เย่เฉินนั่งอยู่บนรถของกู้เหว่ยเลี่ยง ระหว่างทางมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลกู้ ต่งรั่งหลินก็โทรศัพท์เข้ามา บอกว่า “เย่เฉิน ฉันจองตั๋วเครื่องบินที่พวกเราสองคนจะกลับจินหลิงเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เก้าโมงเช้า โอเคไหมคะ?”
“ได้ครับ” เย่เฉินตอบกลับ “ตั๋วเครื่องบินราคาเท่าไร? ผมโอนให้คุณ”
ต่งรั่งหลินเอ่ยอย่างตำหนิ “ตั๋วเครื่องบินใบเดียวก็เท่านั้น ยังต้องให้เงินฉันอีกหรอ? คุณเห็นฉันเป็นคนนอกมากเกินไปแล้วล่ะมั้ง!”
เย่เฉินเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “คุณช่วยผมจ่ายเงิน ผมจะไม่ให้คุณได้ยังไงกันล่ะ”
ต่งรั่งหลินอุทานฮึ เอ่ยถามว่า “งั้นคุณช่วยชีวิตฉันตั้งหลายครั้ง ฉันจะไม่ตอบแทนคุณได้ยังไงกันล่ะคะ? คุณเย่เมื่อไรจะให้โอกาสฉันได้พลีกายถวายชีวิตคะ?”
เย่เฉินเพียงครู่เดียวก็ไปต่อไม่ถูก เอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “ก็ได้ครับ เรื่องตั๋วเครื่องบินผมก็ไม่เกรงใจกับคุณแล้ว พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่สนามบินก็แล้วกัน”
ต่งรั่วหลินเอ่ย “งั้นก่อนแปดโมงคุณต้องถึงสนามบิน ห้ามตื่นสายโดยเด็ดขาด”
เย่เฉินตอบกลับ “วางใจครับ ผมจะถึงสนามบินให้ตรงเวลา”
วางสายลง กู้เหว่ยเลี่ยงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถามขึ้นอย่างตื่นตระหนกว่า “คุณเย่ พรุ่งนี้คุณก็จะกลับจินหลิงแล้วเหรอครับ?”
“ใช่”
กู้เหว่ยเลี่ยงถามขึ้นอีก “คุณเย่ งั้นคุณจะกลับมาอีกเมื่อไรครับ?”
“ยังไม่แน่ใจ”
กู้เหว่ยเลี่ยงในใจผิดหวังถึงขีดสุด
เดิมทีเขายังคิดอยู่เลยว่า หากเย่เฉินอยู่เย่นจิงไปได้ตลอด ต่อไปตนเองก็จะไปที่บ้านลุงใหญ่บ่อยๆตั้งใจประจบสอพลอเขา ไม่แน่หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง ก็จะสามารถทำให้เขาให้อภัยการกระทำที่ผ่านมาของตนเอง และให้ตนเองฟื้นคืนความสามารถในการให้กำเนิดได้
แต่เย่เฉินพรุ่งนี้ก็ต้องไปจากเย่นจิง ต่อไปคิดจะประจบสอพลอก็ไม่มีโอกาสแล้ว นี่ควรจะทำอย่างไรดี?
หากเย่เฉินหลังจากนี้สามปีห้าปีถึงจะฟื้นคืนให้กับตนเองจริงๆ งั้นตนเองสามปีห้าปีนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร…
เย่เฉินมองความคิดของเขาออก เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า “ถึงแม้ผมไม่อยู่ที่เย่นจิง คุณก็สามารถตั้งใจแสดงออกต่อหน้าครอบครัวของลุงใหญ่ได้ หากพวกเขาค่อนข้างพึงพอใจกับการแสดงออกของคุณ ผมสามารถพิจารณาให้คุณฟื้นคืนสู่ปกติได้เร็วขึ้น”
กู้เห่วยเลี่ยงถึงได้โล่งอก รีบเอ่ยว่า “คุณเย่วางใจ ผมจะต้องพยายามตั้งใจแสดงออกอย่างแน่นอน!”
…
รอจนกระทั่งเย่เฉินกลับถึงบ้านตระกูลกู้ กู้เหยียนจงก็ได้ไปกู้ซื่อกรุ๊ปแล้ว
เขาเพิ่งหายจากโรคร้าย สภาพร่างกายก็ดีมากอีก ดังนั้นก็เลยมุ่งไปที่การทำงานทั้งกายและใจ ตีเหล็กในขณะที่กำลังร้อนเพิ่มอำนาจการควบคุมของตนเองในกู้ซื่อกรุ๊ปให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ในบ้านนอกจากคนรับใช้แล้ว เย่เฉินเห็นเพียงแค่กู้ชิวอี๋กึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านนิยายอยู่บนโซฟาคนเดียวเท่านั้น
เพราะภายในบ้านทั้งหมดล้วนเป็นพื้นทำความร้อน แม้ว่าภายนอกจะเป็นฤดูหนาวเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติช่วงที่หนาวสุดของปี แต่ภายในคฤหาสน์ยังคงอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง อุณหภูมิภายในห้องคงที่อยู่ที่ประมาณ28องศา อยู่ในบ้านสามารถเหมือนกับฤดูร้อน สวมเสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้นได้
กู้ชิวอี๋สวมชุดนอนกระโปรงผ้าลูกไม้ ขาที่เรียวงามขาวใสไขว้ทับกัน เปิดเผยอยู่กลางอากาศ
รูปร่างของเธอนี้ คือคนหนึ่งที่ดีที่สุดในบรรดาผู้หญิงทั้งหมดที่เย่เฉินเคยพบจริงๆ ต่อให้เป็นแม่พริกขี้หนูฉินเอ้าเสวี่ยนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ตลอดทั้งปี ก็ยังไม่สามารถเทียบได้
นี่หลักๆก็เป็นเพราะว่า สัดส่วนรูปร่างของกู้ชิวอี๋นั้นดีมากจริงๆ เธอก็คือสัดส่วนเก้าศีรษะที่ดาราหญิงทุกคนแม้แต่ฝันต่างก็ยังปรารถนา
ที่เรียกว่าสัดส่วนเก้าศีรษะ ว่ากันว่าคือความสูงของผู้หญิง เท่ากับเก้าเท่าของความยาวส่วนใบหน้าของตนเอง ผู้หญิงที่อยู่ภายใต้สัดส่วนนี้ รูปร่างคือสมบูรณ์แบบมากที่สุด ในชีวิตยากมากที่จะหาผู้หญิงที่สัดส่วนรูปร่างสมบูรณ์แบบขนาดนี้เจอ บอกว่าเลือกมาจากหนึ่งในร้อยก็ยังไม่ถือว่ามากเกินไป