ตอนที่ 1847: ไร้ยางอาย

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1847: ไร้ยางอาย

เสียงที่ไม่แยแสของหยางไคก็มีพลังเช่นกัน ราวกับว่าซีหยูจะไม่ได้มีชีวิตรอดออกไปจากห้องพัก หากนางไม่ต้องการขายทองเพลิง

ยิ่งไปกว่านั้นในขณะที่เขาพูด แหวนมิติที่มีเหรียญผลึกระดับสูง 200,000 เหรียญก็ลอยอย่างช้า ๆ ตรงหน้าซีหยูภายใต้พลังงานล่องหน

ทั้งซีหยูและโม่หยานต่างก็ซีดเซียว ร่างกายของพวกนางสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าบรรพชนของตระกูลหยางต้องการบังคับซื้อจากพวกเขา.

ยิ่งกว่านั้นเขาไร้ยางอายมากเช่นกัน อันที่จริงพวกเขาประมูลทองเพลิงจากสมาคมการค้าแห่งราชสำนักมาได้ในราคาต่ำ ด้วยเหรียญผลึกระดับสูง 100,000 เหรียญ แต่นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาใช้ชื่อเสียงของตระกูลเทียนหยวน พวกเขายังพูดถึงชื่อของเจี้ยนเฉินเพื่อที่จะขัดขวางผู้ซื้อรายอื่น ดังนั้นคนอื่น ๆ จึงเห็นแก่ตระกูลเทียนหยวนและไม่ได้มีส่วนร่วมในการเสนอราคา มิฉะนั้นราคาของทองเพลิงจะไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่นอน อย่างน้อยที่สุดมันจะไปถึงราคาเหรียญผลึกระดับสูง 500,000 เหรียญ

หากมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดก็เป็นไปได้ที่ทองเพลิงจะไปถึงราคาเหรียญผลึกระดับสูงนับล้าน

แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่หยางไคซึ่งเป็นบรรพชนของตระกูลหยางยังต้องการที่จะซื้อจากพวกเขา แต่พวกเขายังเสนอราคาต่ำเช่นกัน เขาช่างไร้ยางอายอย่างไม่น่าเชื่อ

“ผู้อาวุโสหยาง ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญที่โด่งดังเป็นที่รู้จักของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน เป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก ท่านไม่คิดเลยรึว่าท่านได้เอาเปรียบเราทั้งสองคนมากไปหน่อย ? ” ซีหยูพูดเสียงแหบ สีหน้าของนางบูดบึ้งมาก

“ท่านไม่มีความละอายใด ๆ เลยในการใช้ประโยชน์จากเรา มันช่างน่าอายสำหรับการเป็นขั้นเหนือเทพ ข้าไม่เคยคิดว่าท่านจะน่าสมเพชเช่นนี้ พี่ซีหยู เราซื้อทองเพลิงมาให้ผู้นำเจี้ยนเฉิน เราไม่สามารถมอบสิ่งนี้ให้เขาได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” โม่หยานกล่าวอย่างดุเดือดด้วยใบหน้าที่แน่วแน่

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของหยางไค เขาเหลือบไปที่โม่หยาน การเหลือบมองของเขานั้นเย็นชาและไร้ความปราณี และมันก็มีแสงแวววาวที่คมราวกับกระบี่

โม่หยานรู้สึกทันทีว่าศีรษะของนางกำลังระเบิดจากการมองของหยางไค มันทำให้หัวของนางสั่นราวกับว่าวิญญาณของนางกำลังจะแตกสลาย ร่างของนางสั่นคลอนอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และนางก็ตกลงมาจากเก้าอี้และร่วงลงบนพื้นอย่างไร้พลัง นางกระอักเลือดอยู่ตลอดเวลา

การเหลือบมองของหยางไคทำให้โม่หยานบาดเจ็บสาหัส

โม่หยานอ่อนแอเกินไป ในสายตาของหยางไค นางไม่มีความสำคัญใด นางด้อยค่าเสียยิ่งกว่ามด

“น้องโม่หยาน ! ” ใบหน้าของซีหยูเปลี่ยนไปอย่างมาก นางร้องตะโกนเสียงดัง นางรีบช่วยโม่หยานจากพื้นและให้ยารักษานางโดยเร็วที่สุด นางจ้องมองหยางไคด้วยความเกลียดชังและคำรามว่า “ผู้อาวุโสหยาง ท่านรู้หรือไม่ว่าน้องโม่หยานมีความสำคัญต่อผู้นำอย่างไร ? ผู้นำจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ เพราะตอนนี้ท่านได้ทำร้ายนาง ท่านต้องการประกาศสงครามกับตระกูลเทียนหยวนจริง ๆ หรือ ? ”

“ประกาศสงครามกับตระกูลเทียนหยวนหรือ ? ” ดูเหมือนหยางไคคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก เขาพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “ คำพูดก่อนหน้านี้ของนางเป็นความผิดที่สมควรแก่ความตาย ถ้าไม่ใช่เพื่อเจี้ยนเฉิน เจ้าคิดว่าหญิงสาวตัวเล็กคนนี้จะยังมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่ ? สำหรับตระกูลเทียนหยวน…”

ในสายตาของหยางไคมีการดูถูกเหยียดหยาม เขากล่าวว่า “นอกเหนือจากเจี้ยนเฉินแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวกับตระกูลเทียนหยวนที่ดึงดูดสายตาของข้า ยิ่งกว่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่เจี้ยนเฉินจะประกาศสงครามกับตระกูลหยางของข้าเพียงเพราะเรื่องของเซียนจักรพรรดิ เพราะตระกูลเทียนหยวนจะไม่สามารถทนต่อความสูญเสียที่จะตามมาได้”

“หยางไค ข้าจะจำสิ่งที่เจ้าพูดในวันนี้ ตระกูลเทียนหยวนของเราจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงแบบนี้” ซีหยูพูดถึงหยางไคโดยใช้ชื่อของเขาโดยตรงขณะที่นางกัดฟันอย่างเจ็บใจ จิตใจของนางสั่นไหวขณะที่มองไปที่โม่หยานที่หน้าซีดและเปื้อนเลือด

“มาบอกข้าอีกทีตอนที่เจ้ากลายเป็นขั้นเหนือเทพ ซีหยู ยอมรับเหรียญผลึกระดับสูง 200,000 เหรียญ ส่งทองเพลิงมาให้ข้า” หยางไคพูดอย่างสงบ เขาไม่ได้ปฏิบัติต่อซีหยูอย่างเป็นคนสำคัญ

ซีหยูพูดอย่างเย็นชา “ข้าจะไม่…” ทันใดนั้นนางก็หยุดพูด ดวงตาของนางก็เบิกกว้างในขณะนั้นด้วยความโกรธ, ความเสียใจเต็มอยู่ในดวงตาของนาง

ในขณะนั้นซีหยูค้นพบว่าร่างกายของนางถูกตรึงด้วยพลังลึกลับ นางไม่สามารถขยับตัวเคลื่อนไหวได้เลย

“ เนื่องจากเจ้าจะไม่ส่งมอบมันมาให้ข้า ข้าก็ต้องไปเอามันมาด้วยตัวเอง” หยางไคพูดอย่างเมินเฉย เขายื่นมือออกไปและถอดแหวนมิติออกจากนิ้วของซีหยูด้วยตัวเอง หลังจากค้นหาสักพัก เขาก็หยิบทองเพลิงออกมาก่อนที่จะสวมแหวนมิติกลับไปบนนิ้วของซีหยู

ตลอดกระบวนการทั้งหมด ซีหยูยังคงถูกขังอยู่ในอำนาจลึกลับ นางทำได้เพียงแค่มองดูหยางไคแย่งทองเพลิงไป

“ เจ้าไม่ได้ขาดทุนเลย เจ้าขายทองเพลิงด้วยเหรียญผลึกระดับสูง 200,000 เหรียญ” ในที่สุดหยางไคก็ยิ้มเล็กน้อยเมื่อเขาถือทองเพลิง เขาปลดซีหยูจากการกักขังและกล่าวว่า “ข้อตกลงระหว่างเราเสร็จสิ้นแล้ว กลับไปได้”

ซีหยูรู้ว่าไม่ว่านางจะพูดอะไรมันก็ไร้ประโยชน์แล้วเมื่อเรื่องทั้งหมดกลายเป็นเช่นนี้ นางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย สิ่งที่นางทำได้คือช่วยเหลือโม่หยาน ขณะที่นางออกจากตระกูลหยางด้วยความโกรธแค้น

หลังจากที่ทั้งสองออกเดินทางไปแล้ว ผู้นำแห่งตระกูลหยางก็เดินมาหยุดข้าง ๆ หยางไค เขาถามอย่างสุภาพว่า “บรรพชน สิ่งที่เราทำลงไปจะทำให้ผู้นำตระกูลเทียนหยวนโกรธเคืองหรือไม่ ? ”

หยางไคกล่าว “มันเป็นข้อตกลงระหว่างซีหยูกับข้า แน่นอนนางไม่ได้ใช้ความมั่งคั่งของตระกูลเทียนหยวนเพื่อซื้อทองเพลิง ดังนั้นของชิ้นนี้จึงไม่ได้เป็นของเจี้ยนเฉินตั้งแต่แรกแล้ว ข้าซื้อมันจากนางก่อนที่เขาจะแตะมัน เขาจะทำอะไรได้แม้ว่าเขาจะมารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ? ท้ายที่สุดมันเป็นเพียงข้อตกลงปกติระหว่างซีหยูกับข้า”

“ยิ่งไปกว่านั้น ทองเพลิงเป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูงสุดในการหลอมอาวุธ มันค่อนข้างหายาก แต่ก็ไม่ได้มีลักษณะเฉพาะในโลกเซียน เป็นไปได้เสมอที่จะเจอมันในอนาคตหากเขาต้องการ เจี้ยนเฉินไม่ใช่คนโง่ เขาคงจะไม่ทำตัววู่วามเพียงเพื่อวัสดุที่ใช้ในการหลอมอาวุธหรอก”

“แน่นอนสิ่งที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องรอง จุดสำคัญที่สุดคือข้าต้องการทองเพลิงอย่างมาก”

……

พลังงานอันทรงพลังสั่นสะเทือนในสภาพแวดล้อมของที่ราบที่ว่างเปล่าบางแห่งซึ่งอยู่ห่างออกไป 50 ล้านกิโลเมตรจากเมืองหลวง มันทำให้เมฆสีขาวบนท้องฟ้าลดลงเป็นเศษเล็กเศษน้อย

ค่ายกลสังหารที่ทรงพลังถูกวางไว้บนพื้นดิน มันปะทุออกมาพร้อมกับพลังทั้งหมดของมันในขณะที่เสียงดังสนั่นขึ้นจากภายในค่ายกลสังหาร

ผู้คนที่ติดอยู่ในค่ายกลสังหารคือขอบเขตเทพทั้งสี่จากสำนักดาบโลหิต ปัจจุบันพวกเขากำลังใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อโจมตีค่ายกล พวกเขากำลังพยายามที่จะหลบหนี

“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นไปอย่างที่ข้าคาดไว้. เซิ้งเฟย เจ้าใช้แผ่นค่ายกลส่งตัวนั่นจริง ๆ เยี่ยมมาก ! ตอนนี้การฆ่าพวกเจ้าทุกคนจะง่ายเหมือนการปอกกล้วยเข้าปาก” ชายสี่คนสวมเสื้อคลุมสีฟ้าเยาะเย้ยขณะที่พวกเขาจ้องค่ายกลสังหารจากด้านนอก

“ฮัวหยงหยวน เจ้าจริง ๆ ด้วย เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าเราจะถูกขนส่งไปที่ไหนตอนที่เราใช้แผ่นค่ายกลส่งตัวทางไกล เจ้ามาดักจัดการกับเราได้อย่างไรในสถานที่ซึ่งเราปรากฏตัวและยังสร้างค่ายกลสังหารที่ทรงพลังเช่นนี้ ? เจ้าทำบางอย่างกับแผ่นค่ายกลส่งตัวใช่หรือไม่ ? ” ผู้อาวุโสของสำนักดาบโลหิตร้องออกมาจากภายในค่ายกลสังหาร

“ถูกต้อง เราปรับแต่งแผ่นค่ายกลส่งตัว เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เจ้ามารู้เอาตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว วันนี้เจ้าทั้งสี่ต้องจบชีวิตที่นี่” ชายคนที่พูดก่อนหน้านี้หัวเราะเสียงดัง