เวลาผ่านพ้นไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ในขณะที่ทุกคนล้วนรู้สึกว่าวินาทีต่อไปหลัวซิวก็จะกลั่นยาล้มเหลวเพราะผลการฝึกตนประคับประคองต่อไปไม่ไหวอยู่นั้น ทว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ สีหน้าของหลัวซิวกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลยแม้แต่น้อย

“เวิง!”

เตายาที่ใช้กลั่นยาสั่นเทิ้มจนเสียงดังเวิง ๆ ทันใดนั้นเองก็มีแสงสาดส่องออกไปทั่วทุกสารทิศ ไม่นึกเลยว่ายาเซียนระดับมกุฎทั้งห้าต้นจะเปลี่ยนแปลงเป็นยาน้ำจนสำเร็จ

“นะ…..นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

คนแรกที่รู้สึกตื่นเต้นและอุทานออกมาเป็นเสียงไม่ใช่ผู้อื่นใด ในทางตรงกันข้ามมันกลับคู่ต่อสู้ของหลัวซิว ตวนมู่ชาง

แม้เขาที่มีผลการฝึกตนกึ่งมกุฎเทพก็ไม่สามารถกลั่นแปรยาเซียนระดับมกุฎห้าต้นให้กลายเป็นยาน้ำในครั้งเดียวได้แน่นอน เนื่องจากการที่จะทำถึงขั้นนี้ได้นั้น ไม่ใช่แดนกลั่นยาของตัวบุคคลเท่านั้นที่ต้องบรรลุถึงระดับที่สูงมาก ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลการฝึกตนของตัวเองจะสามารถประคับประคองได้หรือไม่

แต่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวผู้นี้อยู่ที่ประมาณราชาเทพขั้น 7 ถึงแม้เขาจะปกปิดศักยภาพ ผลการฝึกตนของเขาก็คงสูงไม่เท่าไหร่ เขาจะมีทางมีผลการฝึกตนที่ลึกซึ้งเช่นนี้ได้อย่างไร?

และสิ่งที่ทำให้คนไม่เข้าใจมากกว่านั้นคือ หลังจากที่กลั่นแปรยาเซียนระดับมกุฎห้าต้นให้กลายเป็นยาน้ำแล้ว ไม่นึกเลยว่าสภาพเขาจะดูสบายกายสบายใจมาก ราวกับว่าผลการฝึกตนของเขาไม่สูญเสียไปเลยแม้แต่น้อย

หลัวซิวไม่ได้สนใจความตะลึงและความน่าทึ่งของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ หลังจากที่กลั่นแปรยาเซียนทั้งหมดจนกลายเป็นยาน้ำแล้ว เขาก็เข้าสู่ขั้นตอนการหลอมรวมยาน้ำโดยตรง

และตวนมู่ชางที่นำอยู่ตั้งแต่ตอนแรก ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนดังกล่าวเช่นกัน

“เจ้าหมอนี่……”จีเสวียนคงที่อยู่บนแท่นผู้ชมถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะเป็นอาจารย์ของหลัวซิว ทว่ากลับไม่แน่ชัดเช่นกันว่าเจ้าหมอนั่นทำเช่นนี้ได้อย่างไรกันแน่

ผลการฝึกตนของเจ้าหมอนั่นเป็นเพียงแดนเทพฟ้า แต่ทว่ากลับทำให้ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพอย่างเขารู้สึกดูไม่ออกทายไม่ถูก

“ในตำนานมีฐานร่างอย่างหนึ่ง มีนามว่าร่างธรรมพรสวรรค์ ซึ่งสามารถสื่อสารกับเทียนเต้าได้ตั้งแต่กำเนิด ผลการฝึกตนทั้งตัวมีอย่างไร้ที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะสูญเสียไปมากเท่าไหร่ ก็สามารถใช้การเชื่อมประสานของกฎเทียนเต้าเพื่อฟื้นฟูผลการฝึกตนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว”

แววตาของเจ้าหอยอดอัมพรเป็นประกาย จู่ ๆ ก็กล่าวถึงฐานร่างในตำนานที่หาพบได้มากยาก ๆ

“หรือว่าเจ้าเด็กนั่นคือร่างธรรมพรสวรรค์? เล่ากันว่าฐานร่างเช่นนี้แม้แต่ในรอบหลายร้อยล้านปีก็หาพบคนหนึ่งได้ยากมาก! ซึ่งหายสาบสูญหมดสิ้นไปนานมาก ๆ แล้ว”

ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพจำนวนมากคนอื่น ๆ ก็รู้สึกตะลึงอย่างอดไม่ได้เช่นกัน ฐานร่างที่พิเศษก็เป็นปัญญาของตัวนักยุทธ์เช่นกัน ส่วนร่างธรรมพรสวรรค์นั้น เป็นฐานร่างขั้นสุดยอดอย่างหนึ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลย

โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในแดนเดียวกัน ไม่ว่าผู้ใดก็ตามเมื่อได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีผลการฝึกตนอย่างไร้ที่สิ้นสุดนั้นล้วนต้องปวดหัว เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามไม่ต้องเสียดายผลการฝึกตนของตน กระตุ้นกระบวนท่าที่มีพลานุภาพทรงพลังได้อย่างไม่หยุดหย่อน

สีหน้าของบรรพอาจารย์ตวนมู่ดูย่ำแย่ลงไปภายในพริบตา เดิมทีเป็นการดวลวิถียาที่กุมชัยชนะอยู่ในกำมือ ไม่ว่าเขาจะคิดจนหัวสมองแตกก็ตาม เขาก็คิดไม่ถึงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้น

ร่างธรรมพรสวรรค์? เหตุใดฐานร่างที่เก่งกาจดุจปีศาจเช่นนี้ถึงดันมาปรากฏเวลานี้?

เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรอบ ๆ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหลัวซิว แท้จริงแล้วมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ทราบว่าตนไม่ใช่ร่างธรรมพรสวรรค์อะไรนั่นเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นเคล็ดวิชาสรรพสิ่งอิงหยินอุ้มหยางของเส้นทางแห่งวัฏสงสาร

เส้นทางแห่งวัฏสงสารเป็นเส้นทางที่อยู่เหนือลำดับกฎเกณฑ์ของเทียนเต้า หากจะให้พูดจริง ๆ มันไม่ใช่สิ่งที่ร่างธรรมพรสวรรค์สามารถเทียบเคียงได้

หากแดนผลการฝึกตนของตัวนักยาเซียนเองบรรลุไม่ถึงมกุฎเทพ การที่จะกลั่นยาเซียนระดับมกุฎสำเร็จหนึ่งเตานั้น ผลการฝึกตนของตัวนักยาเซียนเองจะยืนหยัดต่อไปได้ยากมาก

ในขณะที่ใกล้จะถึงช่วงสุดท้ายของการหลอมรวมยาน้ำอยู่นั้น สีหน้าของตวนมู่ชางก็ดูขาวซีดเล็กน้อยแล้ว รีบหยิบยาฟื้นฟูผลการฝึกตนออกมากินหนึ่งเม็ด เนื่องจากผลการฝึกตนของตัวเองที่สูญเสียไป ทำให้ระดับความเร็วในการหลอมรวมยาน้ำก็ลดลงไปเล็กน้อยเช่นกัน

ย้อนกลับไปดูฝั่งหลัวซิว ผลการฝึกตนของเขากลับซัดสาดมาโดยตลอด ระดับความเร็วในการหลอมรวมยาน้ำไม่เคยมีท่าทีที่จะช้าลงเลยแม้แต่น้อย