ตอนที่ 1918 มหาสมบัติคุนหลุน
ชายหนุ่มชุดม่วงกล่าวจบก็เดินตรงดิ่งออกไปนอกห้อง
“ไปๆๆ เรื่องไม่อาจชักช้า สมบัติเหล่านั้นล้วนมีที่มาที่ไปยิ่งใหญ่ ระดับจักรพรรดิเห็นยังน้ำลายไหล”
หญิงสาวอรชรเย้ายวนในห้องเหล่านั้นต่างก็รีบร้อนตามไป
‘จื่อเชวี่ยเอ๋ย ถือว่าเจ้าโชคดีไป มาเจอนายน้อยอารมณ์ดี หาไม่ครั้งนี้เจ้าต้องประสบเคราะห์แน่’
มีคนเดินผ่านข้างตัวจื่อเชวี่ย ยิ้มละไมสื่อจิต
จื่อเชวี่ยแค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง ไม่ได้ใส่ใจ
อันที่จริงเมื่อครู่นางเองก็ตกใจจนเหงื่อแตกไปทั้งตัว หัวใจแขวนลอย กลัวเพียงว่านายน้อยจะลงมือโหดเหี้ยม โจมตีนางตายคาที่
เรื่องเช่นนี้ที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้นไม่ใช่แค่หนึ่งครั้ง!
……
บนยานขนส่งอวกาศที่เหินทะยานสู่สำนักยุทธ์เสวียนจี
“เจ้าชื่ออะไร”
“เซิงหย่วนตู้”
“ใช้คำว่าเซิงเป็นแซ่?”
“ใช่ บรรพชนตระกูลข้าเป็นผู้บำเพ็ญพราหมณ์ที่สัญจรทั่วแดนคนหนึ่ง วิชาพุทธสูงล้ำ มีมรรควิถีกว้างไกลไร้ขอบเขต ต่อมาท่านผู้เฒ่าแต่งงานมีครอบครัว จึงใช้เซิงเป็นแซ่” (เซิง มีความหมายว่าพระสงฆ์ ภิกษุ)
บนยานสมบัติ หลินสวินกำลังสนทนากับชายวัยกลางคนที่เรียกตัวเองว่าเซิงหย่วนตู้คนนั้น
เซิงหย่วนตู้เห็นได้ชัดว่าจริงใจและซื่อๆ หลินสวินถามอะไรเขาก็ตอบอย่างนั้น เห็นชัดว่ารู้ดีว่าผู้แข็งแกร่งอย่างหลินสวินเป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกินได้เด็ดขาด
“กล่าวเช่นนี้ สมบัติในหีบสำริดนั่น ก็เป็นของที่บรรพบุรุษตระกูลเจ้าได้มาจากแหล่งสถานคุนหลุนหรือ”
นัยน์ตาดำหลินสวินวาววับ
เซิงหย่วนตู้กล่าวโดยไม่ลังเล “นี่มันของแน่อยู่แล้ว หาไม่เจ้าคนที่สวมหน้ากากสีเงินนั่นจะยอมจ่ายราคาสองเท่าเพื่อไถ่คืนได้อย่างไร”
“แต่ในเมื่อเป็นสมบัติตกทอดจากบรรพบุรุษตระกูลเจ้า เหตุใดจึงทำใจขายทิ้งเช่นนี้”
ประโยคเดียวของหลินสวินทำเอาเซิงหย่วนตู้สีหน้ากระอักกระอ่วน ถอนหายใจกล่าวอย่างจนปัญญา “ครอบครัวตกอับสภาพยากจนข้นแค้น ข้าเป็นแค่อริยะเทียมคนหนึ่ง เดิมทีก็ไม่ได้คิดจะทำเช่นนี้หรอก แต่เพื่อให้ลูกชายข้าสามารถกราบเข้าสำนักใหญ่ได้ก็มีแต่ต้องทำเช่นนี้”
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สีหน้าซับซ้อน “ข้าในฐานะพ่อถึงแม้จะไม่ได้เรื่องยิ่ง แต่กลับไม่อยากให้ลูกชายเป็นเหมือนข้า เพื่อให้เขาสามารถเดินบนเส้นทางมหามรรคได้สูงกว่าไปไกลยิ่งกว่า ขายสมบัติตกทอดจากบรรพบุรุษทิ้งไปส่วนหนึ่งแล้วจะถือเป็นอะไรกันเล่า”
หลินสวินกลับไม่ได้พูดอะไร
นี่คือการทุ่มเทแรงใจของบิดาคนหนึ่ง แม้เซิงหย่วนตู้คนนี้จะดูเหมือนตกต่ำและไม่เอาไหนยิ่ง แต่ความรักและห่วงใยที่มีต่อทายาทของเขานี้ กลับทำให้ผู้คนสะเทือนอารมณ์
“พอจะเล่าที่มาของสมบัติเหล่านี้ให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่” หลินสวินกล่าว
เซิงหย่วนตู้พูดอย่างเคลือบแคลง “เจ้าไม่ได้รู้หมดแล้วหรือ”
“ข้าอยากฟังเจ้าพูด”
เซิงหย่วนตู้ถอนใจเฮือกยาวกล่าวว่า “ดูท่าเจ้าคงไม่เชื่อสักนิดว่าสมบัติเหล่านี้นำออกมาจากแหล่งสถานคุนหลุน ก็จริง ของเล่นเยินๆ พวกนั้นดูแล้วล้วนลึกลับยิ่ง ทว่ากลับไม่มีประโยชน์อะไรสักนิด แม้แต่ข้ายังยากจะเชื่อว่าของเล่นพวกนี้มีนัยเร้นลับสะเทือนฟ้าดินอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนนอกอย่างพวกเจ้าเลย”
สมบัติหีบนั้นตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเขา ถูกทายาทตระกูลเซิงเก็บรักษาและคอยพิทักษ์รุ่นสู่รุ่น
แต่กาลเวลาไร้สิ้นสุดผันผ่าน กลับไม่มีเลยสักคนที่สามารถค้นพบนัยเร้นลับของสมบัติเหล่านี้ได้
จนกระทั่งตกมาถึงมือเซิงหย่วนตู้ เขาไม่ได้คาดหวังอะไรต่อสมบัติเหล่านี้ตั้งแต่แรก หากไม่ใช่เพราะแบบนี้ก็คงไม่เอาออกมาขายทิ้งแน่
“เล่ามาเถิด ไม่ว่าจริงหรือเท็จข้าก็อยากจะฟังสักหน่อย” หลินสวินกล่าว
เซิงหย่วนตู้จัดระเบียบความคิดแล้วกล่าวว่า “บรรพบุรุษต้นตระกูลข้าสมญานามว่า ‘จี้เย่’ ฐานะลึกลับถึงที่สุด ในบันทึกโบราณของตระกูลข้าบันทึกไว้เพียงว่า ท่านบรรพชนเป็นคนใหญ่คนโตที่น่าทึ่งถึงขีดสุดคนหนึ่ง แต่ว่าน่าทึ่งปานใดกันแน่นั้นกลับไม่เคยได้รู้เลย”
“ทายาทตระกูลเซิงอย่างพวกเรารู้เพียงว่าบรรพชนจี้เย่เคยเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุน เคยเห็นเตาสมบัติที่แปลกอัศจรรย์ใบหนึ่ง ในเตาสมบัตินั้นมีศาสตราจักรพรรดิที่วิเศษอัศจรรย์สุดหยั่งหลายชิ้นพุ่งออกมา…”
ฟังถึงตรงนี้ในใจหลินสวินพลันสะท้าน ในสมองปรากฏชื่อหนึ่งขึ้นมา เตามารดาหลอมสมบัติ!
แหล่งสถานคุนหลุนมีสถานที่แห่ง ‘เก้าลับสามผนึก’
คุนหลุนเก้าลับ เป็นเก้าแดนลับใหญ่ ในแดนแต่ละแห่งล้วนมีศาสตราจักรพรรดิหนึ่งชิ้นถือกำเนิด เมื่อรวมกันแล้วก็คือเก้าศาสตราจักรพรรดิ
เก้าศาสตราจักรพรรดินี้ล้วนหลอมออกมาจากเตามารดาหลอมสมบัติ และถูกเรียกว่า ‘เก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน’
เหมือนขวดมหามรรคไร้ขอบเขต โคมมหามรรคไร้มลทินที่หลินสวินครอบครอง.oยามนี้ ก็เป็นสองในเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน!
เซิงหย่วนตู้กล่าวต่อไป “ภายหลังตอนที่บรรพชนจี้เย่จากไป ก็นำสมบัติเหล่านี้กลับมาด้วย”
รออยู่ครู่หนึ่งหลินสวินอึ้งไป “หมดแล้วหรือ”
เซิงหย่วนตู้กล่าวอึกอัก “เรื่องในยุคดึกดำบรรพ์ คนรุ่นหลังตระกูลเซิงอย่างพวกเรามีหรือจะรู้ชัดขนาดนั้น”
หลินสวินจนคำพูดไปพักหนึ่ง เขาขบคิดก่อนกล่าวว่า “ลูกชายของเจ้าล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
เซิงหย่วนตู้กล่าวอย่างระแวดระวัง “สหายยุทธ์ ความผิดไม่ลามไปถึงลูกและภรรยา ท่านซื้อสมบัติบรรพบุรุษตระกูลข้าพวกนั้นไปแล้ว ยังคิดจะฆ่าคนจนวายวอดไม่เหลือซากเชียวหรือ”
หลินสวินอดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าไม่ได้อยากให้ลูกชายของเจ้ากราบอาจารย์ฝึกปราณในสำนักใหญ่หรือ หากมีข้าช่วยเหลือ รับรองว่าเจ้าไม่ต้องเสียผลึกมรรคเลยแม้แต่ผลึกเดียว”
คราวนี้เซิงหย่วนตู้จึงรู้ว่าเข้าใจหลินสวินผิดไปแล้ว เขากล่าวอย่างตื่นเต้น “สหายยุทธ์ นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”
“เจ้าคิดว่าสำนักยุทธ์เสวียนจีเป็นอย่างไร”
“สำนักอันดับสามของแคว้นเมฆา ใครบ้างไม่รู้จัก ข้าหวังให้ลูกชายข้ากราบเข้าสำนักยุทธ์เสวียนจีตั้งแต่แรกแล้ว!”
หลินสวินกล่าว “ข้าจะพาเจ้าไปเดี๋ยวนี้ จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ก็ถือเป็นการชดเชยแก่เจ้าส่วนหนึ่ง”
เซิงหย่วนตู้พยักหน้าหงึกๆ ตื่นเต้นจนมือไม้พันกัน “ชะ… เช่นนั้นก็ขอบคุณสหายยุทธ์ยิ่งแล้ว ข้า… ข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณยิ่งใหญ่ของท่านอย่างแน่นอน!”
ครึ่งชั่วยามให้หลัง
เบื้องหน้าเขามรรคลมเทพที่สูงตระหง่านเรียงราย หลินสวินพาเซิงหย่วนตู้โรยตัวอย่างแผ่วเบา
“สหายน้อย เชิญเร็วเข้า”
กลางประตูเขา เงาร่างผู้อาวุโสหงอวี่ของสำนักยุทธ์เสวียนจีปรากฏแต่แรก เห็นชัดว่ารออยู่ตรงนั้นตั้งแต่ต้น
“ขอบคุณยิ่งแล้ว”
หลินสวินพยักหน้าพลางเดินเข้าไปในสำนักยุทธ์เสวียนจีพร้อมกัน
เมื่อเห็นหลินสวินได้รับการปฏิบัติที่เคารพนบนอบเช่นนี้ เซิงหย่วนตู้ก็เชื่อทันทีว่าเรื่องที่หลินสวินรับปากกับตนก่อนหน้านี้หาใช่เรื่องโอ้อวดเกินจริง!
‘ครานี้ดีนัก ในที่สุดลูกชายของข้าก็สามารถเป็นเหมือนผู้กล้าเหล่านั้น ได้เข้ามาฝึกปราณในสำนักใหญ่แล้ว…’
ภายในใจเซิงหย่วนตู้ตื่นเต้น ถึงขั้นรู้สึกอยากหลั่งน้ำตา
ไม่เป็นพ่อคนใครก็ไม่อาจเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อ เพื่อให้บุตรชายบุตรสาวโดดเด่นยิ่งขึ้น พวกเขาสามารถทิ้งทุกสิ่งได้
ยอดเขาชำระหยก
ที่นี่เดิมเป็นสถานที่ฝึกปราณของเจ้าสำนักเหิงเซียว ต่อมาให้หลินสวินยืมเป็นที่พักชั่วคราวไปพลางๆ
ตอนที่หงอวี่พาหลินสวินมาถึงยอดเขาชำระหยก เหิงเซียวเข้ามาต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม “สหายน้อย คว้าตำแหน่งอันดันหนึ่งศึกถกมรรคแคว้นเมฆาในคราวเดียวมาได้ ยินดีด้วยๆ”
หลินสวินก็ยิ้มพลางโค้งคารวะ
“ท่านนี้คือ?”
สายตาเหิงเซียวมองไปทางเซิงหย่วนตู้ที่อยู่ข้างๆ หลินสวิน
เซิงหย่วนตู้ตัวสั่นระริกไปทั่วร่าง หัวใจเต้นรัวเร็วดุเดือด ประหม่าจนเหงื่อกาฬผุดออกหน้าผาก เหิงเซียว! เจ้าสำนักสำนักยุทธ์เสวียนจี มีหรือเขาจะไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่เขาคิดไม่ถึงเป็นอันขาด ทันทีที่มาถึงสำนักยุทธ์เสวียนจี ก็ได้เห็นคนใหญ่คนโตราวกับในตำนานเช่นนี้ ก็พลอยระส่ำระวายถึงขีดสุดไปชั่วขณะ
หลินสวินไม่ได้อธิบายมากความ กล่าวเพียงหวังว่าจะทาบทามลูกชายของเซิงหย่วนตู้ให้มากราบไหว้เข้าฝึกปราณในสำนักยุทธ์เสวียนจี
เหิงเซียวตอบรับอย่างชื่นมื่นโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด “ก็แค่รายชื่อกราบไหวอาจารย์เท่านั้น ไม่ต้องให้สหายน้อยหนักใจสักนิด เรื่องนี้มอบให้ข้าก็พอ”
เซิงหย่วนตู้อ้าปากหวอ เรื่องที่ถูกเขามองว่ายากลำบากหาใดเปรียบ ถึงกับถูกหลินสวินสองสามคำก็จัดการได้แล้ว สิ่งนี้ทำให้เขามีความรู้สึกไม่สมจริงราวกับฝันไปก็ไม่ปาน
ครู่ใหญ่กว่าจะตอบสนองกลับมา โค้งกายคารวะ ซาบซึ้งเต็มตื้น “ขอบคุณใต้เท้าเจ้าสำนักยิ่งแล้ว ขอบคุณใต้เท้าเจ้าสำนักยิ่งแล้ว!”
เหิงเซียวยิ้มและกล่าวว่า “สหายยุทธ์พักผ่อนอยู่ที่นี่ไปก่อน รอวันพรุ่งนี้ ข้าจะพาเจ้าไปพบบุตรชายของเจ้าด้วยตัวเอง”
เซิงหย่วนตู้พยักหน้าหงึกๆ ปีติยินดีเต็มดวงใจ ไม่นานก็มีผู้ดูแลพาเขาออกไป
จัดแจงเซิงหย่วนตู้เรียบร้อยแล้ว เหิงเซียวจึงกล่าวกับหลินสวินว่า “สหายน้อย ในวันพรุ่งนี้ บรรพจารย์ป๋อหยาจื่อก็จะกลับมาสำนักได้แล้ว ถึงตอนนั้น ข้าจะเตรียมการให้เจ้าไปพบกับชายชราอย่างเขาสักครั้ง”
หลินสวินกล่าว “ลำบากสหายยุทธ์แล้ว”
เหิงเซียวฉีกยิ้ม “สหายน้อย เจ้าทำตัวเหินห่างเกินไปแล้ว ต่อไปอย่าทำเช่นนี้เด็ดขาดเชียว คนอื่นไม่รู้ฐานะของเจ้า แล้วข้าจะยังไม่รู้ได้เชียวหรือ”
หลินสวินเงียบสนิท
“เจ้าสำนัก นอกประตูภูเขามีแขกคนสำคัญมาเยี่ยมเยียน!”
ทันใดนั้น บนชั้นเมฑไกลออกไป ก็ปรากฏเงาร่างสายหนึ่ง เอ่ยปากเสียงนอบน้อม
“แขกพิเศษมาจากที่ใด”
เหิงเซียวขมวดคิ้ว
“เห็นว่าเป็นแคว้นกลางมรรค”
ได้ยินคำตอบเช่นนี้ เหิงเซียวอึ้งไป ขมวดคิ้วไม่สิ้น
แคว้นกลางมรรค นั่นเป็นถึงแคว้นอันดับหนึ่งของโลกใหญ่หงเหมิง ถูกมองเป็นแห่งสถานหอบรรพชน คนใหญ่คนโตอย่างหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่ต่างก็ตั้งถิ่นฐานอยู่ภายในนั้น !
“สหายน้อย เจ้าไปพักผ่อนจะหน่อย ข้าจะไปดูเอง” เหิงเซียวกล่าว
หลินสวินพยักหน้า มองส่งเหิงเซียวจากไปอย่างเร่งรีบ คราวนี้เขาจึงเดินเข้าไปในถ้ำสถิตแดนมงคลที่เตรียมให้ไว้เขาโดยเฉพาะแห่งนั้น
ตูม!
ตามหลังค่ายกลของถ้ำสถิตแดนมงคลเปิดใช้งาน ก็ตัดขาดจากโลกภายนอกทันควัน
หลินสวินเงื้อมือขึ้นโบกคราหนึ่ง หีบสำริดขนาดใหญ่ใบนั้นก็ปรากฏออกมา ร่วงตุ้บลงบนพื้นอย่างมั่นคง
เขาหยิบกุญแจยันต์ออกมา เสียบเข้าตรงกลางผนึกต้องห้ามชั้นแล้วชั้นเล่าที่ปิดครอบบนหีบสำริด พร้อมๆ กับฝาหีบเปิดออกเนิบช้า ภาพฉากภายในหีบก็สะท้อนเข้าสู่ครรลองสายตาของหลินสวินอีกครั้ง
ประทับมรรคสำริดหนึ่งชิ้น ธงเหลืองอ่อนหนึ่งชิ้น ดินขุ่นขมุกขมัวก้อนหนึ่ง ไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เน่าเปื่อยก้านหนึ่ง สมบัติสี่ชิ้นไม่สะดุดสักนิด
แต่ในสายตาหลินสวินกลับเปลี่ยนเป็นสว่างไสวหาใดเปรียบ ไม่ปกปิดความยินดีและตื่นเต้นภายในใจอีกต่อไป
ในฐานะคนที่เคยเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน สัมผัสลิ้มรสสิ่งประหลาดลึกลับต่างๆ นานาของแหล่งสถานคุนหลุน ตั้งแต่แวบแรกที่ได้เห็นสมบัติเหล่านี้ในตลาดมืดใต้ดินนู้น เขาก็ตระหนักได้ถึงความไม่ธรรมดาแล้ว!
“อย่าว่าแต่จ่ายเก้าล้านผลึกมรรคเลย ต่อให้จ่ายผลึกมรรคร้อยเท่าพันเท่า ก็คุ้ม!”
รำพันในใจไปพลาง ฝ่ามือหลินสวินพลันพลิก ปรากฏก้อนทองแดงสีดำเมื่อมก้อนหนึ่ง ประคองไว้ในมือ ดุจดั่งประคองภูเขาเทพดึกดำบรรพ์ลูกหนึ่ง!
ก้อนทองแดงก้อนนี้ เป็นของที่หลินสวินช่วงชิงได้มาจากการล้อมกรอบของผู้แข็งแกร่งทั้งกลุ่มบน ‘ภูเขากลับหัว’ แดนหลอมสมบัติแหล่งสถานคุนหลุนในปีนั้น
ที่มาของมันเรียกได้ว่าน่าตกใจ เพราะมันเป็นเศษเสี้ยวที่หลงเหลือจากเตามารดาหลอมสมบัติ!
วู้ม!
พร้อมๆ กับหลินสวินนำก้อนทองแดงนี้ออกมา พื้นผิวของธงเหลืองอ่อนและประทับมรรคสำริดอันหนึ่งที่ตั้งอยู่ในหีบสำริดใบนั้น ต่างผุดผเยระลอกคลื่นพลังอันคลุมเครือออกมา
เสมือนว่าฟื้นตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลนานชั่วกาลเวลาไร้สิ้นสุด!
และกลางฝ่ามือหลินสวิน ก้อนทองแดงของเตามารดาหลอมสมบัติก็ร้อนลวกขึ้นมาพักหนึ่ง เกิดปฏิกิริยาตอบสนองอย่างน่าอัศจรรย์ระหว่างประทับมรรคสำริด และธงเหลืองอ่อนนั่น
ชั่วขณะ ระลอกคลื่นคลุมเครือก็ไหลทะลักราวกับกระแสน้ำหลาก เชื่อมระหว่างสมบัติสามชิ้น เสียงดังวู้มๆ ก้องสะท้อนไม่ว่างเว้น
เห็นภาพเหตุการณ์นี้ จิตใจหลินสวินก็พลอยตื่นเต้นตามไปด้วย ดังคาด สมบัติสองชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับเตามารดาหลอมสมบัติ!
………………………….