เขาเทพว่างเปล่า

ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นเมฆา ในฐานะเป็นอาณาเขตของสำนักยุทธ์ว่างเปล่า สำนักอันดับหนึ่งในแคว้นเมฆา เขาเทพว่างเปล่าย่อมเป็นเขามงคลระดับเลิศเป็นธรรมดา

เชิงเขาเขาเทพว่างเปล่ามีเมืองว่างเปล่า ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองอันดับหนึ่งในแคว้นเมฆา เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด

เมื่อศึกถกมรรคแคว้นเมฆาใกล้จะเปิดม่าน ระยะนี้เมืองว่างเปล่าก็ยิ่งคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันล้วนมีผู้ฝึกปราณจากทั่วสารทิศพากันแห่แหนมาเยือน

เมืองนี้แม้จะอาณาเขตกว้างใหญ่สุดขั้ว กินพื้นที่กว้างขวางสุดขีด แต่เมื่อผู้ฝึกปราณหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ถึงกับทำให้โรงเตี๊ยมภายในเมืองเกิดปรากฏการณ์เงินหนายังคว้าไม่ได้

ครึ่งวันหลังออกจากเมืองหลิงเฟิง พวกหลินสวินก็มาถึงเมืองว่างเปล่า

ในฐานะผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการคัดเลือกถกมรรครอบสอง สำนักยุทธ์ว่างเปล่าตั้งใจจัดเตรียมที่พักให้แก่ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้เป็นการเฉพาะ

ยามเมื่อการคัดเลือกถกมรรครอบสองเริ่มขึ้น ผู้แข็งแกร่งอย่างพวกหลินสวินก็จะออกเดินทางจากเมืองนี้ มุ่งหน้าสู่เขาเทพว่างเปล่า!

……

เมืองว่างเปล่า

เรือนที่สงบร่มเย็นแห่งหนึ่ง

ในฐานะอันดับหนึ่งเมืองหลิงเฟิง เรือนหลังนี้จัดเตรียมให้หลินสวินคนเดียวเป็นการเฉพาะ คนอื่นๆ ไม่อาจดื่มด่ำกับการต้อนรับขับสู้ระดับนี้

“ยามเมื่อการคัดเลือกรอบสองเริ่มต้น ข้าจะมารับพวกเจ้าโดยเฉพาะ ระหว่างนี้พวกเจ้าสามารถทำอะไรได้ตามอัธยาศัย”

เถาซงถิงจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ออกไปอย่างรวดเร็ว

“พี่จินอยู่หรือไม่”

หลินสวินเพิ่งจะพักเท้าในเรือนก็มีคนเข้ามาเยี่ยมเยียน

“ที่แท้ก็เป็นสหายยุทธ์เกา มีอะไรหรือ”

หลินสวินเปิดประตูใหญ่ของเรือนออก ก็เห็นเกาหลิงเทียนยืนอยู่นอกประตู

“ก่อนการคัดเลือกรอบสองจะเริ่มขึ้น ยังเหลือเวลาอีกราวๆ ครึ่งเดือน พี่จินไม่คิดใช้โอกาสนี้ไปสัมผัสความเฟื่องฟูของเมืองว่างเปล่านี่หรือ”

เกาหลิงเทียนยิ้มถาม

ยามคัดเลือกรอบแรก ถึงเขาจะถูกหลินสวินสยบ แต่ภายในใจก็เลื่อมใสความแข็งแกร่งของหลินสวิน ดังนั้นจึงมีความคิดจะผูกไมตรี

“เอ๋ ที่แท้พี่เกาก็อยู่ด้วย”

ยังไม่รอให้หลินสวินเอ่ยตอบ ฉู่ชิวผู้สืบทอดเขาเทพประกายฟ้าในชุดคลุมดำก็เดินมาทางนี้พร้อมกับกู่เจี้ยนสิง จั๋วเฟิ่งอิ่ง

ก็เห็นฉู่ชิวเดินเข้ามา หลังจากคารวะหลินสวินกับเกาหลิงเทียนแล้วจึงยิ้มเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้รับข่าว ว่าพวกอันดับต้นๆ บางส่วนที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกของแคว้นเมฆา ยามนี้ต่างรวมตัวกันที่ ‘หอประชันภูมิ’ ในเมืองว่างเปล่า”

“อีกทั้งข้าได้รับเทียบเชิญมาแล้ว ให้ผู้แข็งแกร่งที่ออกเดินทางจากเมืองหลิงเฟิงอย่างพวกเรามุ่งหน้าไปร่วมงานเลี้ยด้วยกัน”

“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”

เกาหลิงเทียนประหลาดใจ

ก็เห็นฉู่ชิว กู่เจี้ยนสิง จั๋วเฟิ่งอิ่งต่างพยักหน้า

ภายในแคว้นเมฆา พวกเขาก็นับเป็นคนรุ่นเยาว์ที่สะดุดตาที่สุด อีกทั้งแต่ละคนล้วนมีปราณระดับมกุฎราชันอริยะ ถูกเชิญไปร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้เดิมก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยยิ่ง

“พี่จิน ท่านดูสิ”

สายตาเกาหลิงเทียนมองไปทางหลินสวิน

“ในเมื่ออยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ไปดูสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”

หลินสวินกล่าวพลางยิ้ม

พวกฉู่ชิว กู่เจี้ยนสิงต่างก็ยิ้มแล้ว

พวกเขาเป็นเช่นเดียวกับเกาหลิงเทียน ถูกพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงในการคัดเลือกรอบแรกทำให้ศิโรราบทั้งสิ้น

“จะมัวโอ้เอ้อยู่ไม่ได้ พวกเราไปกันเดี๋ยวนี้เถิด”

ฉู่ชิวนำทางเป็นคนแรก

ระหว่างทางหลินสวินถึงได้รู้ชัด การคัดเลือกรอบแรกที่เกิดขึ้นภายในแคว้นเมฆาก่อนหน้านี้แบ่งเป็นพื้นที่สิบเขต

เมืองหลิงเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้น

และหลินสวินก็คืออันดับหนึ่งของเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองหลิงเฟิง

นอกจากนี้ ในเก้าเขตเข้าร่วมต่อสู้อื่นๆ ต่างมีอันดับหนึ่งเหมือนกับเขาเขตละคน

งานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่หอประชันภูมิในเมืองว่างเปล่าครั้งนี้ ก็จัดขึ้นโดยซูมู่หาน อันดับหนึ่งของเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองสมุทรคราม

ซูมู่หาน!

ทายาทเลือดบริสุทธิ์คนหนึ่งของเผ่าจักรพรรดิบรรพกาลในแคว้นเมฆา ปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นสมบูรณ์

จากคำเล่าลือ คนผู้นี้เมือสมัยเด็กก็สำแดงพรสวรรค์สะท้านโลกออกมา ถูกทั้งเจ็ดสำนักใหญ่แคว้นเมฆาวาดหวัง

เพื่อจะรับเขาเข้าสำนัก คนใหญ่คนโตของเจ็ดสำนักใหญ่ออกโรงไม่รู้กี่ครั้ง จวนจะเหยียบธรณีประตูเผ่าจักรพรรดิตระกูลซูพังอยู่รอมร่อ

แต่สุดท้ายซูมู่หานก็ยังปฏิเสธ

เพราะฉะนั้นหงส์มังกรในหมู่มนุษย์อย่างซูมู่หาน จึงปรากฏตัวในการคัดเลือกรอบแรก

ยามที่เอ่ยถึงซูมู่หาน พวกฉู่ชิว กู่เจี้ยนสิงล้วนฉายแววกริ่งเกรงออกมาไม่มากก็น้อย

แคว้นเมฆากว้างใหญ่ยิ่ง ราวกับโลกใหญ่แห่งหนึ่ง

ชื่อเสียงเช่นพวกฉู่ชิว ก็โด่งดังเพียงในพื้นที่หนึ่งเท่านั้น

แต่ซูมู่หานคนนี้กลับต่างออกไป ชื่อเสียงของเขากึกก้องทั่วทั้งแคว้นเมฆา ถือได้ว่าเป็นยอดคนในหมู่คนรุ่นเดียวกัน

จากที่พวกฉู่ชิวว่ามา อานุภาพของซูมู่หานถึงขั้นกร้าวแกร่งกว่าผู้สืบทอดแกนหลักมากมายในเจ็ดสำนักใหญ่ด้วยซ้ำ!

สำหรับเรื่องนี้ ปฏิกิริยาของหลินสวินเรียบเฉยยิ่ง และไม่พูดอะไรมาก ยิ้มฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกฉู่ชิวตลอดทาง

แต่เมื่อฟังมากเข้าก็ทำให้หลินสวินจดจำคนได้หลายคน

อย่างเช่นหลันอวิ๋นเคอ อันดับหนึ่งเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองฟ้าวารี ครอบครองเขตแดนมรรค ‘ขวดสมบัติบุณฑริก’ ชื่อเสียงไม่ด้อยไปกว่าซูมู่หานนัก

หรืออย่างโหยวเทียนซิง อันดับหนึ่งเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองรัศมีจันทร์ ครอบครองเขตแดนมรรค ‘โถงหยกเก้าสี’ เป็นผู้ฝึกจิตวิญญาณที่ถูกมองว่า ‘หาตัวจับยากชั่วกาล’ คนหนึ่ง

หรืออย่างอวิ๋นเซียงอี๋…

ล้วนเป็นอันดับหนึ่งจากเขตเข้าร่วมต่อสู้อื่น สะดุดตาไร้ทัดเทียม ก่อนหน้าจะเข้าร่วมถกมรรครอบแรกก็เลื่องชื่อไปทั่วอยู่ก่อนแล้ว

……

ม่านราตรีดึมืดมิด

ภายในหอประชันภูมิที่กินพื้นที่กว้างใหญ่ยิ่งยวด สูงเต็มพันจั้ง โคมไฟส่องสว่าง บ่าวไพร่สาวใช้นับไม่ถ้วนเดินกันขวักไขว่ในหอราวกับผีเสื้อโฉบผ่านบุปผา

ตอนที่ขบวนพวกหลินสวินมาถึง ที่โถงใหญ่ชั้นสูงสุดภายในหอประชันภูมิมีเงาร่างมากมายรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว เหล่าอันดับต้นๆ ของเขตเข้าร่วมต่อสู้แต่ละแห่ง รวมถึงทายาทตระกูลเผ่าโบราณมากมายล้วนรวมตัวอยู่ในนั้น

‘คนที่อยู่ตรงกลางนั่นก็คือซูมู่หาน’

เกาหลิงเทียนสื่อจิตกล่าว

หลินสวินเงยมองขึ้นไป ก็เห็นชายหนุ่มในชุดคลุมงูเหลือมสีเหลืองสว่าง สวมเกี้ยวประดับเหนือศีรษะ ใบหน้าดุจหยกงามนั่งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ระหว่างกวาดมองมีบารมีเหนือผู้คน

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ก็คืออันดับหนึ่งของเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองสมุทรคราม… ซูมู่หาน

นอกจากนี้ในบริเวณอื่นในโถงใหญ่ ก็มีพวกชั้นนำจากเขตเข้าร่วมต่อสู้ต่างๆ นั่งอยู่ มีทั้งชายหญิง ยึดครองพื้นที่ฟากหนึ่ง แต่ละคนกลิ่นอายชวนตะลึงถึงที่สุด

ภายใต้การชี้แนะของเกาหลิงเทียน ก็ทำให้หลินสวินจดจำเหล่าคนอันดับต้นๆ ของเขตเข้าร่วมต่อสู้แต่ละแห่งได้

อย่างหลันอวิ๋นเคอ อันดับหนึ่งของเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองฟ้าวารี สวมชุดคลุมสีขาว รูปร่างหน้าตาสุขุมหล่อเหลา โบกพัดขนนกขาว มาดเรียบง่ายสบายๆ

โหยวเทียนซิงอันดับหนึ่งของเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองรัศมีจันทร์ ดวงหน้าขึงขังเย็นชา ประกายตาดุจคมมีด กลิ่นอายชวนสะท้าน

อันดับหนึ่งแต่ละคนล้วนมีมาดอันเป็นเอกลักษณ์ แค่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ทำให้ผู้คนไม่อาจมองข้ามตัวตนของพวกเขาไปได้

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินทำเพียงกวาดสายตาผ่านๆ ไม่ถึงขั้นสนใจเท่าใดนัก แต่ยามที่เขามองเห็นเฮ่อเหลียนฉีอันดับหนึ่งของเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองมายาทมิฬ นัยน์ตาเขาก็หดรัดลงเล็กน้อยโดยพลัน

ไม่ใช่เพราะเฮ่อเหลียนฉียอดเยี่ยมปานใด แต่เป็นเพราะหญิงชุดดำที่นั่งอยู่ข้างๆ เฮ่อเหลียนฉีซึ่งหลินสวินจำได้ทันที

ตอนที่คัดเลือกรอบแรกในเมืองหลิงเฟิง หญิงชุดดำคนนี้เคยใช้เข็มวิญญาณพิฆาตจิตลอบโจมตีหลินสวิน แต่ผลสุดท้ายก็ถูกหลินสวินโจมตีกลับจนเจ็บหนัก

ตอนนั้นหลินสวินก็สงสัย อีกฝ่ายดูเหมือนจะมาจากโลกมืด แต่ว่าน่าจะไม่รู้ฐานะของตน

สิ่งที่หลินสวินคิดไม่ถึงคือ หญิงชุดดำคนนี้ถึงกับปรากฏตัวด้วยเช่นกัน!

“เฮอะ!”

หญิงชุดดำก็สังเกตเห็นหลินสวินแล้วเช่นกัน นัยน์ตาฉายแววอาฆาตแค้นขึ้นมาวูบหนึ่ง

“ฮ่าๆ ฉู่ชิว กู่เจี้ยนสิง ยอดฝีมือเมืองหลิงเฟิงอย่างพวกเจ้าในที่สุดก็มากันแล้ว”

บนตำแหน่งศูนย์กลาง ซูมู่หานหยัดกายขึ้นเต็มความสูง ยิ้มพลางเข้าไปต้อนรับ พอเขาขยับก็ทำเอาสายตาทุกคู่ในโถงใหญ่ล้วนมองไปทางพวกหลินสวินเป็นจุดเดียว

ชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศที่แต่เดิมครึกครื้น ล้วนเปลี่ยนเป็นเงียบสงบลงไม่น้อย

“คารวะพี่ซู”

ฉู่ชิวและกู่เจี้ยนสิงก็คารวะพร้อมรอยยิ้ม

“เฮ้อ ข้ายังเข้าใจว่าอันดับหนึ่งของเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองหลิงเฟิงจะต้องเป็นคนใดคนหนึ่งในพวกเจ้าสองคนแน่ ใครจะคาดคิดว่าถึงกับมีม้ามืดโผล่มาเสียได้”

ซูมู่หานกล่าวพลางมองไปทางหลินสวินกับเกาหลิงเทียน “พี่ฉู่ คนไหนคือจินตู๋อีที่คว้าชัยเก้าสิบเก้าครั้งรวดหรือ รีบมาแนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยเร็วเข้า”

ชนะเก้าสิบเก้าครั้งรวด!

จินตู๋อี!

ในโถงใหญ่ อันดับหนึ่งของแต่ละเขต รวมถึงผู้แข็งแกร่งชั้นนำคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่นี้ย่อมได้ยินเรื่องนี้กันมาแล้ว

ที่มางานเลี้ยงคราวนี้ก็เพราะพวกเขาอยากจะดูสักหน่อย ว่าจินตู๋อีคนนี้เป็นอริยเทพจากที่ใดกันแน่ และจะสมชื่อเสียงคำลือหรือไม่

“พี่ซู ผู้นี้ก็คือสหายยุทธ์จิน จินตู๋อี”

ฉู่ชิวถอยหลังก้าวหนึ่ง ยิ้มพลางแนะนำหลินสวิน “ความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของพี่จิน ทำให้พวกข้าล้วนเลื่อมใส ถือโอกาสในงานเลี้ยงนี้ให้ทุกคนได้ทำความคุ้นเคยกัน”

น้ำเสียงสิ้นสุด ทุกสายตาในโถงใหญ่ล้วนรวมอยู่ที่หลินสวิน แต่ละคนล้วนฉายแววใคร่รู้ แปลกประหลาด ครุ่นคิด

คว้าชัยเก้าสิบเก้าครั้งรวด ผลงานสะท้านโลกปานนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องเท็จแน่นอน เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าจินตู๋อีผู้นี้จะถึงกับธรรมดาไร้ความน่าทึ่งเช่นนี้

เขายืนอยู่ตรงนั้น ก็เหมือนหินศิลาก้อนหนึ่ง เรียบนิ่ง เคร่งขรึม นอกจากนี้ก็ไม่มีจุดที่ควรค่าให้จับตาสักนิด

ขนาดซูมู่หานยังอึ้งไป จากนั้นจึงยิ้มกล่าวว่า “ซูมู่หานคารวะสหายยุทธ์จิน ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ของเจ้า พวกเราทุกคนในที่นี้ล้วนได้ยินกันหมดแล้ว เชิญนั่งเถอะ”

กล่าวพลางจัดแจงให้พวกหลินสวินนั่งในบริเวณหนึ่ง จากนั้นมีข้ารับใช้ยกน้ำชาอาหารเลิศรสนานาชนิดมาวาง

คนในที่นี้ล้วนเป็นผู้ฝึกปราณภายในแคว้นเมฆาเกือบทั้งหมด ต่อให้เมื่อก่อนไม่เคยพบหน้า ก็ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของอีกฝ่ายมาบ้าง

มีแค่หลินสวิน เป็นคนที่ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนไม่เคยได้ยินชื่อ ยามนี้กลับเฉิดฉายในการคัดเลือกรอบแรกของเมืองหลิงเฟิง สร้างชื่อในคราเดียว ย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเป็นธรรมดา

ไม่ทันไรก็มีผู้แข็งแกร่งบางส่วนมุ่งหน้ามาคารวะสุรา ทำการสนทนาพูดคุย

หลินสวินร่วมดื่มด้วยทีละคน ไม่อ่อนน้อมไม่โอหัง

พวกฉู่ชิวมองดูภาพเช่นนี้อยู่ด้านข้าง ภายในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ นี่ก็คือบารมีที่มาจากการชนะเก้าสิบเก้าครั้งรวด!

ต่อให้เมื่อก่อนไม่เคยพบเห็น ไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ยามนี้ใครบ้างจะไม่ให้ความยำเกรง

หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาทั่วไป มีหรือจะได้เพลิดเพลินกับการต้อนรับขับสู้ คารวะสุราจากคนชั้นนำทั้งกลุ่ม

แคว้นเมฆากว้างใหญ่ยิ่ง อาณาเขตกว้างขวางหาใดเปรียบ ไพศาลงามวิจิตร ขุมอำนาจชุกชุม เขตเมืองนับไม่ถ้วน

แต่อันดับหนึ่งของสิบเขตเข้าร่วมต่อสู้ ก็มีแค่สิบคนเท่านั้น

และสิ่งที่จินตู๋อีแตกต่างอย่างที่สุดก็คือ เขาสร้างผลงานการต่อสู้สะท้านโลกที่สามารถทำให้อันดับหนึ่งคนอื่นๆ ไม่อาจไม่ให้ความสำคัญ!

อย่างน้อยในหมู่อันดับหนึ่งของสิบเขตเข้าร่วมต่อสู้ใหญ่ ก็มีแต่จินตู๋อีคนเดียวที่มีผลงานต่อสู้เช่นนี้!

“เจ้าก็คือจินตู๋อีหรือ”

ขณะที่หลินสวินกำลังร่ำสุรากับคนอื่นอยู่นั้น จู่ๆ ด้านข้างก็มีเสียงต่ำลึกเยียบเย็นสายหนึ่งดังมา

หลินสวินเงยหน้า ก็เห็นว่าไม่ไกลนัก เฮ่อเหลียนฉีอันดับหนึ่งของเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองมายาทมิฬมองมาด้วยสายตาเหยียดหยัน ประหนึ่งยืนมองมด

ข้างๆ เฮ่อเหลียนฉี หญิงชุดดำหมุนจอกสุราในมือเล่น ส่งเสียงแค่นหัวเราะออกมา

………………………….