ตอนที่ 1943 โจรตีกันเอง
ในช่วงเวลาต่อมา ชายชุดดำคนนั้นก็อาศัยพลังลึกลับของโคมแปดเหลี่ยมสีม่วงดวงหนึ่งเอาชนะคู่ต่อสู้อีกสี่คนอย่างต่อเนื่อง

ที่น่าโมโหที่สุดก็คือ ในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่ร่วมเคลื่อนไหวกับเขาก็มีหนึ่งคนที่ถูกเขาฉวยโอกาสกำราบ

ก่อนถูกสังหาร สี่คนนั้นก็ถูกพลังเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศระลอกหนึ่งหอบม้วน นำตัวออกไปจากแดนลับโลกาสวรรค์ ทิ้งยันต์ชีวิตชิ้นแล้วชิ้นเล่าเอาไว้

“น่าเสียดาย รั้งพวกเขาให้อยู่ต่อทั้งหมดไม่ได้”

ชายชุดดำทำเสียงจึ๊กจั๊กอย่างออกจะเสียดาย แต่ฉับพลันนั้นเขาก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

“ใครน่ะ”

ขณะที่พูด ตัวเขาก็แปลงเป็นเงาดำเงาหนึ่งพุ่งออกไปไกลลิบ ถึงกับหนีไปทั้งอย่างนั้น

แต่กลางทางชายชุดดำก็ถูกขวางไว้

เงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าเขา ยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง “ส่งยันต์ชีวิตมา ข้าจะให้เจ้าถูกคัดออกอย่างมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง”

คนผู้นี้ย่อมเป็นหลินสวิน

ชายชุดดำสีหน้าอึมครึมไม่ว่างเว้น เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องอย่างตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลังจริงๆ

เขาสูดหายใจเฮือกหนึ่ง เผยรอยยิ้มใจดีแล้วเอ่ยว่า “ข้ารู้จักเจ้า นามว่าจินตู๋อี มาจากแคว้นเมฆา…”

ตูม!

ไม่รอให้เขาพูดจบ มือขวาที่หลินสวินยื่นออกมาก็ยกขึ้นฟาดลงมาอย่างแรงทันที ประหนึ่งภูเขาเทพดึกดำบรรพ์ลูกหนึ่งถูกทุ่มออกมา อหังการหาใดเทียบ

“เจ้าคนร้ายกาจ!”

ชายชุดดำตกตะลึง รับรู้ได้ว่าเจอกับพวกที่ร้ายกาจยิ่งกว่าตัวเองแล้ว เขาไม่ลังเลสักนิด ลงมือเต็มกำลัง

เพี๊ยะ!

แต่เพียงพริบตาเขาก็ถูกฝ่ามือหนึ่งโบกเข้าที่หน้าผาก ร่างทิ่มลึกลงไปในดินอย่างแรงเหมือนเสาไม้ ภาพตรงหน้าพร่าเลือน เจ็บจนแทบจะหมดสติ

ชายชุดดำเอ่ยอย่างหวาดผวาว่า “อย่าฆ่าข้า ยันต์ชีวิตยกให้เจ้าหมดเลย!”

ในใจเขาตกตะลึง ควรรู้ว่าเขาเป็นถึงอันดับหนึ่งในศึกถกมรรคแคว้นต้าอวี๋ แต่ตอนนี้กระบวนท่าเดียวยังรับไว้ไม่ได้!

คาดการณ์เช่นนี้ จินตู๋อีนี่จะน่ากลัวเพียงไหนกัน

“ยังคิดว่าข้าจะมาพูดไร้สาระกับเจ้าจริงๆ หรือ”

หลินสวินก้าวไปข้างหน้า ดีดนิ้วคราหนึ่ง ปราณกระบี่ริ้วหนึ่งก็โฉบออกมา แทงเข้าหว่างคิ้วของชายชุดดำผู้นั้น

“ไม่…!”

ชายชุดดำร้องลั่น ชั่วพริบตาที่ถูกปราณกระบี่แทง ตัวเขาก็ถูกพาออกไปจากแดนลับโลกาสวรรค์แห่งนี้ ถูกคัดออกจากการแข่งขันแล้ว

บนพื้นเหลือเพียงยันต์ชีวิตสีเขียวห้าชิ้น ถูกหลินสวินคว้าเอาไว้ในมือ

“เร็วเข้า อยู่ทางนี้!”

“จำไว้ ไม่ว่าพบใครล้วนฆ่าไม่เว้น!”

ยังไม่ทันรอให้หลินสวินจากไป เสียงทลายอากาศระลอกหนึ่งก็ดังขึ้นจากไกลๆ เงาร่างกลุ่มหนึ่งทะยานมาทางนี้พร้อมไอสังหารซัดโถม

หลินสวินนัยน์ตาหดรัด

ก็เห็นชายหญิงสิบกว่าคน ล้วนเป็นบุคคลแห่งยุคที่มาจากสิบเผ่านักรบใหญ่ มีเผ่านักรบกิเลนโลหิต เผ่านักรบผีสวรรค์ เผ่านักรบเถาอู้…

ภาพนี้ทำให้หลินสวินนึกถึงภาพสมัยอยู่ในแหล่งสถานคุนหลุนขึ้นมาพลัน ตอนนั้นเขาก็เคยฆ่าผู้แข็งแกร่งไปไม่รู้เท่าไร

ในนั้นก็มีพวกร้ายกาจจากสิบเผ่านักรบใหญ่ อย่างเถาเจี้ยนสิงจากเผ่านักรบเถาอู้ เหยียนซิวจากเผ่านักรบผีสวรรค์

สวบ!

หลินสวินเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ หมุนตัวจากไป

การคัดเลือกถกมรรคของแดนลับโลกาสวรรค์เพิ่งเริ่มขึ้น ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลกจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ใช้พลังทั้งหมดสังหารสิบกว่าคนนี้ จะต้องมีผู้แข็งแกร่งถูกดึงดูดมามากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ตนตกเป็นเป้าเดี่ยว ถึงตอนนั้นผลที่ตามมาจะรุนแรงยิ่งขึ้น

“หนีไปแล้วหรือ”

“เป็นจินตู๋อีจากแคว้นเมฆา เมื่อกี้เขาต้องชิงยันต์ชีวิตไปไม่น้อยแน่ รีบตามไป!”

“ไป!”

ผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนท่าทางฮึกเหิม เห็นหลินสวินหนีไปก็ตามไปทันที ถึงกับไม่มีความคิดจะรามือ

เห็นได้ชัดว่าฐานะของหลินสวินไม่เพียงพอจะทำให้พวกเขาหวาดหวั่นได้

นี่เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเปลี่ยนเป็นบุคคลสะท้านโลกเช่นหลิงหงจวง หวงฝู่เซ่าหนง อย่าว่าแต่ตามเลย เกรงว่าพวกเขาจะเลือกหลบหนีตั้งแต่แรก

ทันใดนั้นในห้วงอากาศก็มีแสงเคลื่อนไหวพร่างพราว แต่ละคนรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ตามติดหลินสวินไม่ปล่อย

ตามทางยังมีเงาร่างผู้แข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งคราว พอเห็นภาพนี้เข้าก็ต่างตกใจจนรีบหนี ไม่กล้าเข้าไปสอดมือสักนิด

ทั้งยังมีพวกร้ายกาจจำนวนหนึ่ง หลังจากเห็นภาพนี้ก็แอบตามหลังไป

นกปากซ่อมสู้กับหอยกาบ ชาวประมงได้ประโยชน์ ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง… ไม่ว่าเป็นสถานการณ์ไหน ย่อมเกิดขึ้นไม่ว่างเว้นในแดนลับโลกาสวรรค์แห่งนี้

แต่ใครจะกลายเป็นเหยื่อ และใครจะได้หัวเราะในตอนท้ายกันแน่ ก็ต้องดูความสามารถและโชคของตัวเองแล้ว

หลินสวินเพิ่งเป็นโจรตีกับโจรไปครั้งหนึ่ง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งหมายหัว ในใจจึงหมดคำพูดไปครู่หนึ่ง ยิ่งทอดถอนใจถึงความโหดร้ายและดุเดือดของการคัดเลือกถกมรรคคราวนี้

ตูม!

ที่ทำให้หลินสวินประหลาดใจก็คือ พอเขาพุ่งผ่านป่าที่มีต้นไม้โบราณสูงๆ ต่ำๆ แห่งหนึ่ง ป่าแห่งนั้นถึงกับเหมือนมีชีวิต ดึงตัวออกจากดิน ต้นไม้และเถาวัลย์นับไม่ถ้วนทะลวงอากาศขึ้นมาขวางหน้าเขาไว้

ซ่า…!

ร่างหลินสวินมีปราณกระบี่พร่ามัวไหลวน ยามปราณกระบี่ตัดกันส่งเสียงกึกก้อง ฟันต้นไม้นับไม่ถ้วนเหล่านั้นกระจุย เศษไม้และเศษใบไม้ล้วนแหลกเป็นผุยผง

“ตาย!”

ในขณะเดียวกันท่ามกลางฝุ่นควันเต็มฟ้า เงาร่างหนึ่งก็พุ่งออกมา ทวนยาวเล่มหนึ่งแทงมาที่หลินสวินประหนึ่งรุ้งขาวพาดอาทิตย์

คนผู้นี้คือชายชุดเทาร่างผอมบางคนหนึ่ง แววตาลุ่มลึก กลิ่นอายดุจหุบเหว ยามลงมือว่องไวจนน่าตกตะลึง!

เห็นได้ชัดว่าเขาเฝ้าคอยอยู่ที่นี่มานานแล้ว การปรากฏตัวของหลินสวินทำให้เขาเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเลสักนิด

ด้านหลังเป็นผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนไล่กวดอย่างบ้าคลั่ง

ด้านหน้าก็มีคู่ต่อสู้แบบนี้พุ่งมาอีกคน ทำให้หลินสวินยังนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้ ดวงตาดำมีไอสังหารเหี้ยมเกรียมฉายวาบ

เขาไม่หลบไม่หนี ทันใดนั้นก็พุ่งไปข้างหน้า จับทวนศึกที่แทงมาเล่มนั้นไว้แล้วออกแรงที่นิ้ว

ปึง!

ทวนศึกถูกหลินสวินชิงไปแล้วกวาดออกมาอย่างแรง ชายชุดเทาผู้นั้นก็ถูกกระแทกกระเด็นออกไปอย่างจัง

สวบ!

เมื่อหลินสวินยกมือขึ้นฟาด ทวนศึกก็พุ่งไปยังชายชุดเทาคนนั้นด้วยท่วงท่าดุดันหาใดเทียบ

“แย่แล้ว!”

ชายชุดเทาร้อนลน กำลังจะหลบหนีทวนศึกก็ทะลวงสังหารมาแล้ว กลิ่นอายถึงชีวิตอันน่ากลัวนั้นปกคลุมไปทั้งตัวเขา

ฮูม… ห้วงอากาศระลอกหนึ่งเกิดคลื่นเคลื่อนไหว หอบชายชุดเทาให้หายลับไป เห็นได้ชัดว่าเขาถูกคัดออกไปในช่วงชี้เป็นชี้ตายนี้

แต่ก่อนไปเขาสีหน้างุนงงละไม่ยินยอม ยังคงทำใจเชื่อได้ยาก

ตน… ก็แพ้แบบนี้แล้วหรือ

เจ้าหมอนั่นเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นเมฆาเท่านั้น แต่เหตุใดพลังต่อสู้ถึงน่ากลัวปานนี้

“ได้เจอข้า ถือว่าเจ้าโชคร้าย”

หลินสวินยกมือขึ้นคว้ายันต์ชีวิตที่ชายชุดเทาทิ้งไว้ แล้วพุ่งไปข้างหน้าต่อ

“อะไรน่ะ เซวียเจี้ยนหนานถูกคัดออกในการโจมตีเดียวหรือ”

“เซวียเจี้ยนหนาน นี่เป็นถึงปีศาจที่มาจากโลกหนึ่งใน ‘เขตแดนดาราต้าเหิง’ ถูกหลายคนให้ความสำคัญ ทำไมถึงถูกคัดออกแบบนี้แล้ว…”

“บ้าเอ๊ย พวกเราประเมินพลังต่อสู้ของจินตู๋อีคนนี้ต่ำเกินไป”

ด้านหลัง ผู้แข็งแกร่งที่กำลังไล่กวดหลินสวินสิบกว่าคนต่างหน้าเปลี่ยนสี สูดหายใจสะท้าน เงาร่างที่ไล่ตามต่างชะลอลง

หลินสวินไม่รู้จักเซวียเจี้ยนหนาน แต่พวกเขารู้จัก!

ในบรรดาปีศาจที่มาจากโลกอื่นในฟ้าดารา เซวียเจี้ยนหนานคนนี้เป็นผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง

ใครจะคิดว่าด้วยการโจมตีเดียวเขาก็แพ้แล้ว…

“ยังจะตามไหม”

ทุกคนมองหน้ากัน

“พวกเราไล่โจมตีมาตลอดทาง ดึงความสนใจของคนจำนวนมากแล้ว ตอนนี้พลังที่จินตู๋อีสำแดงออกมาน่ากลัวขนาดนี้ด้วย ข้าคิดว่ารามือจะดีที่สุด”

มีคนเอ่ยเสียงขรึม

“ช่างเถอะ เอาตามนี้แล้วกัน ในแดนลับโลกาสวรรค์แห่งนี้มีเสือหมอบมังกรซุ่ม ก็เหมือนกับจินตู๋อีคนนี้ เป็นแค่อันดับหนึ่งแคว้นเมฆาเท่านั้น แต่กลับมีพลังต่อสู้ชั้นนี้ เรื่องนี้แต่ก่อนใครจะกล้าเชื่อกัน”

“เฮ้อ คิดจะยืนหยัดจนจบ โดดเด่นเหนือทุกคน… ยากจริงๆ นะ”

ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ต่างถกกัน ในที่สุดก็ล้มเลิกการไล่โจมตี

“เป็นอย่างไร จินตู๋อีคนนี้ความสามารถไม่เลวล่ะสิ”

โลกภายนอกซย่าสิงเลี่ยยิ้มพลางเอ่ยปาก

บุคคลระดับจักรพรรดิอย่างพวกเขาได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทุกภาพแล้ว โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นภาพหลินสวินเอาชนะเซวียเจี้ยนหนานนั้น แววประหลาดก็ฉายวาบในส่วนลึกของดวงตาซย่าสิงเลี่ย

ไม่ได้พบกันหลายปี เจ้าหนุ่มที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณคนนี้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นแล้ว…

ก็จริง ตอนนั้นเขาสามารถก่อคลื่นลมในแหล่งสถานคุนหลุนได้ใหญ่โตปานนั้น ก็ย่อมไม่อาจเทียบกับคนธรรมดาได้

“ต่อให้ความสามารถดีแค่ไหนก็ยังถูกไล่ฆ่ามาตลอดทางไม่ใช่หรือ”

จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์เอ่ยเสียงเรียบ

แววเย็นชาฉายวาบในดวงตาของซย่าสิงเลี่ย ปากกลับยิ้มเอ่ยว่า “พูดถึงไล่ฆ่า ทุกท่านมาดูสาวน้อยที่ชื่อว่าหลิงหงจวงคนนั้น ในแดนลับโลกาสวรรค์แห่งนี้กลับเลือกเคลื่อนไหวคนเดียว ผลสุดท้ายเล่า ถูกผู้แข็งแกร่งสามกลุ่มไล่ฆ่า”

“เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะนางเป็นภัยคุกคามใหญ่ กังวลว่านางจะร่วมมือกับคนอื่นหรือ เช่นนั้นในแดนลับโลกาสวรรค์ใครจะยังเป็นคู่ต่อสู้นางได้”

เจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์ไท่ซูหงยิ้มขื่นไปครู่หนึ่ง หลิงหงจวงเป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคโลกาสวรรค์ สถานการณ์ที่ซย่าสิงเลี่ยพูดถึงกำลังเกิดขึ้นจริง

ไม่เพียงแต่หลิงหงจวง บุคคลแห่งยุคที่อยู่ในสิบอันดับแรกของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์อย่างหวงฝู่เซ่าหนง จู่เฟยอวี่ เยียนอวี่โหรว ถูเชียนเจวี๋ย ขอเพียงปรากฏตัวคนเดียวจะต้องถูกหมายหัว ดึงดูดการล้อมโจมตีแน่!

ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นภัยคุกคามใหญ่

“เพราะฉะนั้น ความสามารถของจินตู๋อีก็ดูไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว”

ซย่าสิงเลี่ยเอ่ยเนิบๆ

ในที่สุดระดับจักรพรรดิมากมายในที่นั้นก็ดูออกแล้วว่า จักรพรรดิกระบี่ยอดมารโปรดปรานจินตู๋อีคนนี้มาก ทำให้ทุกคนต่างสงสัยอย่างอดไม่ได้ ว่าจินตู๋อีคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับจักรพรรดิกระบี่ยอดมารหรือไม่…

‘การคัดเลือกนี้โหดร้ายจนไม่อาจคาดคิดได้จริงๆ’

กลางเทือกเขาแห่งหนึ่ง หลังจากหลินสวินแน่ใจว่าไม่มีใครตามแล้วจริงๆ จึงหยุดที่ยอดเขาแห่งนี้ ในใจกังวลถึงความปลอดภัยของจินเทียนเสวียนเยวี่ยอยู่บ้าง

เรื่องที่ได้ประสบเมื่อครู่แต่ละเรื่องต่างเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น หลินสวินไม่สงสัยสักนิดว่าถ้าถูกคนพวกนั้นรัดพันไว้ มีแต่จะดึงคู่ต่อสู้เข้ามามากยิ่งขึ้น

ที่น่ากลัวที่สุดก็คือต่อให้อยู่ระหว่างการหลบหนี ก็เป็นไปได้สูงมากที่จะถูกคนอื่นลอบโจมตีกะทันหัน!

‘ไม่ได้ ต้องรีบหาแม่นางเสวียนเยวี่ยให้เจอโดยเร็วที่สุด หาไม่แล้วเกรงว่านางที่หัวเดียวกะเทียมลีบจะถูกคนมากมายล้อมโจมตี’

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วออกเคลื่อนไหวอีกครั้ง

เขาโคจรไอซวนหนีเดินทางอย่างรวดเร็ว

ตลอดทางเขาได้พบผู้แข็งแกร่งไม่น้อย แต่รวมตัวร่วมกันเคลื่อนไหวแทบทั้งนั้น อย่างต่ำก็สามสี่คน อย่างมากก็สิบกว่าคน

หลินสวินไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างบุ่มบ่าม อ้อมออกมาทันที ด้วยศักยภาพของเขาในตอนนี้ก็จากมาเงียบๆ โดยไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวได้

เดินหน้าต่อไป ผ่านไปหนึ่งก้านธูปเต็มๆ

เมื่อหลินสวินหยุดเพื่อสืบหาทางข้างหน้าบนหินผาก้อนหนึ่ง จู่ๆ นัยน์ตาก็หดรัด เงาร่างทะยานฟ้าอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ

ตูม!

แทบจะในขณะเดียวกัน หินผาที่อยู่ใต้เท้าเขาก้อนนั้นระเบิดออก ปราณกระบี่อันเฉียบคมหาใดเทียมปะทุออกมา

——