้วยตัวเองแล้วพวกเขานั้นยังทำหน้าที่แพทย์สนามรักษาคนเจ็บมากมาย

หากพูดกันถึงชื่อเสียงของนิกายยาสุดล้ำมันก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะกลายเป็นนิกายอันดับหนึ่งในปัจจุบันไป!

แต่ก็เพราะว่าเรื่องนี้ที่มันทำให้ศิษย์หลายคนของนิกายยาสุดล้ำเย่อหยิ่งผยองตัวขึ้นมา

เต้าเฉินและพวกนั้นเองก็ใช่ พวกหวู่เจียงนั้นเองก็ไม่ต่างกัน

หากจะให้พูดถึงคุณประโยชน์แล้วพวกหวู่เจียงที่มีพลังบ่มเพาะแค่นี้ย่อมจะไม่อาจสร้างคุณได้มากมาย

แต่พวกเขานั้นเกาะกินชื่อเสียงของนิกายยาสุดล้ำและทำลายชื่อเสียงของนิกายยาสุดล้ำไปพร้อมๆ กัน

ในเมื่อเย่หยวนเข้านิกายมาแล้วเขาก็ย่อมจะยุ่งกับเรื่องภายในได้

ที่สำคัญไปกว่านั้นพวกหวู่เจียงและเฉียนหนานยังแย่กว่าพวกเต้าเฉินไปมาก ยืนมองดูคนตายไปต่อหน้าอย่างไม่คิดจะขยับแม้แต่นิ้วมือ สิ่งนี่คือสิ่งที่เย่หยวนไม่มีทางยอมรับได้เป็นอันขาด

เมื่อหวู่เจียงได้ยินเขาก็ยิ้มขึ้นมาแทน “โอ้ ว้าว เจ้าเป็นแค่จักรพรรดิเซียนนั้นแต่กลับมาพูดถึงเรื่องชะตากรรมของเผ่าพันธุ์ใด! แต่หากเจ้าอยากจะอวดอ้างตัวเจ้าไม่คิดว่าตัวเองเลือกคู่มือผิดไปหน่อยหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ถึงกล้ามาสั่งสอนจักรพรรดิคนนี้?”

คนทั้งหลายนั้นต่างคิดว่าเย่หยวนบ้า

หากเจ้าแค่สั่งสอนจักรพรรดิเซียนอย่างเฉียนหนานมันยังพอรับได้

แต่นี่อาจารย์ลุงของเขามาแล้วเจ้ายังจะสั่งสอนเขาอีก?

คนทั้งสิบนี้มันเป็นถึงจักรพรรดิเที่ยง!

แต่เจ้านั้นมีจักรพรรดิเที่ยงมาด้วยแค่คนเดียว!

หวู่เจียงนั้นไม่คิดพูดพร่ำให้มากความรีบทำท่าสั่งให้จักรพรรดิเที่ยงทั้งหลายเข้าจู่โจมทันที

มันย่อมจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินแก้แล้ว

คนทั้งหลายรอบๆ นั้นได้แต่ร้องขึ้นมาอย่างคับแค้นใจ บอกให้หนีไปแต่แรกแล้วแต่กลับไม่ยอมหนี ตอนนี้ต่อให้อยากหนีมันก็คงไม่อาจหนีได้แล้ว!

แต่ในตอนนั้นเองที่มันได้ปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นมาขวางหน้าพวกหวู่เจียงไว้

เมื่อหวู่เจียงได้เห็นผู้มาถึงนั้นเขาก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นคารวะทันที “หวู่เจียงคารวะอาจารย์ลุงฮั่วจง!”

“คารวะอาจารย์ลุงฮั่วจง!”

“คารวะอาจารย์ปู่ฮั่วจง!”

เหล่าจักรพรรดิเที่ยงและจักรพรรดิเซียนทั้งหลายนั้นต่างก้มหัวลงพร้อมๆ กัน

ฮั่วจงนั้นคือศิษย์ของจั่วเฉิน

แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเที่ยงขั้นสุดแต่ว่าเขานั้นก็เป็นศิษย์ของจั่วเฉินผู้ยิ่งใหญ่และย่อมจะมีรุ่นอาวุโสกว่าหวู่เจียงไปขั้นหนึ่ง

แน่นอนว่าหวู่เจียงเองก็ไม่คิดจะบ่นใดๆ ด้วย

เพราะอีกไม่นานฮั่วจงก็คงก้าวขึ้นอาณาจักรมหาจักรพรรดิได้!

มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์นั้นต่อให้จะเป็นแค่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นต้น ก็มิใช่ตัวตนทั่วๆ ไปในนิกายอีกต่อไปแล้ว

เพราะฉะนั้นฮั่วจงนั้นจึงมีสถานะที่สูงส่งในนิกายยาสุดล้ำอย่างมาก!

ฮั่วจงนั้นพยักหน้ารับตอบกลับไป

แต่หวู่เจียงที่ได้เห็นเช่นนี้ก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมา “อาจารย์ลุงฮั่วจง ไอ้เด็กคนนี้มันคิดจะมาเอาชนะใจคนหน้านิกายยาสุดล้ำเราทั้งยังว่ากล่าวให้นิกายยาสุดล้ำต้องเสียหายและหักขาศิษย์ของนิกายเราลงด้วย อาจารย์ลุงช่วยทวงถามความยุติธรรมให้ข้าด้วยเถอะ!”

หวู่เจียงนั้นเป็นคนที่มากเล่ห์เช่นกัน ในเมื่อฮั่วจงมาถึงแล้วคนที่ต้องจัดการเรื่องมันก็ต้องเป็นฮั่วจง

จะแค่ตีหรือเอาถึงตายมันก็เป็นเขาที่ต้องตัดสินใจ

ฮั่วจงนั้นตอบกลับมาสั้นๆ “คุกเข่า”

หวู่เจียงและพวกนั้นต่างผงะถามขึ้นมา “อาจารย์ลุงฮั่วจง…”

ฮั่วจงนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นพร้อมกับสั่ง “คุกเข่า!”

หวู่เจียงและพวกนั้นไม่กล้าขัดคำของฮั่วจงจึงได้แต่ต้องคุกเข่าลงก่อนถามอีกครั้ง “ศิษย์ไปทำอะไรให้อาจารย์ลุงไม่พอใจหรือไม่? อาจารย์ลุงฮั่วจงช่วยบอกกล่าวข้าด้วยเถอะ!”

ฮั่วจงนั้นไม่สนใจและหันไปถามเย่หยวนแทน “ศิษย์น้องเย่ เจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่?”

คำพูดเดียวนี้มันทำให้คนทั้งหลายแตกตื่นไปทันที

“ข…เขาเรียกว่าอะไรนะ? เขานั้นกลับเรียกอาจารย์ท่านนี้ว่า…ศิษย์น้อง?”

“ไม่มีทางน่า? แม้ว่าท่านผู้นี้จะเป็นจักรพรรดิเที่ยงแต่ดูจากท่าทางของจักรพรรดิหวู่เจียงทั้งหลายที่เรียกเขาว่าอาจารย์ลุงนั้นแล้วมันย่อมจะหมายความว่าเขานั้นเป็นคนระดับสูงของนิกายยาสุดล้ำแน่นอน! แต่เขานั้นกลับเรียกจักรพรรดิเซียนคนหนึ่งว่าเป็นศิษย์น้องหรือ?”

“เท่านี้มันก็หมายความว่าหวู่เจียงนั้นต้องเรียกอาจารย์เย่ว่าอาจารย์ลุงด้วยมิใช่หรือ? สุดยอด! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอาจารย์เย่ถึงได้พูดเหมือนสั่งสอนมาตลอด ที่แท้แล้วเขานั้นกลับเป็นคนที่มีตัวตนสูงส่งในนิกาย!”

“นิกายยาสุดล้ำนั้นสมชื่อว่าเป็นนิกายอันดับหนึ่งของทวีปสวรรค์แรกจริงๆ ยังคงเปี่ยมล้นไปด้วยคนที่มากคุณธรรม! เพียงแค่ว่ามันมีศิษย์ชั่วๆ ไม่กี่คนทำให้ชื่อเสียงของนิกายเสียหาย เราเข้าใจนิกายยาสุดล้ำผิดไปแล้ว!”

คำว่าศิษย์น้องคำเดียวนี้มันทำให้เกิดความแตกตื่นขึ้นรอบด้าน

ก่อนหน้านี้มันไม่มีใครกล้าคิดเช่นนี้เลย

เพราะจักรพรรดิเซียนคนหนึ่งนั้นมันจะมีค่าใดในนิกายยาสุดล้ำ?

แม้ว่านิกายยาสุดล้ำนั้นจะไม่ได้เป็นนิกายอันดับหนึ่งอย่างวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตแต่พวกเขานั้นก็ยังมีศิษย์ระดับจักรพรรดิเซียนนับหมื่นๆ

เรียกได้ว่าจักรพรรดิเซียนในนิกายยาสุดล้ำนั้นมันมีมากมายเสียยิ่งกว่าหมูหมา!

สำหรับคนเบื้องบนทั้งหลายนั้นแล้วพวกเขาย่อมจะไม่ลงมาสนใจชีวิตของจักรพรรดิเซียนคนหนึ่งแน่นอน

หากคิดอยากจะให้คนเบื้องบนสนใจจักรพรรดิเซียนคนนั้นก็ต้องก้าวไปให้ถึงอาณาจักรมหาจักรพรรดิก่อน

หากทำเช่นนั้นไม่ได้อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ต้องก้าวขึ้นมาเป็นจักรพรรดิเที่ยงแนวหน้าให้ได้

เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีใครคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับจะเป็นบุคคลสำคัญของนิกายยาสุดล้ำเลย

แต่เขานั้นเป็น!

เมื่อตัวตนของเขาปรากฏชัดขึ้นมาคนรอบๆ ก็ได้เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทำไมเย่หยวนถึงได้พูดกล่าวสั่งสอนหวู่เจียงและวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตตลอดมา

เพราะว่าคนเหล่านี้มันทำให้ชื่อเสียงของนิกายยาสุดล้ำต้องเสื่อมเสีย!

เย่หยวนนั้นไม่อาจทนรับได้และต้องออกมาตบหน้าพวกเขา

คำพูดเดียวนี้มันทำให้ความรู้สึกด้านลบของคนทั้งหลายที่มีต่อนิกายยาสุดล้ำนั้นจางหายไปทันที

ส่วนพวกหวู่เจียงทั้งหลายนั้นต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมา

“ศ…ศิษย์น้อง? นี่มิใช่ว่าอาจารย์ลุงฮั่วจงนั้นเป็นศิษย์คนเล็กของผู้อาวุโสจั่วเฉินหรือ? แล้วนี่มันไปปรากฏศิษย์น้องอีกคนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หวู่เจียงนั้นต้องอ้าปากค้าง

หรือก็คือเขานั้นคิดร้ายต่ออาจารย์ลุง?

ก่อนหน้านี้เขายังมีหน้าไปถามว่าเจ้าเป็นใคร?

หวู่เจียงนั้นรู้สึกขมขื่นขึ้นมาในลำคอทันที

ในนิกายยาสุดล้ำนั้นนักหลอมโอสถสวรรค์จะได้รับการเชิดชูมากกว่านักยุทธธรรมดา

จั่วเฉินนั้นคือนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับแปดที่เก่งกาจอย่างมากทำให้ตำแหน่งของเขานั้นสูงล้ำกว่าผู้อาวุโสใดๆ

ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้จะเป็นฮั่วจงศิษย์โดยตรงของจั่วเฉินนี้ หวู่เจียงก็คงไม่ถึงขั้นต้องเรียกว่าเป็นอาจารย์ลุง

เพราะตัวเขานั้นก็เป็นศิษย์ผู้อาวุโสเช่นกัน

แต่ตอนนี้เขานั้นกลับไปลบหลู่ศิษย์ของผู้อาวุโสจั่วเฉินเข้าแล้ว!

นี่มันหายนะโดยแท้!

เมื่อได้ยินเสียงทักของฮั่วจงนั้นเย่หยวนก็ตอบกลับไปอย่างไม่หันกลับ “เช่นนั้นข้าคงต้องขอให้ศิษย์พี่ฮั่วช่วยแล้ว! เวลานี้ศิษย์น้องกำลังรักษาอยู่คงไม่อาจละมือไปคารวะท่านได้ ขอให้ศิษย์พี่โปรดเข้าใจด้วย หลังจากที่เรารักษาคนทั้งหลายจนหมดแล้วเราค่อยมาคุยกันเถอะ”

ฮั่วจงพยักหน้ารับก่อนจะร้องขึ้นมา “มันต้องเป็นเช่นนั้นแล้ว! คนที่เจ็บ มาทางนี้!”

จากนั้นคนทั้งสองก็เริ่มทำการรักษาอย่างหนักหน่วงไป

ฮั่วจงนั้นเป็นถึงนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหกขั้นสุดเขาย่อมจะเก่งกาจมากความสามารถ ไม่เช่นนั้นแล้วจั่วเฉินเองก็คงไม่ยอมรับเขาเข้ามาเป็นศิษย์แน่

เขานั้นเพิ่งมาถึงและย่อมจะยังไม่รู้จักหน้าของพวกเย่หยวนทั้งหลาย

แต่ตอนที่จั่วเฉินติดต่อเขามานั้น จั่วเฉินได้บอกถึงลักษณะของเย่หยวนและหยกมุกเก้าใบนั้นมันก็เป็นหนึ่งในลักษณะเด่นที่ใช้ยืนยันตัวได้โดยง่าย

เพราะฉะนั้นเมื่อเขาได้เห็นดวงดาวหมุนวนรอบการรักษาเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าเย่หยวนมาถึงแล้ว

แต่ตอนนี้เขาที่รักษาไปด้วยมองดูฝีมือของเย่หยวนไปด้วยก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมา

ช่างเป็นวิชาที่เหนือล้ำนัก!

……………………………………………………