ตอนที่ 1945 พรานกับเหยื่อ
เถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงต่างรู้สึกว่าตนจนแต้มแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงอู่หวง เพียงแค่สี่คนที่ล้อมโจมตีพวกเขาตอนนี้ก็แข็งแกร่งจนทำให้พวกเขาสิ้นหวัง

เมื่อได้ยินวาจาเย็นชาหาใดเทียบนั้นของอู่หวง ทั้งสองต่างโกรธจนตาลุกวาว คลั่งไปโดยสมบูรณ์

“สารเลว!”

“สู้สุดตัวกับพวกเขาเลย!”

ก็ในตอนนี้เอง…

“อู่หวง เจ้าหน้าไม่อายจริงนะ…” เสียงเยียบเย็นดังขึ้นกลางฟ้าดิน

อู่หวงกับสี่คนที่กำลังล้อมโจมตีล้วนเงยมองมา ก็เห็นเงาร่างยืนสันโดษร่างหนึ่งโฉบพุ่งมาจากห้วงอากาศ

พวกเถิงอี๋เฉินล้วนใจกระตุก เผยสีหน้ายากจะเชื่อ “พี่จิน!”

เมื่อจนมุมกำลังจะถูกคัดออก จู่ๆ ก็มีคนทะยานมาจากฟ้า นั่นช่างเป็นดั่งแสงที่ทลายความมืดมิด ทำให้ในใจที่สิ้นหวังโกรธเคืองของพวกเขามีความหวัง รู้สึกยินดีปรีดาและตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“พวกเจ้าจัดการต่อ ข้าจะไปขวางเขา”

ตอนแรกอู่หวงชะงักไป แต่ไม่ทันไรก็กลับมาสงบนิ่ง สีหน้าเย็นชา

เงาร่างเขาพริบวาบ ไอหมอกพวยพุ่งประหนึ่งมารเทพจากนรก พุ่งเข้าโจมตีสังหารหลินสวิน

สวบ!

ในนัยน์ตาเขาสะท้อนประกายแสงเทพสี่สายสีดำ ขาว เขียวและม่วง สำแดง ‘แผนภาพจตุลักษณ์ประหัตวิญญาณ’ อันพิสดารสุดหยั่งออกมา

ส่วนในมือเขาก็มีสายโซ่ที่มีกลิ่นอายคาวเลือดหลั่งไหลออกมาสายหนึ่ง ฟาดออกมาแรงๆ

อู่หวงมีฐานะเป็นทูตจักรพรรดิ โอหังอวดดี แต่ในศึกถกมรรคแคว้นเมฆากลับพ่ายแพ้ยับเยินด้วยน้ำมือหลินสวิน ถูกเหยียบย่ำจนน่าอดสูถึงที่สุด มองว่าเป็นความอัปยศครั้งใหญ่

ตอนนี้เมื่อเห็นว่าหลินสวินสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของตน ทำให้ความแค้นทั้งเก่าใหม่ต่างพากันผุดขึ้นในใจเขา ทันทีที่ลงมือก็สำแดงอานุภาพดุร้ายคับฟ้าชนิดเอาชีวิตเข้าแลก

“อย่างเจ้ายังคิดจะขวางข้าไว้หรือ”

หลินสวินยิ้มหยัน ปราณกระบี่โปรยปรายมากมายพุ่งออกจากร่างเขาอย่างรวดเร็ว พร่างพราวโชติช่วง ทะยานออกมา

ฝนกระบี่สิบทิศ!

เพียงแต่คราวนี้ถูกสำแดงด้วยกายมรรคทองขาวที่ดุดันหยาบกระด้างที่สุด พลังสังหารเช่นนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง

ตูม!

ฝนกระบี่เต็มฟ้าปกคลุม ห้วงอากาศยังถูกกรีดเป็นรอยขาดนับไม่ถ้วน แม้ว่าการโจมตีของอู่หวงน่ากลัว แต่ในชั่วพริบตาก็ถูกปราณกระบี่นับไม่ถ้วนบดขยี้

ส่วนตัวเขามาว่าไวแล้ว แต่ไปไวยิ่งกว่า ถูกปราณกระบี่แน่นขนัดแถบหนึ่งฟันเข้าที่ตัวจนกระเด็นออกไปอย่างแรง

เสื้อผ้าบนตัวระเบิดกระจุย บนร่างมีรอยกระบี่เลือดหลั่งรินรอยแล้วรอยเล่า!

หนึ่งการโจมตี ก็ถูกตีพ่ายอย่างหนักหน่วง!

สี่คนที่เดิมเตรียมจะล้อมโจมตีเถิงอี๋เฉินและกุยซานสิงต่อล้วนตัวแข็งทื่อ เผยสีหน้าตกตะลึง

ทูตจักรพรรดิอย่างอู่หวงจะอ่อนแอปานนั้นได้อย่างไร

แม้แต่พวกเถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงยังตกตะลึงอ้าปากค้าง ในศึกถกมรรคแคว้นเมฆาก่อนนหน้านี้ พวกเขาเคยเห็นการห้ำหั่นดุเดือดระหว่างอู่หวงกับหลินสวินกับตา

แม้ตอนนั้นอู่หวงจะแพ้ แต่ก็ไม่ได้แพ้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ขนาดกระบวนท่าเดียวยังรับไม่ได้ นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

“ทำ… ทำไมเจ้าแข็งแกร่งปานนี้”

อู่หวงเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวปนตกตะลึง เขาไม่อาจเชื่อได้ว่าเพิ่งผ่านไปไม่เท่าไร คู่ต่อสู้คนนี้ก็น่ากลัวปานนี้แล้วหรือ

เขาไม่รู้ว่าในศึกถกมรรคแคว้นเมฆาตอนนั้น เดิมทีหลินสวินก็ออมมือไว้ ไม่ได้สำแดงพลังต่อสู้ออกมาจนหมด

หลังจากศึกถกมรรคแคว้นเมฆาจบไปครึ่งปี พลังปราณของหลินสวินก็ทะลวงขั้น เลื่อนเป็นระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลายในก้าวเดียว และยังทำให้การอนุมานเขตแดนมรรคของเขาใกล้ไปถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดด้วย

พลังต่อสู้ของเขาแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงมานานแล้ว

และเพื่อช่วยพวกเถิงอี๋เฉิน หลินสวินจึงไม่ได้ออมมือแต่อย่างใดเช่นกัน!

“ตอนนั้นที่ศึกถกมรรคแคว้นเมฆา เจ้าใช้สมบัติจักรพรรดิได้ และใช้สมบัติลับอัศจรรย์ที่เพ่งเป้าไปที่จิตวิญญาณนั่นก็ได้ แต่ที่แดนลับโลกาสวรรค์แห่งนี้ เจ้าคงไม่ได้มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว”

ขณะที่หลินสวินพูดเงาร่างก็พุ่งไปข้างหน้า ไอสังหารจับจ้องที่ตัวอู่หวง “และข้า ก็ไม่อาจให้โอกาสเจ้าได้อีกแล้ว!”

ตูม!

ฝนกระบี่ไร้สิ้นสุดม้วนตลบออกมา ปราณกระบี่ไท่เสวียนแต่ละสายล้วนประทับด้วยพลังกฎเกณฑ์อันลึกลับ ควบรวมเป็นเจตกระบี่ออกมา ปกคลุมหนาแน่น

ภาพเช่นนั้นเรียกได้ว่าปกฟ้าคลุมตะวัน!

อู่หวงหน้าเปลี่ยนสี หมุนตัวจะหนี

ครึ่งปีนี้พลังของเขาก็ทะลวงเช่นกัน เดิมนึกว่ามีโอกาสชะล้างความอับอายแล้ว แต่การโจมตีเมื่อครู่กลับทำให้เขาพบว่า ความน่ากลัวในพลังของจินตู๋อีผู้นี้เหนือกว่าที่เขาคาดเดาไปไกล!

“ข้าพูดไปแล้ว คราวนี้จะไม่ให้โอกาสใดๆ กับเจ้าอีก”

ท่ามกลางเสียงอันราบเรียบ ปราณกระบี่ไร้สิ้นสุดฉายวาบอย่างรวดเร็ว แปลงสภาพเป็นค่ายกลกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวหาใดเทียบ ผนึกพื้นที่แถบนี้ไว้ทั้งหมดประหนึ่งคุกกระบี่หลังหนึ่ง

นี่คือวิชาที่มหัศจรรย์ที่สุดวิชาหนึ่งในคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน…

กรงกระบี่!

“เปิด!”

อู่หวงคำรามขึ้นฟ้า หมอกเทาพวยพุ่งถาโถมไปทั้งตัว ตัวเขากลายเป็นนกฉงหมิงดุร้ายตัวหนึ่ง กระพือปีกบินสูง

นี่เป็นร่างต้นของเขา และยังเป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาด้วย!

แล้วก็เห็นว่าเงาแสงเทาหม่นเป็นชั้นๆ ผุดขึ้นมาจากปีกทั้งสองของเขาประหนึ่งแดนมารมากมายมาเยือนโลก พิสดารน่าหวาดหวั่น

เพียงแต่ภายใต้การกำราบของกรงกระบี่ เงาแสงเป็นชั้นๆ นั้นล้วนถูกโจมตีแหลกกระจุย แตกกระเจิงเหมือนฟองสบู่

ภายใต้ปราณกระบี่ที่ตัดฟัน ร่างของอู่หวงเกิดรอยกระบี่ที่ลึกจนเห็นกระดูกนับไม่ถ้วนในพริบตา เลือดสดๆ สาดกระเซ็นเป็นน้ำตก

“ไม่…!”

อู่หวงตาแทบถลน แต่ตัวเขาก็ถูกพาออกไป ออกจากการคัดเลือกโดยสมบูรณ์พร้อมกับคลื่นห้วงอากาศระลอกหนึ่ง

ก่อนจากไปดวงตาเขามีแต่ความแค้นและไม่ยินยอมเข้ากระดูก

สุดท้าย ณ ที่ที่เขาหายไปก็มียันต์ชีวิตกองหนึ่งตกอยู่ จำนวนราวสิบสามชิ้น และถูกหลินสวินเก็บไป

จากนั้นสายตาของหลินสวินก็มองไปที่พวกพ้องของอู่หวงสี่คนนั้น

“ไป!”

คนเหล่านี้รับรู้ได้ว่าไม่สู้ดี โดยเฉพาะเมื่อเห็นสภาพอันน่าสังเวชของอู่หวงก็ยิ่งตะลึงจนเหงื่อกาฬไหลทั่วกาย ยามนี้ต่างเลือกหลบหนีโดยไม่ได้นัดหมาย

“ฟัน!”

เสียงสวบดังขึ้น ดาบหักโฉบออกมา

ขณะเดียวกันเงาร่างของหลินสวินก็ไหววูบ ไล่ฆ่าอีกคนหนึ่ง

เถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงจะพลาดโอกาสงามเช่นนี้ได้อย่างไร ยามหลินสวินลงมือ พวกเขาต่างก็เข้าโจมตีด้วยเช่นกัน

ครู่หนึ่งผ่านไป

ผู้แข็งแกร่งที่มาจากสำนักโบราณจรัสเทพสี่คนนี้พ่ายแพ้และถูกคัดออกจากการคัดเลือกอย่างต่อเนื่อง ทิ้งยันต์ชีวิตไว้ในที่แห่งนั้น แต่รวมกันแล้วก็ยังมีเพียงแปดชิ้น น้อยกว่าจำนวนที่อู่หวงมีคนเดียวมาก

จากจุดนี้ก็ดูออก ว่าฐานะของสี่คนนี้ในสำนักโบราณจรัสเทพคงต่ำกว่าทูตจักรพรรดิอย่างอู่หวงมาก

“ขอบคุณพี่หลินที่ช่วยเหลือ!”

เถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงก้าวออกมาข้างหน้า เอ่ยปากด้วยความซาบซึ้ง พวกเขากับหลินสวินไม่ได้ถึงกับสนิทกัน แต่คราวนี้กลับเป็นหลินสวินที่ช่วยพวกเขา นี่ทำให้พวกเขาเหนือความคาดหมายมาก และยิ่งซาบซึ้ง

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้พวกเขาก็เป็นพันธมิตรกับอู่หวง แต่กลับถูกอู่หวงหลอก

เทียบกันเช่นนี้ จะไม่ให้พวกเขาซาบซึ้งในบุญคุณที่หลินสวินช่วยชีวิตได้อย่างไร

“พวกเราล้วนมาจากแคว้นเมฆา ช่วยเหลือกันก็เป็นเรื่องที่ควรทำ”

หลินสวินยิ้มให้ ขณะกำลังจะพูดอะไรต่อ เขาพลันหันหน้ามองไปไกลทันที

ก็ในตอนนี้เอง เสียงปรบมือระลอกหนึ่งดังขึ้น

ณ ที่ไกลลิบ เงาร่างแถบหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ผู้ที่นำหน้าเป็นชายคนหนึ่ง แต่งกายด้วยชุดขาว รูปลักษณ์หล่อเหล่า ใบหน้านุ่มนวล

เขามีผมยาวสีเงิน กลิ่นอายงามละมุน

ถูเชียนเจวี๋ย!

ผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคจักรวาล อันดับเก้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์!

ข้างหลังเขามีชายหญิงติดตามเจ็ดแปดคน ล้วนเป็นผู้สืบทอดแกนหลักของเรือนมรรคจักรวาล แต่ละคนกลิ่นอายแข็งกร้าวทะลวงฟ้า ประหนึ่งหมู่ทวยเทพ

เถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงต่างหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกขมในปาก

เมื่อครู่เพิ่งพลิกร้ายกลายเป็นดี เอาชนะพวกอู่หวงไป ก็มีพวกที่น่ากลัวยิ่งกว่าอีกกลุ่มกระโดดออกมาทันที นี่จะโชคร้ายไปหน่อยแล้ว!

มีเพียงหลินสวินที่สีหน้านิ่งเฉย

สองวันมานี้เขาได้เห็นเหตุการณ์ทำนองนี้มามากแล้ว มีคนที่ดูเหมือนเพิ่งเอาชนะคู่ต่อสู้ ได้ยันต์ชีวิตมาจำนวนหนึ่งอย่างยากลำบาก แต่ยังไม่ทันได้ดีใจก็มีคู่ต่อสู้บุกมา ถือโอกาสตีชิงตามไฟ

สถานการณ์เดี๋ยวไล่จับคนอื่น เดี๋ยวถูกคนอื่นไล่ล่าเช่นนี้เห็นได้เจนตา เกิดขึ้นตลอดเวลาในแดนลับโลกาสวรรค์แห่งนี้

เพียงแต่คราวนี้เกิดขึ้นกับตัวเขาเองแล้ว

“ใครจะคิดว่าอันดับหนึ่งศึกถกมรรแคว้นเมฆาถึงกับมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งปานนี้ ในความคิดข้า ข่งเจาถูกเจ้าเล่นงานนอกประตูภูเขาเรือนมรรคโลกาสวรรค์วันนั้นก็ไม่ได้มีอะไรเกินคาดเลย”

ถูเชียนเจวี๋ยเสียงกังวาน ชวนให้รู้สึกเหมือนอาบลมวสันต์

พวกเขาทั้งกลุ่มก้าวเข้ามา พลังขับเคลื่อนต่างเพ่งเล็งที่พวกหลินสวินอย่างแน่นหนา ดูเหมือนไม่ได้ลงมือ แต่ความจริงแล้วศึกล้อมโจมตีพร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ!

“เจ้าโผล่มาตอนนี้ หรือคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าข่งเจา”

หลินสวินสีหน้าเยือกเย็น

“เปล่า ข้าแค่มีคนเยอะ แต่ต่อให้คราวนี้ไม่อาจรั้งเจ้าไว้ได้ ก็ต้องชิงเอายันต์ชีวิตมาได้จำนวนหนึ่ง”

ถูเชียนเจวี๋ยยิ้มเอ่ย “แน่นอนว่าถ้าสู้สุดตัวจริงๆ ข้าก็ต้องชั่งน้ำหนักว่าค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายมากแค่ไหนกันแน่”

หลินสวินออกจะประหลาดใจ เอ่ยว่า “ดังนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร”

ถูเชียนเจวี๋ยคิดๆ แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ส่งยันต์ชีวิตที่พวกเจ้าเพิ่งชิงได้มา พวกเราก็จะเปลี่ยนอาวุธเป็นหยกดีไหม”

“เจ้าฝันหวานจริงนะ”

หลินสวินยิ้ม เจ้าหมอนี่นึกว่าพาผู้แข็งแกร่งมาเรือนมรรคจักรวาลมา ก็มั่นใจว่าจะจัดการตนได้จริงๆ หรือ

ถูเชียนเจวี๋ยพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ความฝันน่ะ ไม่ฝันให้หวานหน่อยจะให้ฝันร้ายหรือ”

“ข้าก็มีความฝันบ้าบิ่นเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเจ้าจะอยากฟังไหม”

หลินสวินยิ่งยิ้มเจิดจ้า

“ล้างหูรอฟังยิ่ง”

ถูเชียนเจวี๋ยพูด

“ผลลัพธ์ของศึกนี้ พวกเจ้าต้องแบกรับไม่ไหวแน่”

หลินสวินพูดจริงจัง

ถูเชียนเจวี๋ยนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย ในใจออกจะเกินคาด หรือเจ้าหมอนี่ดูไม่ออกว่าสถานการณ์ไม่ดีกับเขาอย่างยิ่ง

แต่เหตุใดเขายังมั่นใจเช่นนี้

“ไป!”

ในขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่ หลินสวินก็ได้พาเถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศไปด้วยกันอย่างไม่ลังเลแล้ว

ถูเชียนเจวี๋ยอึ้งไป หลุดหัวเราะเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจินตู๋อีก็เจ้าเล่ห์เหมือนกัน เพียงแต่ว่าถูกข้าถูเชียนเจวี๋ยหมายตาแล้ว พวกเจ้าจะหนีไปได้สักกี่น้ำ”

สวบ!

ครู่ต่อมาพวกเขาก็พากันตามขึ้นไปแล้ว

หนึ่งในคนกลุ่มนี้โบกมือเรียกหนังสัตว์ที่อบอวลด้วยประกายมายาออกมา ปกคลุมเงาร่างของพวกถูเชียนเจวี๋ยเอาไว้ ยามเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ!

หนังสัตว์อวกาศ!

สมบัติพิศวงยิ่งยวดชิ้นหนึ่ง หายากยิ่งนัก แต่ละชิ้นต่างเรียกได้ว่าประเมินค่าไม่ได้ แม้สมบัตินี้ไม่ใช่สมบัติจักรพรรดิ แต่ประโยชน์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือ สามารถมองข้ามพันธนาการแห่งกฎระเบียบของห้วงอากาศว่างเปล่า ยามเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศได้!

เพียงครู่สั้นๆ เท่านั้น พวกถูเชียนเจวี๋ยก็เห็นเงาร่างพวกหลินสวินกำลังหนีอยู่ไกลๆ ได้อย่างชัดเจนแล้ว

——