“ทำไม? เจ้าจะซักถามเกี่ยวกับคำสั่งของหัวหน้าแก๊งหรือ?”หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง “หากเจ้าไม่เชื่อละก็ สามารถทะลุผ่านหลุมดำเอกภพกลับไปสอบถามหัวหน้าแก๊งได้ ทว่าหากเจ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าแก๊ง ถึงครานั้นหากหัวหน้าแก๊งตำหนิลงโทษ เจ้าก็ต้องรับผิดชอบเพียงผู้เดียวแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้อาวุโสมกุฏเทพคนนี้จึงขมวดคิ้วลง ผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้มีผลการฝึกตนเพียงเทพฟ้ากระจอก ๆ แต่กลับถ้าพูดจาไม่เกรงใจต่อตนเช่นนี้ นี่จึงทำให้เขาที่เป็นผู้อาวุโสมกุฏเทพรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

ทว่าฝ่ายตรงข้ามถือป้ายบัญชาการหัวหน้าแก๊งอยู่ในมือ เขากลับทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทน หากหัวหน้าแก๊งลงคำสั่งให้เขาถอยกลับไปจริง ๆ ละก็ ถ้าเขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วย้อนกลับไปสอบถาม ต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน

“ธุระทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้ ข้าจักเป็นผู้รับผิดชอบเอง บัดนี้ข้าขอสั่งการเจ้าในนามหัวหน้าแก๊ง รีบพาคนในสมาคมถอยกลับไปเดี๋ยวนี้!”หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก

“เจ้าเป็นคนในสมาคมเฟยหยางของเราหรือ? เหตุใดข้าถึงไม่เคยพบหน้าเจ้ามาก่อน?”ผู้อาวุโสมกุฏเทพหรี่ตาลงพลางถาม

“ผู้อาวุโสที่ผลการฝึกตนเป็นเพียงมกุฎเทพกระจอก ๆ อย่างเจ้ายังไม่มีสิทธิ์รู้จักข้า หากเจ้ายังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งละก็ จักเป็นการขัดขืนคำสั่ง ข้ามีสิทธิ์ประหารชีวิตเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลัวซิวตอบกลับอย่างรู้สึกรำคาญเล็กน้อย

“เจ้าหมอนั่นคือใครน่ะ? กําเริบเสิบสานเช่นนี้เลยหรือ?”วินาทีนี้นักยุทธ์จำนวนมากของสมาคมเฟยหยางที่ตั้งมั่นรักษาอยู่ในป้อมปราการบริเวณรอบ ๆ ล้วนมองหน้าซึ่งกันและกัน

พวกเขาไม่รู้จักหลัวซิวเลย ดังนั้นจึงยิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดหัวหน้าแก๊งถึงต้องส่งคนประเภทนี้มา โดยเฉพาะหากถอนกำลังกลับไปตอนนี้ละก็ จะไม่ไปแก่งแย่งสมบัติและทรัพยากรในพิภพต่ำอย่างโลกาเทพฟ้าแล้วหรือ?

อย่างไรก็ตามป้ายบัญชาการหัวหน้าแก๊งปรากฏอยู่ตรงหน้า หากเป็นคำสั่งของหัวหน้าแก๊งจริง ๆ ละก็ โทษฐานของการขัดขืนคำสั่งนั้นมันไม่ใช่เล่น ๆ แน่นอน

หากไม่มีกฎระเบียบ ก็จะไม่มีบ้านเมืองที่เรียบร้อย ยิ่งเป็นกองกำลังใหญ่ กฎระเบียบก็ยิ่งเข้มงวด การขัดขืนคำสั่งเท่ากับการยั่วยุอำนาจบารมีของหัวหน้าแก๊ง!

“รวมตัว! ส่งสารให้คนที่อยู่ด้านนอกกลับมา!”

ผู้อาวุโสมกุฎเทพนิ่งเงียบไปก่อน สุดท้ายก็กัดฟันแน่น ปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าแก๊งอยู่ดี

“ต้องอย่างนี้สิ การที่ให้เจ้ากลับไปนั้นมันมีผลดีต่อเจ้า”มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหลัวซิว

ผู้อาวุโสมกุฎเทพคนนั้นทำเสียงหึและไม่พูดอะไรอีกเลย อีกทั้งไม่ทราบด้วยว่าคำพูดที่หลัวซิวกล่าวมานั้นคือความจริง

โลกแสงดาวคือบ้านเกิดของหลัวซิว ในเมื่อเขาพบเจอแล้วก็ไม่มีทางนิ่งดูดายอย่างแน่นอน หากให้เขาลงมือสยบภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วยตนเองละก็ ไม่ว่าผู้คนในสมาคมเฟยหยางมามากเท่าไหร่ ก็ต้องได้ตายมากเท่านั้นแน่นอน

ประสิทธิภาพในการทำงานของสมาคมเฟยหยางรวดเร็วมาก ๆ ใช้เวลาไม่นานนัก ผู้อาวุโสมกุฎเทพคนนี้ก็ระดมนักยุทธ์ได้ร้อยกว่าคน นอกจากคนส่วนหนึ่งที่รับผิดชอบเฝ้าระวังหลุมดำเป็นราชาเทพแล้ว คนอื่นที่เหลือล้วนมีผลการฝึกตนเป็นเทพมาร

หลังจากคนกลุ่มนี้เข้าไปในหลุมดำเอกภพอย่างยิ่งใหญ่แล้ว หลัวซิวจึงรีบง้างมือขึ้นมาปล่อยพลังตราประทับออกไป ใช้วิชาแห่งค่ายกลปิดผนึกหลุมดำเอกภพนี้เอาไว้

อาศัยระดับฝีมือด้านค่ายกลของเขา คนฝั่งโลกะอิมเอี๊ยงจะไม่สามารถส่งคนมายังที่นี่ได้อีก ในส่วนของเรื่องที่ว่าเรื่องนี้จะสร้างผลกระทบให้ทางสมาคมเฟยหยางมากเท่าไหร่กันนั้น หลัวซิวก็เบื่อที่จะไปสนใจแล้ว

“เราไปกันเถอะ”

ใช้เคล็ดวิชากดอัดตนเอง กดอัดผลการฝึกตนให้ลงไปถึงแดนเทพมาร หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง พวกหลัวซิวก็มาถึงโลกแสงดาว

การได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้ง ทำให้จิตใจของหลัวซิวรู้สึกทอดถอนใจอย่างมาก เขาเข้าสู่ฟ้าดินของโลกแสงดาว ความรู้สึกที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้านั่น ทำให้สภาพจิตใจของเขาสั่นกระเพื่อมเล็กน้อย

ความทรงจำมากมายของเขาได้เกิดขึ้นที่นี่ เป็นบ่อเกิดของเขา และเป็นจุดที่เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างฉับพลันเช่นกัน