อาหารฝรั่งที่เตรียมไว้อย่างดี ถูกเธอกวาดทิ้ง จนลงไปกองอยู่เต็มพื้น

เนื่องจากบนพื้นมีเศษแก้วกระจัดกระจายอยู่บนพื้น หัวหน้าพนักงานกลัวว่าเย่ฉางหมิ่นจะเผลอไปเหยียบเข้า

ด้วยเหตุนี้จึงรีบพาพนักงานสองคนเข้ามาทำความสะอาด

เย่ฉางหมิ่นที่กำลังระบายอารมณ์โกรธไปทั่ว เมื่อเห็นพนักงานเดินเข้ามา ความโกรธก็พลันปะทุ เธอเดินเข้าไปกระชากหนึ่งในพนักงาน แล้วฟาดมือลงบนหน้าของอีกฝ่าย พร้อมกันนั้นก็สบถด่าโวยวายออกมาว่า “ฉันได้บอกให้พวกแกเข้ามาเหรอ? ห๊ะ?!”

หญิงสาวที่ถูกตบหน้า ร้องไห้อ้อนวอนว่า “คุณผู้หญิงใจเย็นๆก่อนนะคะ ฉันกลัวว่าเศษแก้วจะบาดคุณ เลยรีบเข้ามาเก็บกวาดให้……”

ไฟโกรธในใจของเย่ฉางหมิ่นยังคงลุกโชน ออกแรงเพิ่มขึ้นอีกระดับ แล้วด่าทอออกมาอย่างกรุ่นโกรธว่า “นังสวะ! ฉันอนุญาตให้แกเข้ามา แกถึงจะเข้ามาได้ ถ้าฉันไม่อนุญาต ก็อย่าสะเออะหน้ามาให้ฉันเห็น!”

หัวหน้าพนักงานเห็นอย่างนี้ จึงรีบเข้าไปอ้อนวอนอีกแรงว่า “คุณผู้หญิงใจเย็นๆนะคะ เรื่องนี้ฉันเป็นคนต้นคิด ฉะนั้น….”

เย่ฉางหมิ่นเบิกตาโพลงอย่างกรุ่นโกรธ ใช้เท้าถีบท้องของหัวหน้าพนักงาน แล้วพูดเสียงเย็นว่า “ไม่แหกตาดูหรือไง! พวกแกสามคนโดนไล่ออก ไสหัวไปซะ!”

หัวหน้าถูกเย่ฉางหมิ่นถีบจนก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น

บนพื้นเต็มไปด้วยเศษแก้ว ดังนั้นเศษแก้วจึงบาดลึกเข้ามาในผิวหนังของเธอทันที

แต่ในเวลาแบบนี้ เธอไม่มีอารมณ์มาสนใจความเจ็บจากเศษแก้วอะไรทั้งนั้น เธอกุมท้องเอาไว้ด้วยใบหน้าขาวซีด เอ่ยพูดอย่างเจ็บปวดว่า “เจ็บท้อง ลิลี่เรียกรถพยาบาลให้ที”

ลิลี่คือพนักงานหนึ่งในสองคนนั้น เพราะเธอยืนอยู่ห่างจากเย่ฉางหมิ่น จึงไม่โดนลูกหลงไปด้วย

เมื่อเธอเห็นว่าหัวหน้ากุมท้องด้วยความเจ็บปวด ก็รีบเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “พี่หนาน เป็นอะไรไหม? อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวฉันโทรเรียก120!”

เย่ฉางหมิ่นมองเหยียดหัวหน้าพนักงานคนนั้น เอ่ยพูดอย่างขยะแขยงว่า “มาทำตัวน่าสงสารอะไรต่อหน้าฉันไม่ทราบ? คิดจะให้ฉันจ่ายเงินชดใช้ให้แกเหรอ?”

หญิงสาวที่กำลังต่อสายโทรศัพท์พลันโมโหขึ้นมาในทันที “ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้!พี่หนานท้องได้สามเดือนแล้ว! คุณถีบท้องของเธอ ถ้าหากว่าเด็กในท้องเป็นอะไรไป ต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหนก็ชดใช้ไม่ได้หรอกนะ!”

เย่ฉางหมิ่นขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “แกเป็นใคร กล้าดียังไงมาขึ้นเสียงใส่ฉัน?!”

ผู้หญิงคนนั้นหลุดปากพูดออกไปอย่างไม่ยอมว่า “ก็เป็นคนนี่แหละ! ถึงฐานะของพวกฉันจะไม่ได้สูงเท่าคุณ แต่ชีวิตของพวกฉันพ่อแม่เป็นคนให้มา! คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายพวกฉัน?!”

โทสะของเย่ฉางหมิ่นระเบิดออกมาในทันที!

เธอโตมาขนาดนี้ นอกจากหงอต่อหน้าพ่อแม่แล้ว ยังไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่ง และใช้น้ำเสียงกับเธอแบบนี้!

ณ วันนี้ สถานที่ตรงนี้ เธอถูกเย่เฉินและพนักงานพวกนี้ขัดใจครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจจึงกรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก

ตอนนี้เอง เธอไม่สนใจเรื่องที่หัวหน้าพนักงานกำลังตั้งครรภ์อีกต่อไป เดินเข้าไปหาผู้หญิงที่ขัดใจเธอ แล้วแย่งโทรศัพท์ที่กำลังต่อสายหารถพยาบาลมาปาลงบนพื้น จนหน้าจอแตกละเอียด

จากนั้น เธอก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าของผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง กัดฟันพูดออกมาว่า “อยู่ดีๆไม่ชอบ ยังกล้ามาตะโกนใส่ฉันอีกเหรอ อยากตายหรือไง?!”

ขณะที่กำลังพูด เฉินจื๋อข่ายก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ก็รีบเดินเข้าไปถามว่า “คุณหญิง นี่คุณทำอะไร?”

เมื่อเย่ฉางหมิ่นเห็นเฉินจื๋อข่ายเข้ามา ก็ส่งเสียงเย็นเหยียบออกมาว่า “แกมาก็ดีแล้ว ฉันขอถามแกหน่อย ปกติแกดูแลลูกน้องในสังกัดของตัวเองยังไง? กล้าดียังไงมาขัดใจฉัน! คิดจะท้าทายฉันเหรอ?!”

เมื่อเฉินจื๋อข่ายเห็นพนักงานของตัวเองถูกทำร้าย ไม่ต้องถามก็พอจะรู้แล้วว่า เย่ฉางหมิ่นต้องระบายโทสะที่มีต่อเย่เฉินใส่พวกเธอแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงรีบพูดอย่างนอบน้อมว่า “คุณหญิงไม่ต้องห่วงนะครับ สามคนนี้ผมจะจัดการอย่างเด็ดขาด คุณอย่าเพิ่งเดือดมากเดี๋ยวมันจะส่งผลต่อร่างกาย ให้ผมส่งคุณกลับไปพักผ่อนก่อนไหมครับ?”

เย่ฉางหมิ่นโกรธจนกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ มองมาที่เฉินจื๋อข่ายพร้อมกับพูดเสียงเย็นว่า “จัดการเก็บนังคนชั้นต่ำสามคนนี้ซะ!”

พูดจบ ก็ยื่นมือออกไปฟาดลงบนใบหน้าของลิลี่อีกครั้ง จากนั้นถึงได้เดินจากไปอย่างผ่าเผย