นี่ ก็คือกำแพงบังตาเก้ามังกรที่ในสิ่งก่อสร้างของราชสำนักสมัยโบราณถึงจะมี สามารถพูดได้ว่าเป็นอย่างหนึ่งที่มาตรฐานสูงที่สุด ภายในราชวังต้องห้ามก็มีกำแพงบังตาเก้ามังกรที่คล้ายคลึงกันอยู่หนึ่งชิ้น

วางไว้ในปัจจุบันยังถือว่าพูดง่าย หากวางไว้ในสมัยโบราณ นอกจากฮ่องเต้แล้ว ใครก็ไม่สามารถใช้สิ่งของที่มาตรฐานสูงขนาดนี้ได้

หากถูกราชสำนักพบเข้า นั่นก็คือโทษกบฏ ถึงขั้นสามารถประหารเก้าชั่วโคตร

อีกทั้ง เรือนสี่ประสานนี้ก็คือสี่เข้าสี่ออก ลานทางเข้าประตูคิดไม่ถึงว่าจะสร้างเป็นสวนซูหางขนาดย่อ มีภูเขาจำลอง มีศาลาพักร้อน มีสะพานเล็กๆ มีน้ำไหล

ในเรือนสี่ประสานมีเพียงแค่คนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของตระกูลกู้ไม่กี่คน ดังนั้นกู้ชิวอี๋ก็ไม่ได้มีความพะว้าพะวังอะไร ถอดผ้าปิดปากออก คล้องแขนของเย่เฉินเอาไว้ เอ่ยกับเขาว่า “พี่เย่เฉิน พี่ยังจำลานแห่งนี้ได้ไหมคะ? พวกเราตอนเด็กๆ เล่นซ่อนแอบกันที่นี่อยู่บ่อยๆ”

เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยว่า “พี่จำได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ตรงกับในความทรงจำอีก”

กู้ชิวอี๋หัวเราะพร้อมกับเอ่ย “ที่นี่ทำการรีโนเวทใหม่ เทียบกับเมื่อก่อนแล้วมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย”

ในขณะที่พูด เธอชี้ไปที่น้ำในบ่อที่แข็งตัวแล้ว เอ่ยว่า “ที่นี่มีปลาคาร์ปที่ดีมากเยอะมากมาโดยตลอด บางตัวเลี้ยงอยู่ที่ตระกูลกู้มาสามสิบกว่าปีแล้ว บางตัวเมื่อก่อนพี่ยังเคยเห็นด้วยนะ!แต่ว่าตอนนี้อากาศหนาว ปลาคาร์ปย้ายไปเลี้ยงในเรือนเหนือที่อยู่ข้างๆแล้ว รอเข้าฤดูใบไม้ผลิค่อยปล่อยพวกมันออกมา พี่จะไปดูหน่อยไหมคะ?”

เย่เฉินเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง “อายุขัยของปลาคาร์ปนานขนาดนี้เลย?”

กู้ชิวอี๋หัวเราะพร้อมกับเอ่ย “อายุขัยของปลาคาร์ปอยู่ที่ประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบปี หากเลี้ยงดี ดูแลดีล่ะก็ ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นอีกหน่อย”

ในขณะที่พูด กู้ชิวอี๋ดัดนิ้วพร้อมกับเอ่ยด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า “พี่ดูสิ มีสัตว์เลี้ยงหลายชนิด หากพี่เลี้ยงดีล่ะก็ มันอาจจะมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าพี่เสียอีก อีกชนิดก็คือปลาคาร์ป ที่ยังมีก็คือเต่าแล้วก็นกแก้ว มาคอว์และกระตั้วหงอนเหลืองต่างก็สามารถมีชีวิตอยู่ถึงหกสิบเจ็ดสิบปี”

เพิ่งจะพูดจบ เธอก็ดึงเย่เฉิน เอ่ยว่า “ไปค่ะ ฉันพาพี่ไปดูพวกมัน พี่ลองดูว่ายังจำได้อยู่หรือเปล่า!”

จากนั้น กู้ชิงอี๋ก็ลากเย่เฉิน มาถึงยังภายในเรือนเหนือเรือนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างลาน

เรือนเหนือเรือนนี้พื้นที่ใหญ่มาก พื้นที่ภายในกว่าครึ่งค่อน ต่างก็ทำเป็นบ่อปลาที่อุณหภูมิคงที่ ด้านในปลาคาร์ปที่ขนาดใหญ่มหึมากองใหญ่กำลังว่ายไปว่ายมาอยู่ในนั้น

กู้ชิวอี๋ชี้ไปยังปลาคาร์ปตัวหนึ่งขนาดความยาวประมาณหนึ่งเมตรที่อยู่ด้านใน เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “พี่ยังจำมันได้หรือเปล่าคะ? เมื่อก่อนพี่ตั้งชื่อให้มันว่าโนบิตะ ก็คือโนบิตะคนนั้นที่อยู่ในเรื่องโดราเอมอน”

เย่เฉินหัวเราะพร้อมกับพยักหน้า “จำได้ ในความทรงจำตอนเด็ก ดูเหมือนก็คือมันที่หัวโตสุด”

กู้ชิวอี๋พยักหน้าพร้อมกับเอ่ย “มันคือปลาคาร์ปไทโช ซันเก้ พ่อฉันบอกว่าราคาที่ซื้อมันในปีนั้น เทียบได้กับบ้านสามห้องนอนใหญ่หลังหนึ่งที่วงแหวนรอบสามในเมืองเย่นจิง”

เย่เฉินนิ่งอึ้งเล็กน้อย แม้จะบอกว่าค่อนข้างที่จะตกใจ แต่ก็ไม่ได้ช็อกมากจนเกินไป

ปลาคาร์ปของแบบนี้ ที่จริงแล้วผลาญเงินมาก ข่าวที่คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจงใช้เงินสิบกว่าล้านประมูลปลาคาร์ปตัวหนึ่งช่วงก่อนหน้านี้ เย่เฉินก็เคยเห็น

ดังนั้น ปลาคาร์ปที่มีชื่อเสียงทั้งยังล้ำค่า มูลค่าไม่อาจจะใช้มิติของปลาสวยงามธรรมดาไปประเมินได้

ในเวลานี้ กู้ชิวอี๋โค้งตัวนั่งย่ออยู่บนขอบบ่อปลาคาร์ป โบกมือให้กับปลาคาร์ปที่ใหญ่มหึมาตัวนั้น ร้องเรียกโนบิตะ คิดไม่ถึงว่าปลาคาร์ปตัวนั้นก็ว่ายตรงเข้ามา กู้ชิวอี๋ยื่นมือไปลูบมัน มันก็ไม่หลบเลยแม้แต่น้อย

กู้ชิวอี๋ลูบปลาคาร์ปตัวนั้นไปด้วย พูดไปด้วยว่า “โนบิตะ แกดูสิ พี่เย่เฉินมาเยี่ยมแกแล้ว แกยังจำเขาได้หรือเปล่า? เขายังจำแกได้เลยนะ”

ปลาคาร์ปแม้จะไม่กลัวคน กับกู้ชิวอี๋น่าจะมีความคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เข้าใจมนุษย์ ไม่อาจจะตอบกลับอะไรให้กู้ชิวอี๋ได้

และกู้ชิวอี๋ก็พูดเองเออเอง จากนั้นเงยศีรษะขึ้น เอ่ยกับเย่เฉินว่า “พ่อฉันบอกว่า โนบิตะปีนี้เพิ่งจะอายุสามสิบ หากดูแลดีล่ะก็ ยังสามารถมีชีวิตอยู่อีกสี่สิบปี พวกเราตอนเด็กๆก็เล่นกับมัน รอพวกเราสองคนมีลูกแล้ว ลูกก็เล่นกับมันได้ด้วย!”