ตอนที่ 1825 : กระบี่บินสายรุ้ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1825 : กระบี่บินสายรุ้ง

“ตัดลิ้นมันมาให้ข้า ข้าไม่อยากให้เขาพูดได้อีกต่อไป จากนั้นก็ตัดแขนตัดขาเขาและเอาตัวเขากลับมาที่ตระกูล ข้าต้องการให้เขารู้ซึ้งถึงผลลัพธ์จากการคุกคามข้า” หยางเทียสั่งการยาม

“ขอรับ นายน้อย ! ”

ยามพากันตอบกลับ สายตาพวกเขาแสดงความเย็นชาออกมาแล้วเริ่มเดินเข้าหาเจี้ยนเฉินเพื่อจับตัวเขา ทุกคนต่างก็ได้รับการฝึกมาอย่างดี พวกนั้นร่วมมือกันได้อย่างรู้ใจกัน ชัดเจนแล้วว่าพวกนั้นเคยทำเรื่องแบบนี้มาหลายครั้ง

แต่ตอนที่มือกำลังจะจับตัวเจี้ยนเฉิน มันก็มีแสงสีขาวส่องประกายขึ้นมา

แสงสีขาวนี้เล็กขนาดเท่ากับนิ้วมือแต่มันปรากฏขึ้นมาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ด้วยความแข็งแกร่งขั้นแลกเปลี่ยนช่วงสูงสุดนั้นไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงการปรากฏตัวของแสงสีขาวนี้ได้ก่อนมันจะหายไป

ต่อมายามทุกคนต่างก็รู้สึกเจ็บจนบีบหัวใจจากที่แขนของตน พวกนั้นพากันร้องเสียงหลงออกมา

เลือดได้พุ่งออกมาราวกับน้ำพุจากไหล่ของพวกเขา ยามพวกนั้นต่างก็เสียแขนไปโดยไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย ตาของคนบนชั้นสองเบิกกว้าง พวกเขามองไปที่ยามซึ่งเสียแขนไปด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ พวกเขาต่างก็ตกตะลึง ในเวลาเดียวกันพวกเขาต่างก็พากันรู้สึกสับสนและสงสัยขึ้นมา

พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งแต่อย่างใด นอกจากหญิงสาวที่ชื่อรั่วรั่วซึ่งอยู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงต้นแล้ว คนอื่น ๆ เป็นแค่เพียงขั้นแลกเปลี่ยน พวกเขาไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงการปรากฏขึ้นมาของแสงสีขาวได้เลย

ผลก็คือพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายามเหล่านั้นเสียแขนไปได้ยังไง

พวกเขาเห็นแค่ยามยื่นมือเข้าไปหาเจี้ยนเฉิน แต่ก่อนที่แขนจะเหยียดออกไปได้สุด แขนเหล่านั้นก็ถูกขาดออกจากตัวทันที แขนเหล่าพวกนั้นตกลงที่พื้น มันประหลาดอย่างมาก

มีแค่หญิงสาวที่ชื่อรั่วรั่วที่รับรู้ได้ถึงแสงสีขาวที่ส่องประกายจากความแข็งแกร่งขั้นศักดิ์สิทธิ์ของนาง สายตาของนางเต็มไปด้วยความตะลึง นางจ้องมองเจี้ยนเฉินตาไม่กระพริบ เขายังยืนนิ่งอยู่กับที่และดูใจเย็นดังเดิม

นางเองก็ไม่เห็นว่าเจี้ยนเฉินนั้นทำอะไรลงไป เจี้ยนเฉินไม่ได้ขยับนิ้วเลยแม้แต่น้อยจากที่นางเห็นมา แต่นางก็แน่ใจว่าแขนของยามที่ขาดไปนั้นเป็นเพราะเจี้ยนเฉิน

ยามพากันหน้าซีดและร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เสียงพวกเขาดังสนั่นจนคนด้านนอกร้านก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจน

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว “หากพวกเจ้าอยากร้อง งั้นก็ลงไปที่ชั้นล่างเสีย อย่าขวางทางข้าซื้อกระบี่” เมื่อพูดจบ เจี้ยนเฉิน ก็ได้เตะออกไปโดยไม่ปราณี ทำให้ยามกระเด็นออกไปนอกหน้าต่าง พวกนั้นตกลงไปที่ถนนนอกร้านอย่างแรง

ท่าทีของเขาทำให้เจ้าหน้าที่สาวหน้าซีด นางคิด “ข้าจบสิ้นแล้ว คนผู้นี้เพิ่งหาเรื่องตระกูลหยาง ตระกูลหยางไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ แม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวอะไรกับข้า แต่ข้าก็เป็นคนที่พาเขามาที่ชั้นสอง แม้แต่ข้าก็อาจจะหลีกเลี่ยงการลงโทษจากตระกูลหยางไปไม่ได้”

“จะ จะ เจ้าทำให้คนของข้าบาดเจ็บ จะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ? ข้าคือนายน้อยตระกูลหยาง” หยางเทียโกรธจนหน้าซีดและชี้นิ้วไปที่เจี้ยนเฉิน เขาโกรธอย่างมาก

“ตระกูลหยาง ? ” สีหน้าของเจี้ยนเฉินยังคงเดิม เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ชายหนุ่มและถามขึ้นมา “ใช่ตระกูลของหยางไคหรือไม่ ? ”

สีหน้าของหยางเทียดูดีขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาคิดว่าเจี้ยนเฉินกลัวขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นสีหน้าเขาแสดงความภูมิใจออกมา เขาพูดขึ้นด้วยท่าทีหยิ่งทะนง “ถูกต้อง หยางไคคือทวดของข้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้โง่งมจนไม่รู้อะไร ในเมื่อเจ้ารู้จักกับทวดของข้า หากเจ้าฉลาด จงคุกเข่าและคำนับ 9 ครั้ง แล้วข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากกับเรื่องในวันนี้”

หยางเทียคงได้แต่โทษกับการมองไม่เห็นรายละเอียดปลีกย่อยใด ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่เห็นว่าเจี้ยนเฉินยังใจเย็นอยู่ได้เมื่อพูดถึงชื่อหยางไค สีหน้าของเจี้ยนเฉินไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ได้เผยท่าทีหวาดกลัวใด ๆ ออกมา เขาถึงกับพูดชื่อหยางไคโดยตรงโดยไม่ใส่คำว่าผู้อาวุโสแบบที่คนอื่นทำ

“ทวดของเจ้าก็มีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่รู้รึไม่ว่ามีกี่คนที่แข็งแกร่งกว่าทวดของเจ้า มันมีคนที่เจ้าไม่อาจจะหาเรื่องได้อยู่ เจ้าคงจบลงด้วยการถูกสังหาร” เจี้ยนเฉินพูดอย่างใจเย็น เสียงของเขาฟังดูเย็นชาแล้วพูดต่อ “ ข้าจะปล่อยเจ้าไปในครั้งนี้เพราะทวดของเจ้า แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้น”

“ถูกต้อง มันมีคนมากมายที่แข็งแกร่งกว่าทวดของข้าในโลกนี้ แต่เจ้าไม่ใช่หนึ่งในนั้น ยิ่งกว่านั้นเจ้าเองก็ไม่มีสิทธิมาพูดกับข้าด้วยฐานะที่ต่ำต้อยเช่นนี้ แต่ข้าจะจดจำสิ่งที่เจ้าพูดไว้ในวันนี้ ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะมีท่าทีหยิ่งทะนงแบบนี้ต่อไปได้นานแค่ไหน” หยางเทียพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คู่มือของเจี้ยนเฉิน ดังนั้นเขาจึงได้แต่กลับไปเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ

หลังจากนั้นเขาก็หันกลับไปหารั่วรั่วและพูดขึ้นว่า “รั่วรั่ว ไปกันเถอะ ! ”

“นายน้อยหยาง ข้ายังเลือกกระบี่ไม่เสร็จ เจ้ากลับไปก่อนได้เลย” รั่วรั่วพูดกับหยางเทีย

สีหน้าของหยางเทียบิดเบี้ยวไป เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วหันกลับก่อนจะเดินออกไปด้วยสีหน้ามืดครึ้ม

“หยางเทีย รอข้าก่อน ! ” หญิงสาวที่หยิ่งทะนงบอกลารั่วรั่วและรีบตามหยางเทียไปพร้อมกับยามของนาง

“กระบี่นี่ราคาเท่าไหร่ ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่กระบี่ที่เขาสนใจและถามคำถามกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

เจ้าหน้าที่นั้นยืนอยู่ข้างเจี้ยนเฉิน ตอนนั้นนางเกือบจะร้องไห้ออกมา นางไม่สนใจว่าเจี้ยนเฉินมาที่นี่เพื่อซื้อกระบี่จริง ๆ หรือไม่ แม้ว่านางจะได้รับรางวัลก้อนโตหากขายกระบี่บินคุณภาพสูงได้ แต่นางก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป นางหวังแค่ว่าเจี้ยนเฉินจะออกจากร้านไปให้เร็วที่สุดและตระกูลหยางจะมองข้ามนางไป

ศาลากระบี่แท้จริงไม่ได้กลัวตระกูลหยางด้วยภูมิหลังที่มี แต่นางเป็นแค่ลูกจ้างที่ไม่มีภูมิหลังใด ๆ นางเป็นคนพา เจี้ยนเฉินมายังชั้นสอง เพราะแบบนั้นหากตระกูลหยางตัดสินใจจะเอาเรื่อง นางคงต้องมีปัญหาไปด้วย

แต่นางไม่ได้กล้าพอจะพูดเรื่องแบบนั้นออกมา ลูกค้าของนางคือคนที่ไม่ได้กลัวแม้แต่ตระกูลหยาง เขาต้องมาจากตระกูลใหญ่เช่นกัน นางไม่อาจจะหาเรื่องคนแบบนี้เช่นกัน

“คุณชาย กระบี่บินนี่มีชื่อว่าสายรุ้ง ราคาของมันคือ 6 ล้านเหรียญผลึกคุณภาพสูง “ – หญิงสาวพูดด้วยท่าทีอึดอัด

“อะไรนะ ? 6 ล้านเหรียญผลึกคุณภาพสูง ? ” เจี้ยนเฉินตะลึงเมื่อได้ยินราคา ตอนทีเขาซื้อกระบี่หิมะบินในแคว้นตงอัน มันราคาแค่แสนเหรียญผลึกระดับกลางเท่านั้น