แม้ว่าอิโตะ นานาโกะและทานากะโคอิจิจะแค่คุยกับผ่านโทรศัพท์เป็นตัวกลาง แต่เธอก็ยังถูกคำพูดของเขาทำเอาหน้าแดงขึ้นมา

เธอเอ่ยอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ทานากะซัง..คุณ… คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉัน…ฉันไม่ได้… ไม่ได้มีความ…ความรู้สึกต่อ..คุณเย่…”

ทานากะโคอิจิถอนหายใจ “คุณหนู กระผมตระกูลอิโตะมาหลายปี อีกทั้งยังอยู่ข้างกายคุณมาเป็นเวลานาน ผมรู้จักคุณเป็นอย่างดี คุณไม่จำเป็นต้องปิดบัง อีกทั้งกระผมเองก็ไม่ได้อยากจะสำรวจเรื่องส่วนตัวของคุณ สิ่งที่สำคัญก็คือถ้ากระผมสามารถมองออกถึงความคิดของคุณ อย่างนั้นก็ยิ่งไม่สามารถปกปิดรอดพ้นจากสายตาที่แหลมคมของท่านประธานไปได้ ถึงเวลานั้นเกรงว่าไม่เพียงแค่คุณจะไม่ได้เจอคุณเย่ แต่กลับยังหลุดเผยความคิดในใจออกไปต่อหน้าท่านประธานอีกด้วย…”

“นี่…” อิโตะ นานาโกะพูดไม่ออก

เธอรู้ดีว่าที่ทานากะโคอิจิพูดมาทั้งหมดก็เพราะความหวังดีต่อเธอ ดังนั้นจึงได้เอ่ยเตือนเธอ

เธอเองก็รู้เช่นกัน ว่าพ่อของเธอ นางาฮิโกะ อิโตะ ไม่มีทางยอมให้ตนได้มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้ชายต่างชาติเป็นอันขาด เขาเคยบอกกับตนอย่างชัดเจนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนว่าเขายอมรับได้แค่การแต่งงานของตนกับคนญี่ปุ่นเท่านั้นในอนาคต อีกทั้งยังต้องเป็นสายเลือดชาวญี่ปุ่นโดยบริสุทธิ์ด้วย

สำหรับคนอื่น ๆ ต่อให้เป็นผู้อพยพที่มาจากจีนและคาบมหาสมุทรเกาหลีเมื่อหนึ่งหรือสองร้อยปีก่อนและอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นมาสามหรือสี่ชั่วอายุคน แต่ในสายตาของเขาล้วนไม่ใช่ชาวญี่ปุ่นโดยบริสุทธิ์ทั้งสิ้น

นี่ก็เช่นเดียวกับมาซาโยชิ ซนประธานของซอฟต์แบงก์ที่ลงทุนในAlibaba แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่น แต่ในสายตาของนางาฮิโกะ อิโตะ เขาไม่นับว่าเป็นคนญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อย

นั่นเพราะปู่ของมาซาโยชิ ซนมีพื้นเพมาจากแทกู ประเทศเกาหลี

เมื่อหลายปีก่อน เขาอพยพจากแทกูประเทศเกาหลีมาญี่ปุ่น และเริ่มต้นจากงานขุดแร่ และมาซาโยชิ ซนก็เกิดและเติบโตขึ้นมาในญี่ปุ่น

ในสายตาของคนส่วนใหญ่ เขาอยู่ในระดับคนญี่ปุ่นตามมาตรฐานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของผู้รักชาติอย่างนางาฮิโกะ อิโตะ มาซาโยชิ ซนอย่างมากก็เป็นได้แค่ลูกครึ่งญี่ปุ่นเกาหลีเท่านั้น

นี่ก็เหมือนคนอเมริกันที่ปฏิบัติต่อชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ถึงแม้ว่าชาวอเมริกันเชื้อสายจีนจะมีสัญชาติอเมริกัน แต่พวกเขาก็ยังถือว่าเป็นชาวจีนในสายตาของคนอเมริกันบางคน

และเป็นเพราะอิโตะ นานาโกะรู้จักพ่อของเธอดีอย่างยิ่ง ดังนั้นเธอจึงกลัวการตัดสินใจที่รีบร้อนของตนเองเป็นอย่างมาก

ทานากะโคอิจิพูดถูก หากจู่ๆ เธอก็ต้องการจะกลับไปโตเกียว อีกทั้งยังยืนกรานที่จะเจอเย่เฉิน นางาฮิโกะ อิโตะ จะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ อีกทั้งยังอาจถึงขั้นสั่งกักบริเวณ หรือถึงขั้นแทรกแซงเสรีภาพในการแต่งงานของเธอโดยตรงและหาคู่แต่งงานที่เหมาะสมให้เธอ จากนั้นก็บีบบังคับให้เธอแต่งงาน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของอิโตะ นานาโกะก็ผิดหวังอย่างมาก เธอพึมพำ “ขอบคุณทานากะซัง ฉันเข้าใจแล้ว…”

ทานากะโคอิจิรีบถาม “คุณหนู อย่างนั้นพรุ่งนี้คุณจะกลับโตเกียวหรือไม่?”

อิโตะ นานาโกะกัดริมฝีปากของตนเบาๆ เธอนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นจึงเอ่ยปากอย่างเศร้าๆ ว่า “ไม่กลับไปดีกว่า หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหา ถ้าหากไปก่อปัญหาให้เย่เฉินซังอีกก็คงไม่ดีแน่”

ทานากะโคอิจิถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเอ่ย “คุณหนูฉลาดอย่างยิ่ง ตอนนี้ท่านประธานโกรธคุณเย่เป็นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะตอนนี้จะต้องคำนึงถึงความร่วมมือกับตระกูลซู เกรงว่าท่านประธานคงคิดหาวิธีลงมือกับคุณเย่ไปแล้ว ถ้าคุณมาที่โตเกียวเพื่อพบคุณเย่ในเวลานี้ จะต้องเป็นการเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟอย่างแน่นอน…”

อิโตะ นานาโกะรีบเอ่ยกระซิบเสียงหลง “ฉันรู้แล้วทานากะซัง นอกจากนี้ ฉันขอถามอะไรคุณอีกเรื่องได้ไหม?”

ทานากะโคอิจิรีบเอ่ย “คุณหนูมีเรื่องอะไรโปรดบอกผมได้เลยครับ!”

อิโตะ นานาโกะเอ่ย “ถ้าหากความขัดแย้งระหว่างคุณพ่อกับเย่เฉินซังรุนแรงขึ้น ทานากะซังได้โปรดช่วยหยุดคุณพ่อเอาไว้ด้วย อย่าได้ผลีผลามทำอะไรที่เป็นการทำร้ายเย่เฉินซัง….”

ทานากะโคอิจิพูดอย่างอึกอัก “คุณหนู เรียนตามตรงนะครับ ตอนนี้คุณเย่เบี้ยวหนี้ท่านประธาน 4.5 พันล้านดอลลาร์ ต่อให้คุณชอบเขา แต่ก็จะหันไปเข้าข้างเขาไม่ได้นะครับ!”

อิโตะ นานาโกะพูดอย่างจริงจัง “ฉันไม่ได้ปกป้องเย่เฉินซัง แต่ฉันทำเพื่อปกป้องพ่อของฉัน ตระกูลอิโตะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฉินซัง ถ้าหากไปทำให้เขาขุ่นเคืองเข้า เกรงว่าจะมีภัยพิบัติ… ”