ซูจือหยูถามกลับ “นายเพิ่งรู้จักฉันวันแรกหรือไง?”
…
ในขณะนี้ ทากาฮาชิ เอคิจิ มองเย่เฉินอย่างเย็นชา
เขาอยากจะออกคำสั่ง ให้คนเข้าไปทุบตีเย่เฉินให้ตายอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ที่นี่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยโตเกียวและเป็นในตัวเมือง มีหลายคนมองอยู่ หากเขาลงมืออย่างเปิดเผย หลังจากนี้จะต้องมีข่าวต่างๆตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่
บวกกับตอนนี้ในรถยังมีแขกผู้มีเกียรติอยู่สองคนโดยเฉพาะซูจือหยู ซึ่งถือว่าเป็นเสป็คของเขา ตนเองควรจะต้องรักษาท่าทีการวางตัวต่อหน้าเธอให้ดี หากเขาเปิดเผยนิสัยวางอำนาจบาตรใหญ่ชอบใช้ความรุนแรงออกไป จะต้องส่งผลต่อความประทับใจของซูจือหยูที่มีต่อตนอย่างแน่นอน
ดังนั้น เขาจึงมองไปที่เย่เฉินและแค่นเสียงอย่างเย็นชา จากนั้นจึงพูดอย่างยโส “ไอ้หนุ่ม วันนี้ถือว่านายโชคดี ฉันไม่อยากจะลดตัวไปหานาย ถ้านายคุกเข่าลงและคำนับฉันสามครั้ง เรื่องนี้ก็จะถือว่าจบลง!”
เย่เฉินคล้ายกับกำลังได้ยินเรื่องตลกครั้งใหญ่ “นี่นาย ดูเหมือนว่าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่เล็กน้อย ปัญหาข้อสำคัญในตอนนี้ก็คือ นายติดหนี้แขนสองข้างกับฉัน!”
“นาย…” ทากาฮาชิ เอคิจินับถือเขาแล้วจริงๆ เขาแอบคิดกับตัวเองลับๆ “อุตส่าห์ใจดีหาทางรอดให้เจ้านี่ แต่เขากลับเลือกทางตาย แบบนี้ถ้าฉันอาศัยสถานการณ์นี้ทุบตีเขา ใครก็โทษฉันไม่ได้แล้วสินะ?”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็กัดฟันพูดว่า “ไอ้เด็กเวร! ฉันอุตส่าห์ไว้หน้าแก แต่ไม่ใช่ให้แกขึ้นมาเหยียบจมูกฉัน! ในเมื่อโอกาสนี้นายไม่อยากได้ อย่างนั้นก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย!”
พูดจบ เขาก็ตะโกนบอกบอดี้การ์ดทันที “จัดการให้ฉัน!”
ทันทีที่เสียงสิ้นสุดลง หญิงสาวร่างผอมบางก็พุ่งเข้าใส่ฝูงชนทันที เธอก็คือสาวชาวจีนที่ดีดกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนท้องถนนคนนั้น
หญิงสาวรีบพุ่งเข้ามายืนต่อหน้าเย่เฉิน เธอโพล่งออกมา “ขอโทษด้วยค่ะ คุณคนนี้ปะทะกับสมาคมไฮกิงบุงเกียวก็เพื่อปกป้องฉัน ได้โปรดพวกคุณอย่าได้ทำให้เขาต้องลำบาก!”
พูดจบ เธอก็คำนับไปยังฝูงชน
ในเวลานี้ เย่เฉินกลับหยุดหญิงสาวเอาไว้ทันที เขาเอ่ยอย่างแผ่วเบา “คนพวกนี้ไม่คุ้มค่าที่เธอจะโค้งคำนับให้ ไปรอข้างๆ”
“แต่เขาคือทากาฮาชิ เอคิจิ…” หญิงสาวร้องไห้ออกมาอย่างกังวล “เขาเป็นลูกเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโตเกียว ถ้าคุณไปทำให้เขาไม่พอใจ คุณก็จะเดือดร้อนมาก!”
เย่เฉินเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ฉันไม่สนว่าเขาจะเป็นทากาฮาชิ ทากาฮาชุ หรือว่าทากาฮาชะ วันนี้แขนทั้งสองข้างที่ติดค้างฉันอยู่ เขาจะต้องคืนมันมา”
หลังจากพูดจบ เย่เฉินก็ผลักเธอเบา ๆ และกำชับกับเธอว่า “รีบหนีไปทางอื่นซะ ไม่อย่างนั้นหากฉันต้องแบ่งสมาธิมาปกป้องเธอแล้วบาดเจ็บ ในใจของเธอจะต้องรู้สึกไม่ดีแน่?”
หญิงสาวถูกเย่เฉินผลักออกมา จิตใต้สำนึกก็คิดจะบุกเข้าไปอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเย่เฉิน เธอก็ลังเลขึ้นมา
เมื่อกี้นี้เธอเห็นทักษะฝีมือของเย่เฉินแล้ว เธอรู้ว่าเย่เฉินไม่ใช่คนธรรมดา บางทีเขาอาจจะมีความสามารถต่อกรกับคนเหล่านี้ได้จริงๆ แต่ถ้าเขาต้องมาบาดเจ็บเพราะเสียสมาธิมาปกป้องเธอ แบบนั้นตัวเธอก็ยากจะแก้ตัวจริงๆแล้ว!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็ได้แต่ยืนอยู่ด้านหนึ่งอย่างกังวล โทรศัพท์มือถือของเธอตอนนี้ถูกป้อนหมายเลขแจ้งตำรวจเอาไว้แล้ว หากสถานการณ์ดูท่าไม่ดี เธอก็จะโทรหาตำรวจทันที
ในเวลานี้ ซูจือหยูที่อยู่ในรถโรลส์รอยซ์มองไปที่เย่เฉิน เธออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นและพูดกับซูจือเฟยว่า “เฮ้ คนญี่ปุ่นที่นายพูดถึงที่แท้เป็นคนจีน!”
ซูจือเฟยถอนหายใจ “ในเมื่อเป็นคนจีน อย่างนั้นก็น่าจะรู้หลักมังกรแข็งแกร่งไม่สยบงูเจ้าถิ่นสิ ทำไมถึงได้ทำตัวเป็นศัตรูกับทากาฮาชิ เอคิจิได้ เจ้าหนุ่มคนนี้นิสัยออกจะมุทะลุไปหน่อย…”
ซูจือหยูส่ายหัวและกล่าวอย่างเสียดาย “ผู้ชายคนนี้หน้าตาไม่เลว คิดไม่ถึงว่าสมองจะไม่ค่อยดี…”