“อืม” เย่เฉินพยักหน้า แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะ อีกเดี๋ยวก็ออกเดินทางเถอะ”
เวลานี้ ต่งเจียงเหอก็ถือแบตสำรองวิ่งเข้ามา พร้อมกับส่งแบตสำรองและสายชาร์จส่งให้ขงเต๋อหลง ก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวหลง แบตสำรองนายถือให้ดี!”
ขงเต๋อหลงนำแบตสำรองใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้ จากนั้นก็เช็ดน้ำตา กล่าวก้บทุกคนว่า “คุณยาย คุณตา คุณพ่อ คุณแม่ น้าชายใหญ่ น้าชายรอง ผมไปก่อนนะครับ…”
ทุกคนเองก็โบกมือให้เขาเช่นกัน “ไปเถอะ เดินทางปลอดภัย!”
ขงเต๋อหลงมองไปทางเย่เฉินอีกครั้ง จากนั้นก็โค้งคำนับให้เขา “คุณเย่ ผมไปก่อนนะครับ…”
เย่เฉินส่งเสียงตอบรับ แล้วกล่าวขึ้นว่า “รีบหน่อย หากทำให้เวลาล่าช้าจะถูกลงโทษ”
ขงเต๋อหลงรีบพยักหน้า “คุณวางใจ ผมจะพยายามอย่างสุดกำลัง!”
เย่เฉินโบกมือหนาทีหนึ่ง “เอาล่ะ ไปได้!”
ข่งเต๋อหลงพยักหน้า มองพวกญาติๆ ของเขาแวบหนึ่งอย่างอาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็ขึ้นขี่จักรยาน28นิ้วคันใหญ่ด้วยความยากลำบาก เหยียบลูกถีบสองข้าง จากนั้นจักรยานก็ปั่นออกไปอย่างทุลักทุเล
ต่งซิ่วหัวส่งเสียงร้องไห้โฮออกมา ข่งลิ่งเช่อที่อยู่ด้านข้างก็รีบกอดเธอไว้ในวงแขนอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวปลอบว่า “เอาล่ะ เสี่ยวหลงโตแล้วนะ ถึงเวลาต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเองแล้ว”
ต่งซิ่วหัวร้องไห้พร้อมกับพยักหน้า แม้จะเจ็บปวดใจ กลับไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
เวลานี้เย่เฉินมองไปทางต่งรั่งหลิน กล่าวอย่างจริงจังว่า “พอญาติผู้พี่ของคุณถึงจินหลิงแล้ว คุณจะต้องเข้มงวดกวดขันเขา หากเขาพยายามปรับปรุงตัว บางทีอาจจะยังกลับเนื้อกลับตัวได้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ต่อไปคนผู้นี้อาจจะกลายเป็นขยะสังคมได้”
ต่งรั่งหลินรีบตอบรับทันที พลางพูดว่า “คุณวางใจ ฉันต้องเข้มงวดกวดขันอย่างแน่นอน”
“อืม” เย่เฉินพยักหน้า แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ผมกลับก่อนนะ”
ต่งรั่งหลินเค้นถามว่า “งั้นฉันจองตั๋วเครื่องบินเสร็จจะบอกคุณนะ?”
“ได้!”
ต่งรั่งหลินถามอีกว่า “ต้องการให้ฉันไปรับคุณยังที่พักเพื่อไปสนามบินพร้อมกันไหมคะ?”
เย่เฉินโบกมือ “ไม่เป็นไร เจอกันที่สนามบินเลยแล้วกัน”
กู้เหว่ยเลี่ยงรีบเขยิบเข้ามาอย่างรวดเร็ว พูดพร้อมกับยิ้มว่า “คุณเย่ คุณจะกลับบ้านลุงใหญ่ใช่ไหม? ที่นี่โบกรถแท็กซี่ยาก ถ้าอย่างนั้นให้ผมขับรถไปส่งคุณดีไหม?”
เย่เฉินมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ก็ได้”
ตระกูลต่งทั้งตระกูลส่งเย่เฉินกับกู้เหว่ยเลี่ยงขึ้นรถพร้อมกัน พอเห็นว่ารถขับออกไปแล้ว ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในที่สุด
ในรถ กู้เหว่ยเลี่ยงพูดด้วยสีหน้าประจบว่า “คุณเย่ วิธีที่คุณจัดการกับขงเต๋อหลง ช่างทำให้คนตบโต๊ะชมเชยจริงๆ!”
เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบว่า “เรื่องแค่นั้นเอง นายอย่ามาประจบฉันแบบนี้เลย”
กู้เหว่ยเลี่ยงรีบร้อนพูดว่า “ผมไม่ได้ประจบคุณจริงๆ นะ ปกติทุกคนมักจัดการปัญหาเช่นนี้ คอยแต่จะสั่งสอนอีกฝ่าย บีบให้อีกฝ่ายทำตามที่พนันไว้ แต่คุณสามารถเหลือทางถอยไว้ให้ได้ ปล่อยม้าอย่างเขาตัวหนึ่ง ยังสามารถมอบวิธีปรับปรุงตัวให้เขาโดยเฉพาะ ดูเอาใจใส่อย่างมาก เชื่อว่าต่อไปขงเต๋อหลงคงไม่กล้าทำตัวอวดเบ่งเกะกะระรานไปทั่วอีกแล้ว!”
เย่เฉินมองเขา พลางถามกลับว่า “นายล่ะ? ต่อไปนายยังกล้าทำตัวอวดเบ่งเกะกะระรานไปทั่ว หันคมดาบเข้าหาญาติตัวเองอีกไหม?”
กู้เหว่ยเลี่ยงทำสีหน้าท่าทางหวาดกลัวทันที พลางพูดโพล่งออกมาว่า “ไม่มีทางๆ ไม่มีทางเด็ดขาด!