เห็นเย่เฉินกลับมา กู้ชิวอี๋ก็ลุกขึ้นมาด้วยความดีใจ วิ่งไปถึงด้านหน้าของเขาด้วยความรวดเร็ว หัวเราะคิกคักพร้อมกับเอ่ยว่า “พี่เย่เฉิน ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้คะ ฉันยังนึกว่าพี่ต้องถึงตอนดึกกว่าจะกลับมาเสียอีก!”

เย่เฉินรู้สึกว่าแขนของตนเองถูกเธอกอดเอาไว้แน่น สติเริ่มหลุดลอยอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง แต่ก็ไม่กล้าคิดไปในแง่อกุศล เอ่ยปากว่า “ก็แค่เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดเท่านั้น เสร็จสิ้นพี่ก็กลับมาแล้ว”

ในขณะที่พูด เย่เฉินก็เอ่ยถามเธอว่า “คุณลุงคุณป้าต่างก็ไม่อยู่?”

“อือ” กู้ชิวอี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “พ่อฉันไปบริษัท แม่ฉันไปเข้าร่วมงานเลี้ยงดินเนอร์การกุศล มีการประมูลเพื่อการกุศลบวกกับงานเลี้ยงค็อกเทลอะไรแบบนั้น ตอนเย็นไม่ทานอาหารที่บ้าน”

เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ ด้วยตำแหน่งสถานะของหลินหว่านชิว ที่เย่นจิงก็คือซุปเปอร์เซเลบระดับแถวหน้า สามีกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ เธอก็ต้องใช้วิธีการของเธอกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน ถึงจะสามารถทำหน้าที่ผู้สนับสนุนที่ดีให้กับสามีได้

กู้ชิวอี๋ในเวลานี้เอ่ยถามขึ้นอย่างลองหยั่งเชิง “พี่เย่เฉิน พี่มั่นใจว่าพรุ่งนี้ก็จะกลับแล้วหรอคะ?”

เย่เฉินเอ่ย “ใช่น่ะสิ พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว”

กู้ชิวอี๋สีหน้าหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อยในทันที ลังเลอยู่ชั่วขณะ คิดอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยปากว่า “พี่เย่เฉิน พี่ออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิคะ!”

เย่เฉินถามเธอ “ดาราใหญ่อย่างเธอ ออกถนนตามแต่ใจ จะไม่ถูกปาปารัสซี่ตามถ่ายหรอ?”

กู้ชิวอี๋ยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ก็เหมือนคราวก่อนที่ฉันไปรับพี่ที่สนามบิน ปลอมตัวขึ้นมาก็เรียบร้อย!”

ในขณะที่พูด กู้ชิวอี๋ก็เอ่ยขึ้นอีก “ฉันพาพี่ไปดูสถานที่ๆเราเคยเล่นเมื่อตอนเด็กๆก็แล้วกัน พี่ยังจำซอยถงโล๋เสี้ยงได้หรือเปล่า?”

“ซอยถงโล๋เสี้ยง?” เย่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย มักมีความรู้สึกว่าชื่อสถานที่นี้แปลกหน้าทั้งยังคุ้นเคย

กู้ชิวอี๋เอ่ย “ก็คือที่ๆตอนเด็กๆพวกเราชอบให้คุณพ่อคุณแม่พาไปบ่อยๆยังไงล่ะ มีแผงลอย ร้านค้าเล็กๆเยอะแยะมากมาย ของอร่อย ของสนุกๆเยอะแยะมาก อีกทั้งซอยถงโล๋เสี้ยงอยู่ติดกับทะเลสาบโห้วไห่ พวกเราตอนเด็กๆพอถึงหน้าหนาวก็จะไปเล่นรถสเก็ตน้ำแข็งที่ทะเลสาบโห้วไห่ พี่ยังจำได้หรือเปล่า?”

ในสมองของเย่เฉิน ปรากฏฉากในวัยเด็กขึ้นมาในทันที

ตนเองภายในภาพอยู่กับกู้ชิวอี๋ ไปกินถังหูลู่ที่ซอยถงโล๋เสี้ยง เล่นรถสเก็ตน้ำแข็งบนพื้นน้ำแข็งที่ทะเลสาบโห้วไห่ ภายใต้การปกครองดูแลโดยพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย

ฤดูหนาวที่เย่นจิงหนาวมาก พื้นทะเลสาบของทะเลสาบโห้วไห่จะแข็งตัวเป็นน้ำแข็งหนา หลังจากที่ถูกน้ำแข็งปกคลุม ผู้คนก็จะไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง เล่นรถสเก็ตน้ำแข็งที่บนพื้นผิวของทะเลสาบ เด็กๆทั้งหลายต่างก็จะนั่งอยู่บนรถสเก็ตน้ำแข็งเล็กๆที่ตัวเองทำขึ้น อาศัยแท่งเหล็กสองแท่งแทงลงไปบนผิวน้ำแข็งให้เคลื่อนไหว

เด็กทั้งหลายในสมัยนั้นก็ไม่ได้มีผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อะไรให้ได้เล่น ดังนั้นพอถึงฤดูหนาว เย่เฉินก็จะคิดถึงการไปเล่นรถสเก็ตน้ำแข็งที่ทะเลสาบโห้วไห่อยู่ตลอดเวลา

เขายังคงจำได้ ในปีนั้นพ่อแม่ของกู้ชิวอี๋ มีเรือนสี่ประสานที่สวยงามมากอยู่ที่ริมทะเลสาบโห้วไห่ ทุกครั้งที่พ่อแม่พาเขาไปทะเลสาบโห้วไห่ ก็จะพาเขาไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของกู้ชิวอี๋ก่อน จากนั้นก็รับประทานอาหารหนึ่งมื้อที่เรือนสี่ประสานภายในบ้านของกู้ชิวอี๋

ตอนนี้คิดๆดูแล้ว ความทรงจำอันห่างไกลถึงสิบกว่าปีที่ไม่เคยปรากฏขึ้นในสมองเหล่านั้น เว้นห่างมานานขนาดนี้ ก็ยังคงปรากฏขึ้นต่อหน้าอย่างชัดเจน

กู้ชิวอี๋ในเวลานั้น ก็คือหนอนตามก้นตัวหนึ่ง สวมเสื้อนวมปุยฝ้ายหนาๆ เหมือนกับลูกบอลลูกเล็กที่สำลีห่อเอาไว้ มือเล็กๆยื่นออกมาจากแขนเสื้อนวมปุยฝ้าย จับชายเสื้อของตนเองเอาไว้แน่น จับเอาไว้ได้ก็จะไม่ยอมปล่อยมือ

ในตอนนั้น เธอมักจะเอาคำว่า“พี่เย่เฉิน”สามคำนี้ติดอยู่ที่ปาก น้ำเสียงหวานๆ ละเอียดอ่อน ทั้งยังแนบด้วยความขี้อายเล็กน้อย น่ารักมาก

แต่ว่า สถานที่นั้นที่ตัวเองตอนเด็กชอบมากที่สุด เขาเองไม่เคยได้ไปอีกมาสิบแปดปีเต็มๆแล้ว

คิดถึงตรงนี้ ในใจของเย่เฉิน ก็เต็มไปด้วยความหวนรำลึกถึง

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเอ่ยถามกู้ชิวอี๋ “หนานหนาน เรือนสี่ประสานที่อยู่ริมทะเลสาบโห้วไห่ของครอบครัวเธอ ยังอยู่หรือเปล่า?”

“อยู่สิคะ!” กู้ชิวอี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นเป็นถึงสิ่งก่อสร้างเชิงอนุรักษ์ ไม่อนุญาตให้รื้อถอน สองปีก่อนพ่อฉันยังจ่ายเงินรีโนเวทใหม่ไปไม่น้อย หากไม่ใช่ใจกลางเมืองตอนนี้การจราจรแออัดมาก พวกเรายังอยากย้ายเข้าไปอยู่ประจำเลย”

ในขณะที่พูด เธอเอ่ยถามขึ้นด้วยความดีใจอย่างยากที่จะซ่อน “พี่เย่เฉิน จะให้ฉันพาพี่ไปดูตอนนี้เลยไหมคะ?”

ความทรงจำในสมองของเย่เฉินโอบล้อมเข้ามา ในใจรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที เอ่ยปากโดยไม่คิดเลยว่า “ได้!