อารามกษิติครรภ์เป็นอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์
ดังนั้นตอนที่เห็นภิกษุชุดดำกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าหาหลินสวิน พวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงล้วนมีท่าทางรอดูความครื้นเครง
ยามเจอกันครั้งแรก ท่าทางที่ไม่เห็นใครในสายตาของหลินสวินทำให้พวกเขาไม่ชอบใจยิ่ง
พวกเขาอยากดูนัก ว่าเจ้าคนที่ไม่เห็นใครในสายตาผู้นี้มีความสามารถแค่ไหนกันเชียว
จากนั้น…
พวกเขาพลันเห็นภาพที่ภิกษุทั้งกลุ่มคุกเข่าลงพื้น
ส่วนหลินสวินยืนอยู่ที่เดิมไม่เคยลงมือใดๆ
ภาพที่แปลกประหลาดนี้ทำเอาพวกเฟ่ยหล่างหลันหลิงต่างนัยน์ตาหดรัด
“ภิกษุเหล่านั้น ที่แข็งแกร่งที่สุดก็แค่พลังปราณระดับราชันอริยะเท่านั้น ไม่มีกึ่งจักรพรรดิแม้แต่คนเดียว ถูกคำพูดประโยคเดียวของเจ้าหมอนั่นกำราบก็เป็นเรื่องปกติ หากเป็นข้าก็ทำได้เช่นกัน”
เฟ่ยหล่างพูดเสียงขรึม
ในกลุ่มของพวกเขา คนที่อ่อนแอที่สุดก็มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าแล้ว อย่างเฟ่ยหล่าง หลันหลิงยิ่งเป็นผู้มีปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ แม้ประหลาดใจในอานุภาพที่ประหนึ่ง ‘คำสั่งศักดิ์สิทธิ์’ ของหลินสวิน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกตกใจ
เฒ่าชราผมขาวมองนิ่งๆ ไม่วิพากษ์วิจารณ์
ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิที่อยู่ข้างๆ อดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยกับภิกษุวัยกลางคนรูปร่างผอมซูบข้างๆ ว่า “เจิ้งฉวี เจ้าไปจับคนนอกรีตนั่นไว้”
ภิกษุวัยกลางคนรูปร่างผอมซูบที่ถูกเรียกว่าเจิ้งฉวีพยักหน้า เงาร่างพลันหายไปจากจุดเดิม
……
ภิกษุชุดดำทั้งกลุ่มที่คุกเข่ากับพื้น เลือดออกเจ็ดทวาร ราวกับหนอนที่ถูกกักขัง ไม่สามารถขยับและต่อต้านได้
ภาพนี้ทำให้เหล่า ‘ผู้ศรัทธา’ ที่คุกเข่าอยู่บนมรรคสถานยักษ์ตกใจ ต่างเคลื่อนสายตามองมา สีหน้าตกตะลึง
ราวกับใครก็ไม่กล้าเชื่อ ว่าบนโลกนี้ยังมีคนกล้าก่อเรื่องในอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์!
ไม่ทันไรหลินสวินยืนอยู่เพียงลำพัง ณ ที่นั้นพลันกลายเป็นจุดสนใจของทั้งลานทันที
และตอนนี้เอง ภิกษุวัยกลางคนที่ผอมซูบปรากฏตัวกลางอากาศ
เขาไม่พูดไร้สาระใดๆ ถือคทาขักขระโจมตีใส่หลินสวิน
ตูม!
คทาขักขระนั่นพุ่งโฉบ ม้วนตลบแสงธรรมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมา ควบรวมเป็นเงามายามุนินทร์ที่เคร่งขรึมมากมาย อานุภาพไร้จำกัด กำราบไปทางหลินสวินพร้อมกัน
หลินสวินดีดนิ้วคราหนึ่ง
ปัง!!
ในเสียงระเบิดที่สะเทือนหู คทาขักขระสีดำระเบิดออกทุกกระเบียด ภาพมายามุนินทร์ที่ควบรวมออกมาต่างพังทลายราวกับบุปผาในคันฉ่อง จันทราในวารี
ส่วนเจิ้งฉวี ผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์ที่มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าก็ปากจมูกหลั่งเลือด ร่างโซซัดโซเซ ถูกซัดจนล้มนั่งลงพื้นอย่างแรง สีหน้าซีดเซียว พลังขับเคลื่อนรอบตัวปั่นป่วน
ชั่วขณะหนึ่งเขาถึงขั้นไม่สามารถลุกขึ้นได้!
“หาเรื่องอับอายเอง”
ริมฝีปากของหลินสวินแฝงรอยยิ้มเยาะ
ด้วยพลังปราณในตอนนี้ของเขา สามารถกำราบบุคคลระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งอย่างจักรพรรดิกระบี่นภาประสานได้อย่างง่ายดาย จะเห็นกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าในสายตาได้อย่างไร
ในที่นั้นเงียบกริบ
เห็นภาพนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ศรัทธาเหล่านั้นหรือพวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงที่ดูอยู่ไกลออกไปต่างตกใจ สีหน้าเปลี่ยนไป เพียงดีดนิ้วเท่านั้นก็ทำลายคทาขักขระจนแหลกละเอียด ทำให้เจิ้งฉวีบาดเจ็บสาหัส!
ครั้นมองดูท่าทางเรียบเฉยของหลินสวินอีกครั้ง ก็เกิดการเปรียบเทียบที่ชัดเจนและสะท้านสะเทือนเป็นพิเศษ
“พวกเจ้าเห็นแล้วใช่ไหม เจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนที่มกุฎกึ่งจักรพรรดิทั่วไปจะเทียบได้”
และตอนนี้เองเฒ่าชราชุดขาวจึงพูดขึ้น แววตาราวกับสายฟ้า “หากเป็นพวกเจ้า… จะทำได้ถึงขั้นนี้หรือไม่”
พวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงมองหน้ากัน หากทำเต็มกำลังพวกเขาอาจจะสามารถทำได้ แต่อีกฝ่ายเพียงดีดนิ้วอย่างสบายๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด
นี่ทำให้พวกเขาอยากต่อต้าน… แต่ยังหาเหตุผลที่เพียงพอไม่ได้ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“สหายยุทธ์รู้นานแล้วหรือว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก”
ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดินั่นสีหน้าอึมครึม ความแข็งแกร่งของหลินสวินทำให้เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจและตะลึง แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่ชอบใจคือ เห็นได้ชัดว่าพวกเฒ่าชราผมขาวรู้นานแล้วว่าหลินสวินแข็งแกร่งมาก แต่กลับไม่เคยเตือน แล้วยังมีท่าทางเหมือนรอดูความครึกครื้น
นี่ทำให้ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดินั่นอดสงสัยไม่ได้ ว่าพวกเฒ่าชราผมขาวจะดูเรื่องสนุกของหลินสวินหรือของแดนกษิติครรภ์กันแน่
“สหายยุทธ์เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแค่ดูออกว่าเขาไม่ธรรมดา แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าเขามีความสามารถแค่ไหน”
เฒ่าชราผมขาวอธิบายประโยคหนึ่ง จากนั้นยิ้มพูด “แน่นอนว่าหากสหายยุทธ์ต้องการความช่วยเหลือ ข้าย่อมไม่มีทางนิ่งดูดาย”
“ไม่จำเป็น ในอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์เรา หากยังกำราบคนนอกรีตตัวเล็กๆ คนหนึ่งไม่ได้จะไม่น่าอายหรอกหรือ”
ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิสีหน้าเรียบเฉย สายตาเผยประกายน่ากลัว จ้องหลินสวินที่อยู่ห่างออกไป
ในเวลาเดียวกันหลินสวินเองก็เคลื่อนสายตามองไป ดวงตาดำลึกล้ำราบเรียบ “ไม่ต้องห่วง ต่อไปแดนกษิติครรภ์ไม่เพียงแต่จะอับอายขายหน้า ยิ่งจะถูกลบชื่อออกจากโลกนี้”
ประโยคเดียวทำเอาพวกเฒ่าชราผมขาวอึ้งงัน ช่างปากดีนัก!
ที่นี่เป็นถึงอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์ และใครไม่รู้บ้างว่าแดนกษิติครรภ์ที่เป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืด แม้อยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เป็นพวกน่ากลัวที่สามารถทำให้ขุมอำนาจใหญ่มากมายต่างหวาดเกรง
ใครจะกล้าประกาศกร้าวว่าจะลบชื่อแดนกษิติครรภ์
“เจ้าคนไม่เจียมตัว ต้องตายชดใช้ความผิดเท่านั้น”
ดวงตาของภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิเผยไอสังหารน่ากลัว เขาสะบัดแขนเสื้อ
ตูม!
ฟ้าดินปั่นป่วน เขตแดนมหามรรคแห่งหนึ่งควบรวมกลายเป็นโลกที่มืดมนเงียบสงัด เข้าปกคลุมยังบริเวณที่หลินสวินยืนอยู่
“ทุกท่านดูเอาเถอะว่าข้าจะหลอมเจ้าหมอนี่อย่างไร”
ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิสีหน้าเรียบเฉย เมื่อความคิดขยับไหว โลกเขตแดนนั่นเกิดอานุภาพไร้ขอบเขต สายฟ้าซัดสาด ลมเมฆแปรเปลี่ยน กฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิท่วมท้นปั่นป่วน กลายเป็นพลังเข่นฆ่ามหามรรคมากมาย
ทันทีที่เห็นภาพนี้ ในหัวพวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงต่างปรากกฏความคิดหนึ่ง
เจ้าหมอนี่จบสิ้นแล้ว!
ระดับจักรพรรดิราวกับปราการสวรรค์ไม่อาจข้ามได้ สูงส่งดุจเทพ ครอบครองพลังที่สะเทือนทั่วหล้า ทันทีที่ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิลงมือ ผลลัพธ์ก็ไม่ต้องสงสัยแล้ว!
แต่ในขณะเดียวกัน…
ตูม!
เสียงกึกก้องประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลายดังขึ้น ทุกคนเพียงรู้สึกว่าจิตใจสั่นสะท้านขึ้นมากะทันหัน จากนั้นก็เห็นว่าโลกเขตแดนที่ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิครอบครอง กลับระเบิดแหลกละเอียดราวกับฟองอากาศ
เงาร่างผ่าเผยร่างหนึ่งพุ่งออกจากละอองแสงที่กลบม้วนทั่วฟ้า ท่วงท่าไร้มลทิน ราวกับเซียนมาเยือนโลก สง่างามโดดเด่น!
“นี่…”
พวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงสูดหายใจหนาวเยือก อึ้งอยู่ตรงนั้น นั่นเป็นถึงอานุภาพแห่งระดับจักรพรรดิ จะถูกระดับกึ่งจักรพรรดิสะเทือนได้อย่างไร
นี่เหลือเชื่อเกินไป!
ชั่วขณะนี้ในใจเฒ่าชราผมขาวก็สะท้านไหว สีหน้าที่เดิมทีเรียบเฉยในที่สุดก็เปลี่ยนไป เผยสีหน้าตกใจ ในฐานะระดับจักรพรรดิ เขายิ่งรู้ชัดถึงความแข็งแกร่งของระดับจักรพรรดิ
อย่างการลงมือของภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิก่อนหน้านี้ ดูเหมือนธรรมดา แต่อานุภาพมรรคจักรพรรดิสามารถกำราบศัตรูที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิทั้งหมดได้แล้ว!
แต่ตอนนี้มกุฎกึ่งจักรพรรดิอย่างหลินสวิน กลับโจมตีการจู่โจมนี้จนยับเยินราวกับเย้ยฟ้า นี่ทำให้เฒ่าชราผมขาวเองยังยากจะเชื่อ ความรู้ความเข้าใจทั้งหมดแทบจะถูกล้มล้าง!
‘ในมือเจ้าหมอนี่จะต้องมีไพ่ตายที่สุดยอดอย่างแน่นอน ถึงสามารถพลิกผันสถานการณ์ได้’ เฒ่าชราผมขาวคาดเดา
เขาไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีใครสามารถก้าวข้ามปราการสวรรค์ระดับจักรพรรดิ เรื่องเช่นนี้ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
ดังนั้นเขาจึงนึกไปตามสัญชาตญาณ ว่าหลินสวินจะต้องยืมพลังบางอย่างที่ไม่ใช่ของตน
ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิคนนั้นเองก็อึ้งไป จิตใจไหวกระเพื่อม ครู่ใหญ่ถึงเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึม
“เจ้าคนนอกรีตตัวดี มิน่าถึงกล้ามาก่อเรื่อง ที่แท้ก็มีที่พึ่ง แต่ในสายตาของข้า เจ้าดิ้นรนไปอย่างไรก็เป็นแค่มดตัวหนึ่ง!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงเขาก็ลงมืออีกครั้งแล้ว
วู้ม!
ประทับกฎเกณฑ์ที่ควบรวมจากแสงธรรมสีดำปรากฏขึ้นกลางอากาศ ประทับกฎเกณฑ์ราวกับดอกบัวเบ่งบาน บนกลีบห่อหุ้มด้วยพลังกฎเกณฑ์มรคคจักรพรรดิอันคลุมเครือน่ากลัว
เมื่อประทับกฎเกณฑ์นี้ฟาดออกไป อารามกษิติครรภ์ทั้งหลังล้วนสั่นไหว กระบวนผนึกลายมรรคนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา เข้าตานทานและสลายคลื่นพลังนี้
ไม่เช่นนั้นทุกอย่างในมรรคสถานนี้ก็จะถูกทำลายสิ้นซากในชั่วพริบตา!
ตูม!
ประทับกฎเกณฑ์พร่างพราวพุ่งทะยานมา มีท่วงท่ากลบฟ้าบังตะวัน อานุภาพไม่อาจคาดเดา น่ากลัวไร้ขอบเขต
หลินสวินไม่เพียงไม่ถอยแต่ยังเดินหน้า
หรือพูดอีกอย่างว่า ชั่วขณะที่ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิลงมือ เขาก็ลงมือไปก่อนแล้ว เงาร่างเคลื่อนย้ายกลางอากาศ แขนขวาต่อดหมัดหนึ่งออกไป
หนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์!
เพียงแต่หมัดนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์ พลังหมัดราวกับเตาหลอมสะท้อนกลางอากาศ ประหนึ่งหุบเหวใหญ่กลืนกินฟ้า กฎเกณฑ์มหามรรคนับไม่ถ้วนซัดสาด ปรากฏความองอาจที่ซัดสะเทือนฟ้าดิน พุ่งทะยานอย่างห้าวหาญ
ตูม…
เสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้องขึ้น พลังหมัดกับประทับกฎเกณฑ์ตัดสลับกัน เหมือนภูเขาไฟที่นิ่งสงบมาหมื่นกาลสองลูกปะทุขึ้น ปลดปล่อยกระแสพลังไร้ขอบเขตม้วนซัดออกมา
ทันใดนั้นกระบวนผนึกลายมรรคที่ปกคลุมอยู่ในอารามกษิติครรภ์ก็ยืนหยัดไม่ไหว ถูกบดขยี้แหลกละเอียดโดยตรง มรรคสถานใหญ่ยักษ์และซุ้มธรรมตระหง่าน… ล้วนพังทลายทั้งหมด
เหล่าผู้มากราบไหว้และกลุ่มเฒ่าชราผมขาวเห็นท่าไม่ดีนานแล้วจึงหนีออกมา ตอนที่เห็นอารามกษิติครรภ์พังทลายจากไกลๆ ยังอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ ตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ตูม!
พลังที่การโจมตีนี้ปลดปล่อยออกมาถึงขั้นแผ่ไปทั่วทั้งเมืองรวมเมฆา ทำให้ทั้งเมือง รวมถึงสิ่งก่อสร้างในเมืองยังสั่นไหวขึ้นมากะทันหัน
ผู้แข็งแกร่งมากมายที่กระจายอยู่ในเมืองล้วนอดหวาดกลัวไม่ได้ ขนพองสยองเกล้า หนีกระเจิดกระเจิงราวกับฝูงสัตว์ที่ตกใจ
“สวรรค์ ถึงกับมีคนกล้ากำเริบสร้างความเสียหายในอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์ด้วยหรือ”
“หนีเร็ว!”
“อานุภาพระดับนี้… เกรงว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิลงมือ!”
“หนี หนีออกนอกเมือง เมืองนี้รักษาไว้ไม่ได้แน่!”
เสียงตะโกนด้วยความลนลานดังก้องขึ้นในพื้นที่แตกต่างกันในเมือง สำหรับผู้แข็งแกร่งที่เข่นฆ่าอยู่ในโลกมืดมานานปี คุ้นเคยกับความวุ่นวายโกลาหลเช่นนี้ยิ่งยวด
พวกเขาอาศัยประสบการณ์เอาตัวรอดมากมาย หนีออกนอกเมืองไปทั้งหมดแทบจะในทันที
กลุ่มเฒ่าชราผมขาวเองก็เช่นกัน
การต่อสู้ของหลินสวินและภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิครั้งนี้ก็เหมือนพายุทำลายล้าง เพียงพริบตาเมืองรวมเมฆาอันกว้างใหญ่ก็จมสู่ความพินาศแล้ว
สิ่งก่อสร้างนับไม่ถ้วนพังทลาย พื้นดินแตกระแหง กลางฟ้าดินล้วนถูกฝุ่นควันปกคลุม ราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผู้คนมากมายหนีออกนอกเมือง ตอนที่เห็นภาพนี้ต่างตกใจจนเหงื่อท่วมตัว รู้สึกเหมือนรอดชีวิตจากภัยพิบัติ
และมีหลายคนไม่สามารถหนีออกมาได้ สิ้นชีพในเมือง!
มองดูภาพนี้จากไกลๆ สีหน้าของพวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิงต่างเปลี่ยนไป ในใจเกิดความหวาดกลัวอย่างไร้ขอบเขต เจ้าหมอนั่น…
เหตุใดจึงแข็งแกร่งเช่นนี้
เฒ่าชราผมขาวสายตาวูบไหววาบประกาย เขาในตอนนี้ก็ไม่สามาถสงบได้เช่นกัน เมืองแห่งหนึ่งกลับถูกทำลายล้างในชั่วพริบตา!
“เจ้านอกรีต กล้ามาสู้กันหรือไม่”
ทันใดนั้นเสียงตวาดเย็นชาและเคร่งขรึมดังก้องฟ้า สะเทือนจนเมฆแปดทิศทรุดทลาย
ก็เห็นเงาร่างของภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิราวกับสุริยันสีดำดวงโต ทะยานอากาศออกมา ส่องสะท้อนใต้ฟ้า ราวกับเทพที่สูงส่ง!
……………………..