เย่เฉินยิ้ม “ฉันรู้สึกว่ามันดีจะตาย ไม่ได้เสียหน้าอะไร”

“เอ่อ…” กู้เหว่ยเลี่ยงแทบจะหมดอาลัยตายอยาก

เย่เฉินช่างยืนกรานไม่มีผ่อนปรนโดยแท้!

ตนยังคิดจะอาศัยความสัมพันธ์ของลูกพี่ลูกน้องในทุกๆ ทาง คิดไม่ถึงว่าเจ้าตัวจะไม่ให้โอกาสโดยสิ้นเชิง

อีกทั้งต่อให้ทำตัวดีๆ ก็อาจยังต้องใช้เวลาสามปีห้าปี สามปีห้าปีที่ต้องหักห้ามใจ นี่ไม่เท่ากับต้องการชีวิตตนหรอกหรือ?

แต่นอกจากนี้แล้ว เขาก็ไม่มีวิธีที่ดีๆ อื่นใดอีก ได้แต่ทำหน้าหนาพูดอย่างนอบน้อมว่า “พี่เขย ต่อไปผมจะต้องทำตัวดีๆ อย่างแน่นอน คุณวางใจได้เลย”

เย่เฉินกล่าวด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “อย่าพูดเหลวไหล ฉันไม่ใช่พี่เขยนาย”

กู้เหว่ยเลี่ยงพยักหน้าเออออกับตัวเอง “ผมรู้ ตอนนี้ยังไม่ใช่ แต่ช้าเร็วก็ต้องใช่…”

เย่เฉินคร้านจะถกหัวข้อน่าเบื่อหน่ายพวกนี้กับเขาอีก จึงไม่สนใจเขาอีก

เวลานี้ต่งรั่งหลินก็เขยิบเข้ามาถามเขาเสียงค่อยว่า “เย่เฉิน คุณจะกลับจินหลิงเมื่อไหร่?”

“พรุ่งนี้”

“หา? เร็วขนาดนี้เชียว? ไม่อยู่เย่นจิงอีกสักหลายวันล่ะ?”

“ฉันจัดการธุระเสร็จแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องอยู่อีก พรุ่งนี้ก็จะไปเลย”

ต่งรั่งหลินฟังมาถึงตรงนี้ ก็พูดโดยไม่ต้องคิดว่า “งั้นพรุ่งนี้ฉันไปด้วย เราสองคนไปพร้อมกันได้ไหม? นั่งเครื่องบินกลับด้วยกัน”

เดิมเย่เฉินคิดจะปฏิเสธ แต่เห็นใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความอ้อนวอน จึงพูดปฏิเสธไม่ออกจริงๆ

เพราะอย่างไร ระหว่างเพื่อนนั่งเครื่องบินด้วยกันถือเป็นเรื่องปกติมาก ตนไม่อาจจงใจไม่ยอมนั่งเครื่องบินพร้อมกับเธอได้

ด้วยเหตุนี้เย่เฉินจึงกล่าวว่า “ได้สิ งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ”

ต่งรั่งหลินรีบเอ่ยว่า “งั้นคุณเอาข้อมูลบัตรประชาชนมาให้ฉัน ฉันจะซื้อตั๋วด้วยกันเลย!”

“ได้”

ช่วงที่งานเลี้ยงกำลังดำเนินไป น้าชายใหญ่และน้าชายรองของขงเต๋อหลง ก็เตรียมอุปกรณ์ให้เขาปั่นไปจินหลิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว

พวกเขาจัดแจงให้คนรับใช้ ไปซื้อจักรยานฟีนิกซ์28นิ้ววินเทจมาคันหนึ่ง แถมด้านหลังจักรยานยังติดที่วางสัมภาระยี่ห้อหลี่ที่มัดได้ไว้อันหนึ่ง จากนั้นก็ซื้อของจำพวกหมวกจักรยาน เสื้อกันหนาวอย่างหนา ถุงนอน เต็นท์ กาต้มน้ำให้เขา

พวกเขาไม่ได้เกิดห่วงหลานชายคนนี้ขึ้นมาจริงๆ หรอก แต่เป็นเพราะอยากให้เขากินข้าวเสร็จจะได้ออกเดินทางทันที เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดความเชื่องช้าจนทำให้เย่เฉินโกรธ หากเดือดร้อนมาถึงตระกูลต่งอีก อย่างนั้นคงจะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงขึ้นมาจริงๆ แล้ว

หลังต่งซิ่วหัวรู้ก็ไม่สนใจความโกรธอีก รีบโทรหาข่งลิ่งเช่อสามีที่เพิ่งทำงานเสร็จให้รีบมายังงานเลี้ยงวันเกิด โดยพูดเรื่องนี้กับเขาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ให้เขารีบเก็บสัมภาระบางส่วนของลูกชายมาจากบ้าน จำพวกเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่ซักแล้ว และเสบียงอาหารสำหรับเดินทางเป็นต้น

พอข่งลิ่งเช่อฟังต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้จบ ก็ทั้งโกรธทั้งกลัว โชคดีแค่ไหนแล้วที่เรื่องนี้ไม่ได้ล่วงเกินตระกูลกู้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ตระกูลขงคงจะเดือดร้อนครั้งใหญ่แล้ว

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สนใจจะมาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดแม่ยายอีก รีบร้อนกลับบ้านเก็บข้าวของให้ลูกชายแทน

รอจนงานเลี้ยงใกล้จะสิ้นสุดแล้ว เขาจึงรีบขับรถบึ่งมาอย่างรวดเร็ว

พอขงเต๋อหลงเห็นบิดามา ก็กอดบิดาไว้โดยไม่พูดอะไรสักคำแล้วร้องไห้โฮออกมา

ใกล้จะต้องไปจินหลิงเพื่อปรับปรุงตัวหนึ่งปี หนึ่งปีนี้จะลำบากมากแค่ไหน ในใจเขาพอจะคาดเดาออกแล้ว ดังนั้นพอเห็นบิดา ในใจจึงโศกเศร้าเหลือแสน

ข่งลิ่งเช่อเองก็จนปัญญาอย่างยิ่งเช่นกัน

แม้จะรักและสงสารลูกชาย แต่เขาเตร็ดเตร่อยู่ในเย่นจิงมานานหลายปี ย่อมรู้จักเนื้อแท้ของวงสังคมชั้นสูงดี

อยู่ในวงสังคมชั้นสูงนี้ เงินมากมายก่ายกองสามารถกดทับคนตายได้

อย่าคิดว่าปกติเห็นตระกูลขงยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ แต่พอพบกับตระกูลสูงส่งอย่างตระกูลกู้เช่นนี้ แม้แต่ผายลมก็ยังไม่กล้าปล่อย ในเมื่อลูกชายล่วงเกินคนตระกูลกู้ รวมถึงแขกคนสำคัญของตระกูลกู้ เรื่องนี้จึงมีราคาที่ต้องจ่าย ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ตระกูลขงก็ต้องแบกรับความโกรธของตระกูลกู้แทน

ก่อนหน้านี้ก็เคยมีตระกูลเช่นนี้ ลูกชายก่อหายนะ กลับรีบร้อนปกป้องลูก ยืนกรานว่าจะใช้ทั้งตระกูลมาแบกรับ ผลคือตระกูลถูกคนทำให้แทบล้มละลายยังพอว่า ยังไม่อาจปกป้องลูกชายไว้ได้อีก ลูกชายถูกคนตระกูลใหญ่ทำลายเข้าจนได้

เดี๋ยวนี้ตระกูลใหญ่ทำธุรกิจ โดยส่วนใหญ่แทบจะเดินอยู่บนเส้นด้ายกันทั้งนั้น

คิดจะทำการซื้อขายใหญ่จำนวนมากกว่าพันล้านขึ้นไป ก็จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากการกู้ยืมเงิน ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีการพัฒนาเกิดขึ้น

ต่อให้เป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ เพื่อการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ก็ล้วนติดหนี้เงินกู้ธนาคารเป็นจำนวนมหาศาลทั้งนั้น ธุรกิจใหญ่อย่างCountry Garden ตามที่ได้ยินมายังมีหนี้เป็นจำนวนถึงแสนล้าน

หากโชคเข้าข้าง หาเงินได้รวดเร็วกว่าคืนเงิน ดังนั้นก็ไม่มีทางพบเจอปัญหาใหญ่

แต่หากห่วงโซ่เงินทุนเกิดติดขัดขึ้นมา ก็สามารถล้มละลายไร้ทางฟื้นคืนได้ทุกเมื่อ

เบื้องหลังของสามตระกูลใหญ่ในเย่นจิงล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเงินทุนและธนาคารมากมาย หากคิดจะลงโทษบริษัทแห่งไหนขึ้นมาจริงๆ ก็จะถอนฟืนใต้กระทะจากห่วงโซ่เงินทุนออกโดยตรง อีกฝ่ายก็จะล้มละลายเพราะห่วงโซ่เงินทุนเกิดติดขัด

ดังนั้นข่งลิ่งเช่อจึงหวาดกลัวอิทธิพลของตระกูลกู้มากกว่าขงเต๋อหลง

และเพราะเป็นเช่นนี้ เขาถึงกำลังปิติยินดีจากใจ โชคดีที่เรื่องนี้สุดท้ายแล้วความซวยมีแค่ลูกชายตัวเอง หากเดือดร้อนมาถึงตระกูลขง ตนเกรงว่าคงจะถูกนายท่านใหญ่ด่าตายแน่!